พระนันทเถระ เอตทัคคะในทางผู้สำรวมอินทรีย์
ใช้ราคะล้างราคะ
เอาชนะกิเลสหยาบ
สำรวมอินทรีย์ละบาป
เพียรปราบนิวรณ์หมดไป.
พระนันทเถระได้บำเพ็ญบารมีมาแล้วในอดีต แม้สมัยของพระพุทธเจ้าองค์ปทุมุตระ เคยถวายผ้าทอ ด้วยเปลือกไม้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แล้วพระองค์ทรงพยากรณ์ว่า
"ด้วยการถวายผ้านี้ ท่านจะเป็นผู้มีผิวพรรณงามดังทองคำ จะได้สมบัติทั้งสอง(ทั้งทางโลก และ ทางธรรม) จะได้เป็น พระอนุชา (น้อง) ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม แม้ท่านถูกราคะ ย้อมด้วยความกำหนัดในกาม พระพุทธเจ้าจะตักเตือนท่าน ด้วยการ ให้บวช ท่านจะได้นิพพานเป็นที่สุด"
ครั้นต่อมาชาติหนึ่ง ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์อัตถทัสสี เกิดเป็นเต่าตัวใหญ่ อาศัยอยู่ในแม่น้ำธัมมตา ได้พบเห็น พระพุทธเจ้า ประทับยืนใกล้ฝั่งหมายข้ามแม่น้ำ จึงเข้าไปหมอบ แทบพระบาทของพระองค์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความประสงค์ของเต่า จึงทรงประทับขึ้นบนหลังของมัน เต่าปีติยินดียิ่งนัก แหวกว่าย ตัดกระแสน้ำข้ามไป ถึงฝั่งโดยเร็วพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุโมทนาในบุญกุศลนี้แก่เต่า แล้วเสด็จหลีกไป
กระทั่งมาถึงชาติสุดท้าย ได้กำเนิดในพระครรภ์ของพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระอัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่ง กรุงกบิลพัสดุ์ หมู่ญาติขนานพระนามให้ว่า นันทะ
ครั้นทรงเจริญวัยแล้ว เจ้าชายนันทะมีรูปร่างสง่างามผิวพรรณดังทองคำ รูปพรรณสัณฐานคล้าย พระพุทธเจ้าองค์สมณโคดม ยิ่งนัก เพียงแต่ต่ำกว่าพระพุทธองค์แค่ ๔ นิ้วเท่านั้น เมื่อถึงวันมงคลสมรสกับเจ้าหญิงสากิยานีนั้นเอง พระพุทธเจ้าเสด็จ บิณฑบาตเข้าไปยังพระราชนิเวศน์ พบเจ้าชายนันทะ จึงประทานบาตรให้เจ้าชายนันทะถือไว้ พอตรัสถ้อยคำอันเป็น มงคลแล้ว ก็มิได้ทรงรับบาตรคืนมา แต่เสด็จกลับสู่พระวิหารทันที ทำให้เจ้าชายนันทะ ต้องถือบาตรตามไปยังพระวิหาร พอถึงพระวิหารแล้ว พระศาสดาทรงให้เจ้าชายนันทะ บวชเสีย เจ้าชายจำต้องบวชด้วยใจไม่ยินดีเลย
ได้บวชแล้วด้วยอาการไม่เต็มใจอย่างนี้ ทำให้ภิกษุนันทะไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ มีใจฟุ้งซ่าน ถูกราคะ เบียดเบียนหนัก ด้วยความคิดถึงเจ้าหญิงสากิยานีนั่นเอง จึงเที่ยวบอก เพื่อนภิกษุทั้งหลายว่า
"ผมไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ไม่สามารถจะทรงพรหมจรรย์อยู่ต่อไปได้ ผมจะบอกคืนสิกขาลาเพศ"
ข่าวนี้ไปถึงพระศาสดา ทรงให้เรียกภิกษุนันทะเข้าหา แล้วตรัสถามว่า
"ดูก่อนนันทะ เธอได้บอกกับภิกษุเป็นอันมากว่า ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ไม่สามารถทรงพรหมจรรย์ไว้ได้ จะบอกคืน สิกขาลาเพศจริงหรือ"
"จริงพระเจ้าข้า"
"ก็เพราะเหตุไรเล่า"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ออกจากวังมา เจ้าหญิงสากิยานีผู้ชนบทกัลยาณีได้กล่าวคำ อันไพเราะว่า ข้าแต่พระลูกเจ้า ขอให้ด่วนเสด็จกลับมาหาหม่อมฉันเร็วไวเถิด ข้าพระองค์ จึงครุ่นคิดระลึกถึงคำของนางอยู่เสมอ ไม่ยินดีประพฤติ พรหมจรรย์เลย อยากแต่จะคืนสิกขาลาเพศ พระเจ้าข้า"
