ผมขอรีวิว ไปทำงานและเที่ยวเมืองคนบาป Las Vegas 2015

ไป Work And Travel เมืองคนบาปกันเถอะ Las Vegas 2015
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Pantip ทุกคนนะครับ อยู่อเมริกาเปลี่ยนเป็นชื่อ Calvin ครับ ดูน่ารักๆเล็กๆเพื่อให้ง่ายต่อการเรียกของฝรั่งครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในพันทิปเลย ไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อนเลย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ไม่ถูกใจไม่ถูกต้องตรงไหน ขออภัยไว้ด้วยนะครับผม อาจจะมีภาษาวัยรุ่นบ้างแต่คิดว่าพิมพ์เพื่อความบันเทิงละกันเนอะ เข้าเรื่องกันเลย เรามีโอกาสได้ไป WORK AND TRAVEL มาสองครั้งเลยอยากมาแชร์ว่าไปแล้วดียังไง ได้อะไรกลับมาบ้าง จะพยายามเรียงลำดับออกมาเป็นรูปภาพและ Step By Step นะครับเพื่อง่ายต่อการอ่าน

Keep calm and be exchange student.
“Las Vegas IS Calling!!!!!”

หัวข้อที่จัดเรียงเพื่อง่ายต่อการอ่านนะครับ อันไหนทราบกันอยู่แล้วกดผ่านได้เลยครับ
1.การเตรียมตัว
1.1)เลือกโครงการ
1.2)การเลือกงานและสัมภาษณ์การสัมภาษณ์งาน
1.3)ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ
1.4)แพ็คกระเป๋า
2.ออกเดินทาง
3.ทำอะไรบ้างที่อเมริกา
3.1)ใครจะดูแลเรา
3.2)Social Card / Drug Test / บัญชีธนาคาร / Sim for mobile
3.3)Primm Valley Casino Resort
3.4)FirstJob
3.4.1)การทำงานร่วมกับเพื่อนต่างชาติ
3.4.2)การทำงานร่วมกับเพื่อนๆคนไทย
3.5)Second Job
3.6)Casino/Alcohol/Club
3.7)Review Las Vegas
3.8)กิจกรรม/ช็อปปิ้ง
3.8.1)Concert
3.8.2)FreeHug
3.8.3)Shopping
3.9)วันสุดท้ายของการทำงาน
4.การท่องเที่ยว
4.1)Transportation การเดินทาง
4.2)Hotel ที่พัก
4.3)ไปเที่ยวกับใคร
4.4)Review Los Angeles
5.Tax Refund

1)การเตรียมตัว
1.1)เลือกโครงการอย่างไร
สำหรับเรานะครับ เราว่าการเลือกโครงการจะเป็นโครงการไหนก็ได้แค่มีงานที่ตรงตามที่เราสนใจก็พอล่ะครับ เพราะเวลาไปอยู่ที่อเมริกาทางโครงการที่ไทยแทบจะไม่ได้ติดต่อมาเลย จากประสบการณ์ที่ผมไปสองครั้ง แต่ก็อ่านรีวิวประกอบเพื่อความแน่ใจอีกทีก็ได้นะครับ ปัจจุบันมิจฉาชีพมันเยอะ

1.2)การเลือกงานและสัมภาษณ์งาน
เราเลือกมากับโครงการนี้เนื่องจากรายได้ดี ชั่วโมงดี เรทดี บ้านถูก เดินไปทำงาน มีข้าวกลางวันให้กิน อะไรจะครบครันขนาดนี้ ตอนแรกสมัครไปทำ Subway ภาษาไม่ผ่านจ้า ทางนายจ้างจึงเสนองาน Lifeguard ให้ทำ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากได้หรอก สุดท้าย ฟินสุดสบายสุดเลยครับ Lifeguard ที่นี่จ่ายชั่วโมงล่ะ $9.5/hour แหนะ รายละเอียดว่ายังไงเดี๋ยวเม้าๆทีหลัง

