การอิจฉาริษยาผู้อื่น (เล่าเรื่องนางจิญจมาณวิกา) : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
พระพุทธเจ้านั้นลองนึกดูทุกคนก็คงเชื่อมั่นในใจว่า
พระองค์ละราคะ โทสะ โมหะ มานะทิฏฐิต่างๆ ได้หมดแล้ว
ใครจะมาด่าว่าทะเลาะพระองค์ พระองค์ก็ไม่ด่าตอบ
ไม่ทะเลาะตอบ พระองค์ก็พูดเหตุผลสู่ฟัง
เอาก็เอา ไม่เอาก็แล้วไป อย่างนี้แหละ
อย่างเช่น "นางจิญจิมาณวิกา" ได้รับจ้างจากพวกเดียรถีย์
ให้ทำอุบายว่าพระพุทธเจ้านั้นได้มาสมสู่อยู่กับตน
ประมาณสักเดือนสองเดือนบัดนี้แกก็เอาไม้ทำเป็นท่อนกลมๆ
แล้วก็เอาผ้าห่อผูกใส่บั้นเอวนี่ แล้วก็นุ่งผ้านุ่งซิ่นรวมเข้าไปกับท้อง
มันก็นูนๆแล้วถือว่าตนมีครรภ์
วันหนึ่งพระศาสดาประทับอยู่บนธรรมาสน์
กำลังจะแสดงธรรมให้พุทธบริษัทฟัง
นางจิญจิมาณวิกานี่ก็ไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์
แล้วก็ไปกล่าวโทษพระองค์ ว่าพระองค์เนี่ยเป็นแต่อภิรมย์ชมชื่นเท่านั้น
เมื่อดิฉันตั้งท้องขึ้นแล้วก็ไม่รักษาครรภ์ ถ้าไม่รักษาเอง
ก็ควรจะใช้ให้นางวิสาขาหรือว่าอนาถาบิณฑิ
ผู้เป็นอุปัฏฐากนั้นน่ะมาช่วยเหลือดิฉันก็ยังดี
อันนี้ไม่เหลียวแลเลย ทีนี้พระองค์ก็ตอบว่า
“ดูก่อนน้องหญิง ไอ้เรื่องเหล่านี้น่ะไม่มีใครรู้
นอกจากเราตถาคตกับเธอเท่านั้นแหละจะรู้ได้”
อือ พระองค์ก็ตอบเพียงเท่านี้แหละ เมื่อนั้นก็พญาอินทร์สิ
บัดนี้ล่วงรู้แล้ว พญาอินทร์ก็นิรมิตตัวเป็นหนู
วิ่งขึ้นไปกัดเชือกที่ผูกอยู่ที่ท้องนั้นให้ขาด
ไม้กลมๆนั้นมันก็ตกลงมาถูกหลังเท้านี่บวมไป
ญาติโยมเห็นเหตุนั้นเข้าไปก็พากันฉุดคร่าออกไปจากศาลา
ทุบตีเอามั่ง ด่าเอามั่ง ก็เช่นนั้นแล้มันทำไม่ดีน่ะมาโกหกพระศาสดา
รับจ้างจากพวกเดียรถีย์ เห็นแก่สินจ้างรางวัล
พอเดินหนีออกไปลับพระเนตรของพระศาสดาเท่านั้น
แผ่นดินก็แยกสูบเอาลงไปไหม้ในอเวจีมหานรก
อันนี้แหละเรียกว่า คนใจบาปหนาสาโหด ขาดปัญญาความใคร่ครวญ
ว่าเหตุนี้เป็นยังไงหนอ เหตุนี้เป็นทางแห่งความเสื่อม
หรือเป็นทางแห่งความเจริญ อย่างนี้ไม่ได้คิดเลย
คิดแต่ว่าจะได้เงินได้ทองมาใช้เท่านั้นพอแล้ว
เรื่องบาปเรื่องกรรมนั้นไม่คำนึง
ไม่คำนึงก็ได้รับผลปัจจุบันทันด่วนนี้นะ
ไปทำกับพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐในโลก
ไปฟ้องไปโจทก์พระองค์โดยไม่มีมูลความจริง
ถ้ามีมูลความจริงนางจิญจินั้นก็คงไม่ไปตกอเวจี
แต่นี้มันไม่มีมูลความจริงน่ะเรื่องมันน่ะ
อย่างนี้ล่ะกิเลสของคนเรา เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว
ก็ให้กำหนดจดจำเอาไว้ในใจ
ไอ้ความริษยาอิจฉาผู้อื่นนี่นะ มันไม่ดีจริงๆนะ
โดยเฉพาะไปอิจฉาริษยาดูถูดูหมิ่นท่านผู้มีศีลมีธรรมอย่างนี้นี่
ยิ่งมีบาปหลาย มีโทษมาก เหมือนอย่างนางจิญจิมาณวิกา
ไปยกโทษพระพุทธเจ้าอย่างนั้น มีโทษหนัก
จนว่าแผ่นดินหนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์รับเอาไว้ไม่ได้เลย
ก็ต้องแยกสูบเอาลงไปไหม้อเวจีมหานรก เช่นเดียวกับพระเทวทัต
อันหมู่นี้เป็นธรรมทั้งนั้น ธรรมเครื่องเตือนใจไม่ให้คนเรานั้นทำบาป
การทำบาปมันเป็นอย่างนั้นแหละ เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว
เอาเป็นคติเตือนใจอยู่บ่อยๆเข้าไป มันก็ทำให้เราละความชั่วไปได้
สำหรับผู้มีปัญญานะ ผู้ไม่มีปัญญาฟังแล้วก็แล้วไปนั่นแหละ
หาได้จำเอาบทสำคัญๆไปสอนใจตัวเองไม่ฟังแล้วก็แล้วไปลืมไปหมด
ไม่ทราบว่าท่านเทศน์อะไรให้ฟังเรื่องอะไร นึกไม่เห็นเลย
คนส่วนมากมันมักจะเป็นอย่างนี้
เมื่อเทศน์ให้ฟังจบลงแล้วถามว่า จำได้ไหมเรื่องอะไรที่เทศน์ให้ฟัง
นี่ว่างั้น ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จำไมได้ก็ว่า มีอย่างนี้เป็นส่วนมาก
แต่ผู้ที่จำได้ก็มีอยู่หรอก แต่มีส่วนน้อย เป็นอย่างนั้น
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"เหตุปัจจุบันของชีวิต"