พระศาสดาทรงสดับเช่นนั้นแล้ว ทรงจับแขนของภิกษุนันทะไว้ ทรงจูงจิตให้ไปปรากฏในสวรรค์(สภาวะจิตสุข ของผู้มี จิตใจสูง) ได้เห็นเหล่านางอัปสร (นางฟ้า) ประมาณ ๕๐๐ นาง ซึ่งมีเท้างามดุจนกพิราบ (เรียวเล็กสีชมพู)
"ดูก่อนนันทะ ระหว่างนางสากิยานีผู้ชนบทกัลยาณี กับ นางฟ้าเหล่านี้ ใครมีรูปงามกว่า น่าดูกว่า น่าเลื่อมใสกว่า"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากเอามาเปรียบกับนางฟ้าเหล่านี้แล้ว นางสากิยานีก็เสมือนกลายเป็นนางลิง ที่มีอวัยวะ ใหญ่น้อย ถูกไฟไหม้ หูก็ขาด จมูกก็แหว่ง หาความงาม ได้ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่ง ของนางฟ้าเหล่านี้เลย ที่แท้นางฟ้า ทั้ง ๕๐๐ นี้มีรูปงามกว่า น่าดูกว่า น่าเลื่อมใสกว่า พระเจ้าข้า"
"ถ้าอย่างนั้น เธอจงยินดีเถิดนันทะ จงดีใจยิ่งเถิดนันทะ เราเป็นผู้รับรองเธอ เพื่อให้ได้นางฟ้าอย่างนี้"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับรองให้ได้นางฟ้าเหล่านี้ ข้าพระองค์จะยินดี ประพฤติ พรหมจรรย์ พระเจ้าข้า"
ภิกษุนันทะตกลงเช่นนั้นแล้ว พระศาสดาจึงทรงจูงจิตกลับคืนสู่สภาวะปกติ ณ พระวิหารเชตวันตามเดิม
นับตั้งแต่วันนั้นมา ภิกษุนันทะเริ่มเพ่งเพียรบำเพ็ญสมณธรรม(ธรรมของผู้สงบระงับกิเลส)ทันที
ข่าวนี้กระจายไปในหมู่ภิกษุ ทำให้ภิกษุผู้เป็นสหายพากันพูดเย้าว่า
"ท่านนันทะเป็นลูกจ้างหรือ ประพฤติพรหมจรรย์จึงต้องมีค่าจ้าง.....ท่านเป็นผู้ที่พระศาสดาทรงไถ่ตัวมาหรือไร......ท่านประพฤติ พรหมจรรย์ เพราะ ปรารถนานางฟ้า โดยที่พระศาสดา ทรงเป็นผู้รับรองให้"
ได้รับฟังคำพูดเหล่านี้เข้าแล้ว ภิกษุนันทะก็อึดอัดระอา เกลียดชังถ้อยคำเช่นนั้น จึงหลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่
ปฏิบัติคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย(ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ) หากจะเหลียวไปทิศใด ก็สำรวมจิต เหลียวดูทิศนั้น ด้วยคิดว่า บาปอกุศลคืออภิชฌา (ความโลภ) และโทมนัส (ทุกข์เสียใจ) ไม่อาจครอบงำจิตเราได้
เป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร พิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย แล้วจึงฉันอาหาร โดยมิใช่เพื่อเล่น เพื่อมัวเมา เพื่อประดับ เพื่อตกแต่ง แต่ฉันเพียงเพื่อให้กายนี้ดำรงอยู่ เพื่อเยียวยา อัตภาพ เพื่อขจัดความลำบาก เพื่ออนุเคราะห์แก่พรหมจรรย์ ด้วยการ ทำในใจว่า เราจะขจัดเวทนาเก่าเสีย จะไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ความคล่องแคล่ว ความหาโทษมิได้ และ ความอยู่ผาสุก จะมีแก่เราได้
เป็นผู้กระทำความเพียรอันเป็นเหตุให้ตื่นอยู่ คือ ในตอนกลางวันก็ชำระจิตให้สะอาดจากนิวรณ์ (กิเลสที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุธรรม) ด้วยการ จงกรม ด้วยการนั่ง พอถึงเวลากลางคืน ปฐมยาม (๑๘.๐๐-๒๒.๐๐ น.) ก็ชำระจิตให้สะอาด จากนิวรณ์ ด้วยการจงกรมด้วยการนั่ง พอถึงมัชฌิมยาม (๒๒.๐๐-๐๒.๐๐ น.) ก็พักนอนสีหไสยาสน์ (ตะแคงขวา) กำหนดเวลาตื่นลุกขึ้น พอถึงปัจฉิมยาม (๐๒.๐๐-๐๖.๐๐ น.) ลุกขึ้นแล้ว ก็ชำระจิตให้สะอาดจากนิวรณ์ ด้วยการ จงกรม ด้วยการนั่ง
เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ รู้จิตชัดในเวทนา-สัญญา-สังขารที่เกิดขึ้น ที่ตั้งอยู่ ที่ดับไป