1.3)ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
120,000-150,0000บาท ตัวเลขอาจจะดูเยอะนิดนึง แต่คิดว่าไปซื้อประสบการณ์ที่หาไม่ได้จริงๆในเมืองไทยนะครับ หรือถ้าโชคดีได้ 2 Job อาจจะรวยเลยหรือได้ทุนคืนก็ได้ เพราะถ้า Job เดียวได้ทุนคืนก็คงจะยากเพราะเราต้องกิน ต้องอยู่ ต้องใช้ ต้องช็อปปิ้ง ต้องเที่ยว ถึงจะครบตามเป้าหมายของโครงการ รอบนี้เราไปมาได้คืนมา 80000 บาท สรุปเหมือนเสียไปแค่ 50000 เองทั้งๆที่อยู่ เกือบ 3 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้เงินของแต่ละคนด้วยนะครับ เพื่อนสาวบางคนก็คือ หมดไปกับคาสิโนก็มี หมดไปกับการกิน Shopping ก็เยอะ

1.4)แพ็คกระเป๋า

1.”ของใช้” ก็เอาไปแค่ที่ต้องใช้ พวกเสื้อผ้านี่ไม่ต้องขนไปเยอะนะครับ ตอนทำงานก็ต้องใส่ Uniform อยู่ดี ซื้อใหม่ดีกว่าถูกๆและดีๆเยอะเลย ถ้ากระเป๋าเหลือซื้อพวกแชมพู ยาสีฟัน สบู่ไปก็จะประหยัดได้เยอะเหมือนกันนะ เพราะมันไม่ได้หนักมากในการแพ็คลงกระเป๋าใหญ่จ้ะ
2.”ของกิน” เป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้เราประหยัดเงินได้นะครับ เพราะว่าแต่ละมื้อในอเมริกาก็มื้อละ 150+บาท($5 ก็ตามค่าครองชีพเขานั่นแหละเนอะ) มาม่าอาหารแห้ง พวกปลากระป๋อง โรซ่าฉีกซองที่แกะแล้วเทใส่ข้าวได้เลย มีพวก”กะเพราไก่ มัสหมั่น แกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงเขียวหวาน อื่นๆ”พวกนี้ฉีกแล้วเทราดข้าวจบ ไม่ต้องปรุงใดๆเพิ่ม น้ำจิ้มสุกี้หายากในอเมริกามาก ที่แนะนำให้เอาไปคือพวกรสดี ผงต่างๆ คนอก้อน คนอแกงจืด ผงยำ นี่เด็ดมาก คือใช้ผงเยอะมากอยู่ที่นั่น เพื่อนผมเอาน้ำจิ้มข้าวมันไก่ไป ฟินกันเลยทีเดียว พยายามเอาไปหลากหลายจะได้ไม่เบื่อครับ(แบ่งเพื่อนๆกินได้หลายมื้อด้วยครับ 555555 ) แต่ถ้ารู้สึกว่ากระเป๋ายังเหลือที่ก็ขนข้าวสารไปเบาๆ 2 กิโลก็ยังได้เลย ข้าวที่นั่นก็มีขายนะ แต่เค้าให้กระเป๋าตั้ง2ใบตอนLoad ขึ้นเครื่อง 23+23กิโล ก็ต้องใช้สิทธิให้คุ้มสิเนอะจะได้ประหยัด
3.เอกสาร ก็เช็คอีกทีว่าครบไหม Passport,Visa,DS ต่างๆนาๆ ปกติทางAgency ที่ไทยเค้าจะเรียงมาให้ก่อนขึ้นเครื่องอยู่แล้ว แต่ก็เช็คอีกรอบเพื่อความชัวร์ดีกว่าครับ

2.Ready To Go

1.BKK>>>Tokyo โดยสายการบิน Japan Airline สบายมากเครื่องใหญ่ แจกไอติม Hargendarz บนเครื่อง เก๋ไปอีก จอทีวีใหญ่ดี เบาๆก่อนยกแรก 5ชม
2.Tokyo>>> Los Angeles คราวนี้ของจริง บินข้ามแปซิฟิก10 ชมคราวนี้ดันเป็นเครื่อง American Airline โอ้โห แอร์แก่มาก เครื่องก็เก่า แล้วคือนั่ง 10 ชม เอิบนานมาก ทรมานดี แต่ก็ไม่มากเท่าไร บนเครื่องมีหนังให้ดูหนังใหม่ๆ มีSub ไทยให้อ่านบางเรื่องก็มีพากย์ไทยเลยทีเดียว อาหารสองมื้อ บินตั้งแต่มีแสงสว่างจนมืดและสว่างอีกรอบถึง LA

3.LA>>>LasVegas ต่ออีกชม กว่าๆ ก็ถึง Las Vegas เมืองแห่งคาสิโน ก็คือว่าลงจากเครื่องมา ยังไม่ทันเข้า Immigration เลยนะ ตู้ Slot Muchine ก็คือวางไว้หน้าเกตเลย เรานี่คันมือยิกๆอยากเล่นมากเลยครับ แต่ก็อดเพราะอายุไม่ถึง 21 บริบูรณ์ ตื่นเต้นมากๆตอนถึง LV
4.LV>>>Primm Valley นั่ง Taxi จาก สนามบินมาแล้วลงที่โรงแรมในเครือของ Primm แล้วนั่งรถรับส่งพนักงานเข้าไปที่ Primm ตอนแรกคิดแล้วว่าแบบ โรงแรมเราอยู่ใน Las Vegas เก๋แน่นอน สรุปเป็นไงล่ะ นั่งรถออกจากเวกัสประมาน 1 ชมคือจริงๆแล้วโรงแรมที่ไปทำ เหมือนเป็นโรงแรมจุดพักรถใจกลางทะเลทรายเหมือนในหนังนั่นแหละ แต่คือตรงนั้นมันมีเอ้าเลท ปั้ม ของกิน สวนสนุก แต่อยู่ในกลางทะเลทรายเพียวๆ เศร้าเลย เข้าเวกัสแต่ละทีก็คือใช้เงินเยอะ

3.ทำอะไรบ้างที่อเมริกา
3.1) ใครจะดูแลเราเมื่อมาถึง
นี่ครับ มาถึงตอนแรกคืองงมาก เพื่อนเราล็อตที่มาถึงก่อนก็คือ นางลองโทรไปหา Agency ของอเมริกา คล้ายๆเป็นโครงการเด็กแลกเปลี่ยนนานาชาติประมาณนั้น มันจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตามพื้นที่ต่างๆตามเมือง โทรแล้วถ้าเขาอยู่ เขาจะมารับเราพาไปทำ Social card, Drug Test ,พาไปWalmart เปิดซิมโทรศัพท์,เปิดบัญชีธนาคาร พาเดินเอกสารกับที่ทำงาน ดีมากเลยครับ แต่ถ้าสมมุติไปแล้ว ไม่มีใครมารับ ไม่ต้องซีเรียสนะครับ The Show Must Go On ครับ ไปเองก็ได้ ไปกับเพื่อนก็ดี แค่มี Google Map ทุกอย่างคือจะง่าย ไปได้ทุกที่เลย
มาถึง ก็มีการรายงานตัวต่อ Agency อเมริกาภายใน 48 ชม เมื่อมาถึงอเมริกา ห้ามลืมเลยนะ ไม่งั้นโปรแกรมแลกเปลี่ยนเราจะไม่ Activate
พอสมมุติ Activate Program ในเว็บแล้ว ก็พยายามรีบหา Human Resource ของโรงแรมเลย อย่ามัวรอ เพราะจะทำให้งานเริ่มช้า เพราะบางทีต้องมีการดำเนินเอกสารต่างๆนาๆอีก กว่าจะเริ่มงานได้ ฉะนั้น รีบเลยครับที่รัก เงินครับเงิน รอเราอยู่
ตลอดโครงการ ก็ยังต้องติดต่อ Agency ฝั่งอเมริกาด้วยนะ มันจะมี Montly Check in คล้ายๆกับแบบสอบถามประจำเดือนว่าเราเป็นยังไง สุขสบายดีไหม ทำกินกรรมไรบ้าง ก็คือต้องกรอก เดือนละหนึ่งครั้ง ห้ามลืมทำนะ ถ้าลืมทำ โปรแกรมอาจจะ Terminate ได้