ประพฤติพรหมจรรย์อย่างนี้ ไม่นานนักก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดของพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ด้วยปัญญาอันยิ่ง ของตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี พระนันทเถระ ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลกแล้ว
ดังนั้นจึงได้ไปเข้าเฝ้าพระศาสดาทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงรับรองข้าพระองค์ให้ได้นางฟ้าเหล่านั้น บัดนี้ข้าพระองค์ขอปลดเปลื้อง พระผู้มี พระภาคเจ้าจากการรับรองนั้นด้วยเถิด"
"ดูก่อนนันทะ เรากำหนดรู้ใจของเธอด้วยใจของเราว่า นันทะจะทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ (หลุดพ้นกิเลสด้วยกำลังจิต) และ ปัญญาวิมุติ (หลุดพ้นกิเลสด้วยกำลังปัญญา) ก็เมื่อใดที่จิตของเธอหลุดพ้นแล้วจากอาสวะ (กิเลสที่หมักหมมในสัน/ดาน) ทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่น เมื่อนั้นเราก็พ้นแล้วจากการรับรองนั้น"
จากนั้นทรงประกาศแก่เหล่าภิกษุว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้นันทะจะมีราคะกล้า แต่เป็นผู้มีกำลัง เป็นผู้ก่อให้เกิดความเลื่อมใส นันทะเป็นผู้เลิศยอดในสาวก ของเรา ที่คุ้มครองสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย ทั้งรู้จักประมาณในโภชนะ กระทำความเพียรให้ตื่นอยู่ มีสติ สัมปชัญญะ อยู่เสมอ เหล่านี้ เป็นเหตุให้นันทะ สามารถประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้"
- ณวมพุทธ -
จันทร์ ๘ ส.ค. ๒๕๔๘
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๓ ข้อ ๙๙, พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๖๗
พระไตรปิฎกเล่ม ๓๒ ข้อ ๑๕, อรรถกถาแปลเล่ม ๗๑ หน้า ๑๑)
- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
ซ้ำขออภัยค่ะ
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
การเติบโตจากเหตุการณ์สะเทือนใจ การงอกเงยของจิตใจจากเรื่องที่ไม่ปรารถนา แต่ทำให้เราเติบโตได้มากกว่าเดิม
เปิดประวัติ ผู้สมัคร สส.พรรคส้ม โดนจับคดีฟอกเงินและยาเสพติด
ภาพนี้ที่รอคอย !!! ทหารไทยนำตู้คอนเทนเนอร์ไปวางกั้นพรมแดนบ้านหนองจาน ตามเส้นเขตแดน 1:50000 เป็นที่เรียบร้อย
เขมรเร่งซ่อม สะพาน หลังถูก F-16 ทิ้งระเบิดลง ในช่วงปะทะ
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
จับเรือผี ลักลอบขนน้ำมันดีเซลเป็นหมื่นลิตร กลางอ่าวไทย
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ชนกันกลางอากาศ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
สลิปเงินเดือนของนักบินโผล่บนโซเชียล ทำชาวเน็ตตาโต
อิหร่านประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมที่ผลิตในประเทศจำนวน 3 ดวง
“หวัง อี้” ยืนยันจีนเสนอเงินช่วยเหลือ 20 ล้านหยวนให้ทั้งไทย–กัมพูชาเท่าเทียมกัน
การเติบโตจากเหตุการณ์สะเทือนใจ การงอกเงยของจิตใจจากเรื่องที่ไม่ปรารถนา แต่ทำให้เราเติบโตได้มากกว่าเดิม
เขมรเร่งซ่อม สะพาน หลังถูก F-16 ทิ้งระเบิดลง ในช่วงปะทะ
อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ชนกันกลางอากาศ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
เปิดประวัติ ผู้สมัคร สส.พรรคส้ม โดนจับคดีฟอกเงินและยาเสพติด
“หวัง อี้” ยืนยันจีนเสนอเงินช่วยเหลือ 20 ล้านหยวนให้ทั้งไทย–กัมพูชาเท่าเทียมกัน