3.2)การทำSocial Security Card / Drug test / เปิดบัญชีธนาคาร / Sim for mobile

SSC พูดง่ายๆเหมือนเลขประจำตัวคนต่างด้าว ถ้าพูดกันตรงๆอะครับ ก็คือ ไปที่พวกอารมณ์ที่เป็นเขต ก็แค่เอาPassport DS และเอกสารอื่นๆไป เขาก็จะมีแบบฟอร์มมาให้เรา ถ้าคนไหนมีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปทำ ใช้อันเก่าได้เลยครับผม
Drug Test มันจะเป็น Labatory อย่างดีเลย เหมือนห้องแลปในหนังเลยนะ ก็คือตรวจสารเสพติดในร่างกายนะครับ ถ้าใครกำลังจะดูด Weed อะไรก็พักไว้ก่อนเนอะ เดี๋ยวจะไม่ผ่านเอา เขาจะตรวจจากฉี่ของเรา
การเปิดบัญชีธนาคาร เราเลือก Bank Of America เพราะเพื่อนบอกมันดี แต่ไปๆมาๆตู้มันน้อย แล้วก็ยุ่งยากในบางขั้นตอนเช่น ได้บัตรชั่วคราวมาตอนไปเปิดบัญชี แล้วกว่ามันจะส่งบัตรจริง(มีชื่อเราบนบัตร)มาให้ ซึ่งเราดันกรอกที่อยู่ผิดตอนส่งอีก ก็เลยตามเรื่องหลายต่อ ต่างจาก Chase Bank ตู้เยอะ แล้วก็ได้บัตรเลย เราเปิดบัญชีไว้ทำไม??? ถ้าที่ทำงานเราจ่ายเงิน จะได้ Direct Deposit เลย แล้วเราก็รูด Debit มันๆ ในอเมริกาใช้ Debit Card แทน Cash เยอะ ไฮเทคๆ ตู้กดน้ำ ยังรูดบัตรได้เลย เก๋ไหมล่ะ แต่ถ้าๆๆๆๆ ที่ทำงานไหนดี เค้าจะแจกบัตรให้คนละใบเลย ไม่ต้องไปเปิดเอง ถึงเวลาโอนเข้าอย่างเดียว
Sim Card การเปิดเบอร์ที่นู่นก็ดีนะ เอาไว้ติดต่อเพื่อน เวลาอยู่ไหน เพราะชีวิตขาดการเชื่อมต่อไม่ได้ เราเลือก T-Mobile ครับ ถุกสุดๆแล้ว หาซื้อซิมนี้ได้ที่ Walmart เลยครับ เราว่าถูกที่สุดแล้ว $30 โทร100นาที(Note : ระบบโทรศัพท์ที่นี่ ถึงแม้มีคนโทรหาเรา เราก็เสียนาทีเหมือนกันะจ้ะ ไม่เหมือนไทยที่คนรับสายไม่เสีย ก็ดีนะ แฟร์ทั้งคู่) เนต 5GB(ติดSocial น่ะ) สมมุติเราซื้อมา ก็โทรไป Activate มันก็แค่สอบถามข้อมูลบนกล่องซิม เราก็บอกๆๆๆไป ก็ใช้ได้แล้ว

3.3)Review Primm Valley Casino Resort
เป็นโรงแรมคาสิโนอยู่ใกล้ๆเส้นแบ่งเขต Nevada กับ California นะครับ อยู่ใจกลางทะเลทรายเลย เป็น 3 โรงแรมติดกันหน้าจะเครือเดียวกัน Primm Valley,Buffalo Bill’s,Whiskey Pete’s แต่ละโรงแรมก็จะเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันนะครับ

Primm Valley
เป็นโรงแรมหัวใจหลักเลยใหญ่ที่สุด ก็มี Outlet ในตัวครับ มีห้องอาหารพนักงาน มีคาสิโนต่างๆฟิตเนส สระว่ายน้ำ แล้วก็ร้านอาหาร มีปั้ม Chevron มี Mini Mart เล็กๆชอบไปซื้อเบียร์มากินกันครับ มี Carl’s JR,McDonald,KFC,TacoBell อยู่ด้านหน้าครับ ไม่อดตายแน่นอน

Buffalo Bill’s
อันนี้เป็นโรงแรมที่มีสวนสนุก Arcade อยู่นะครับ ก็มีคาสิโนเช่น สระว่ายน้ำเช่นกัน

Whiskey Pete’s
ก็เป็นโรงแรมทีมีสไตร์การตกแต่งแบบคาวบอย อารมณ์เหมืองแร่อะครับ ก็มีสระว่ายน้ำร่มรื่นที่สุด มีสไลด์เดอร์ด้วย และคาสิโน

Primm Fashion Outletเป็นแหล่งหา Second Job ของเด็กเวิร์คทุกคนเลยก็ว่าได้ มีแบรนดังเยอะแยะเลย Coach,Michael Kors, Nike ,Rue21, Fossil, DKNY, Tommy Hilfiger, Calvin Klein
หมู่บ้านพนักงาน

เป็นที่อยู่ของพนักงานครับ จะได้ในราคาถูกมากๆเลยครับ บ้านก็จะมีหลายแบบ บ้านหนึ่งห้องนอนสองห้องนอนอะไรแบบนี้ ของเราได้พักแบบ 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ครัวส่วนตัวตรงกลาง ดีมากๆเลย เพราะนอนห้องละคนเลยส่วนตัวสุดๆ ค่าเช่าบ้านถูกอย่าได้บอกใคร 180$ ต่อเดือนเหมาน้ำไฟแล้ว(เปิดแอร์ตลอด2 เดือนไม่ปิดเลย) ประหยัดไปได้เยอะแถมเดินไปทำงานด้วย มี Fitness , Pool ให้ด้วย มี Market เล็กๆหน้าหมู่บ้าน ก็ขายของกินของใช้นิดๆหน่อยๆ ไข่ นม ผักบางชนิด ข้าวสาร ประมาณนี้ ไม่มีพวกเนื้อสัตว์สดๆ จะเน้นที่ Frozen Food มากกว่า

อันนี้แถมรูปหลังบ้านครับ
3.4)FIRST JOB // LIFEGUARD

Lifeguard เป็นงานง่ายๆ แค่นั่งมองดูผู้ชายเอ้ยคนว่ายน้ำ แค่นั้นเอง แล้วแต่ความเคร่งของโรงแรมครับ โรงแรมเรา แรกๆก็แอบดูเหมือนเคร่งนะ หลังๆคือชิว นายจ้างบอก Stay Awake ห้ามหลับ กฎสำคัญเลย นี่ก็คือขึ้นไปแอบหลับบน เก้าอี้สูงๆอะ บ่อยๆ ใช้ใส่แว่นดำ แล้วเนียนๆเอา เคยโดนจับได้ด้วย โดนด่าเหมือนกัน ไม่ดีนะครับการหลับระหว่างทำงาน ฉะนั้นอย่าหลับ ฮ่าๆ นี่คือก็ไม่รู้ว่ามีคนจมน้ำไปบ้างรึเปล่าระหว่างแอบหลับเนี่ย แต่ละ Position จะเปลี่ยนไปทุกๆครึ่งชั่วโมง ตำแหน่ง 1 2 3 4 หรือเก็บผ้าขนหนูของแขกลงถัง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ Supervisor จะมาเขียนตารางการทำงานให้ทุกเช้า แล้วก็แค่ Follow ตามจบครับ ง่ายไหม ง่าย แค่นั้นเอง
Note*…สอบเทรนยากไหม???
ของเราสอบง่ายๆครับ 3 วัน
วันแรก : มีคนขับรถพาเราไปเทรนครับ ก็แค่ไม่มีอะไรมาก ไปนั่งฟัง Video สอน แล้วก็กลับ แต่วีดีโอแอบนาน
วันที่2 : วันนี้เปนวันฝึกปฎิบัติ มีตั้งแต่น้ำตื้นก่อน แล้วก็น้ำลึก ฝึกกับพวก Lifeguard คนอื่นๆฝรั่งอเมริกันบ้าง นักเรียนแลกเปลี่ยนยุโรปบ้าง วันนี้การสอบปฏิบัติของครูฝึก แค่ อยู่ให้จบ ฮ่าๆ เฉยๆ ไม่มีการสอบเป็นกิจลักษณะขนาดนั้น แค่จับเป็นกลุ่มแล้วครูฝึกก็ยืนบอกให้ทำ 1 2 3 4 ทำผิดก็ ทำใหม่ แค่นั้นเอง อันนี้คือพวก การช่วยคนจมน้ำ ส่วนสอบว่ายน้ำ จะว่ายกบหรือฟรีสตายก็ได้ เหมือนกัน ไม่มีจับเวลา ว่ายพร้อมกัน 20 กว่าคน แอบเนียนว่ายไม่ครบก็ไม่เป็นอะไร เพื่อนเราก็ว่ายไม่ครบครับ แต่เราอยากสตรอง เลยว่ายจนครบค่ะ มีดำเก็บอิฐ ก็คือเขาเปรียบเทียบว่าอิฐเหมือนคนหนึ่งคน ก็หยิบขึ้นมาแล้ว ให้ว่ายถอยหลัง เหมือนกัน ไม่ผ่าน ก็ซ่อมครับ แค่นั้นเอง ตลอดการเทรน เหมือนเขาห้ามใส่แว่นตาว่ายน้ำเลยนะ เพราะผมใส่ ครูฝึกก็บอกให้เอาออก
วันที่3 : วันนี้เป็นวันที่สอน CPR แล้วก็สอบ ​Choice ตามสเต็ป ชิว ชิวยังไง นั่งสอบรวมกัน แบบโต๊ะเดียวกัน เราชินอยู่แล้วเรื่องลอก ยิ่งเปน ABCD ยิ่งง่ายเลย ก็ลอกพวกฝรั่งสิ ภาษาบ้านมันฉะนั้นมันต้องทำได้ จะทำเองก็ได้แหละ (มั้ง) เพราะศัพท์เทคนิคเยอะ การส่งกระดาษคำตอบ ตรวจกันสดๆ มีเปนช่องๆมาเทียบอะของครูฝึก ข้อไหนตอบผิด ก็แค่ไล่กลับไปทำใหม่ แล้วก็มาส่งจนกว่าจะถูก ฮ่าๆๆๆๆๆ ฉะนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะมันก็ลอกได้ครับ
Note*….ใส่ชุดอะไรตอนสอบ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็น Uniform นะครับสำหรับผู้ชาย ผมใส่แค่กางเกงผ้าร่ม ตัวเดียวเลย Sexy สุดๆ 5555555

ในการทำงาน
มี 2 กะการทำงาน
10:00-18:00 กะเปิดสระกับ 12:00-20:00 กะปิดสระ จะได้ทำแค่ 8 ชั่วโมงต่อวัน 5วันต่อสัปดาห์ ฉะนั้นจะไม่มีแจกโอทีสักเท่าไร เพราะเขาควบคุมงบครับ ถึงเราจะขยัน มันก็ไม่ให้ทำ เพราะจ่ายโอที จากปกติชั่วโมงล้ะ $9.5 จะกลายเป็นชั่วโมงล้ะ $14กว่าๆ เลยไม่คุ้มกับทางโรงแรม
พอทำไปสักพักนึงก็พักเที่ยง พักเที่ยงที่นี่ดีอย่าง ได้กินข้าวฟรีแล้วก็ยังได้ตังอยู่ในชั่วโมงที่เราได้กินข้าว พัก 1 ชมข้าวหน้าตาเป็นแบบนี้ ไม่ค่อยอร่อยหรอก แต่ก็”กินกันตาย”เอาครับ
ถ้าไม่มีแขกในสระก็สบาย อยู่ในบ้าน Lifeguard ได้ เล่นมือถือได้ นอนเป็นกิจลักษณะเลยก็มี แขกบางคนมีลำโพงมาเปิดเพลงฟังเราก็พลอยเพลินไปด้วย แต่ Las Vegas กับ Lifeguard นี่อากาศทรมาณมากๆเหมือนกันนะ เจอสูงสุด 44”C ในบางวัน ร้อนขนาดไหน ลองคิดแค่ เอาไดร์เป่าผม มาเป่าตัวทั้งวัน แค่นั้นเอง แล้วนี่ก็แปลก ไม่ค่อยมีเมฆเลย บนท้องฟ้า ฟ้า Clear มากๆ มันสวย แต่ เราอยากได้เมฆมาบังความร้อนมากๆครับ ต้องอยู่ด้วยความสตรองมากๆครับ มีครีมกันแดดและน้ำเย็นให้กินตลอด
Note*…Uniform เราไม่ต้องซื้อครับ มีสวัสดิการให้ มีให้ตั้ง3-4ชุดบริการซักให้ด้วยทุกวันทุกตำแหน่งงานเลย เราไม่ต้องซักเองให้ลำบาก ไปถึงก็ไปบอกCounter Laundry บอกรหัสพนักงานไป เขาก็จะหยิบชุดมาให้

3.3.1)การทำงานฝึกภาษาร่วมกับเพื่อนต่างชาติ

ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนฝั่งยุโรปมากกว่า มาจาก มาซิโดเนีย เซอเบีย มอลโดวา โรมาเนีย ต่างๆ เพื่อนๆนิสัยดีมากน่ารักมาก ช่วยงานดีมาก ขยันกว่าคนไทยอีกนะในบางคน เราไม่จำเป็นต้องจำเป็นต้องฝึกภาษาอังกฤษกับคนอเมริกันเท่านั้น เราคุยกับพวกเด็กยุโรปเด็กจีนก็ต้องคุยภาษาอังกฤษอยู่ดีเพราะเราพูดภาษาอื่นไม่ได้ เราก็พูดภาษาอื่นได้จากให้เพื่อนๆต่างชาติสอนนี่แหละ มาได้มากกว่าหนึ่งภาษาแน่นอน (ส่วนใหญ่เป็นคำหยาบนะ พูดกันตรงๆ ฮ่าๆ) เด็กยุโรปจะดูโตกว่าเด็กเอเชียมาก บางที อายุ 20 เท่าๆกัน แต่คนไทยกะคนจีนหน้าตามวัย แต่ยุโรป 20 นี่คือไปไกลแล้ว เราเคยทำกับอาหารไทยให้เพื่อนฝรั่งกิน เอามัสมันโรซ่าฉีกซองให้กิน มันบอกเผ็ดมาก ทั้งๆที่มันไม่เผ็ดสำหรับคนไทยเลย เพื่อนฝรั่งก็ทำอาหารให้เรากินคืนนะ ชื่อเมนูว่า Mamarica(อาจจะพิมพ์ผิดนะครับลืมครับ เบลอ)เป็นอาหารคล้ายๆเอา เอาครีมมาทำมั้ง ไม่อร่อยเลยสำหรับเรา 555555 คงไม่ชินแหละ

ช่วยการทำงาน เราเป็นคนติดยาดมหงส์ไทยมากๆเวลาอากาศร้อนดมแล้วสดชื่นมากครับ แล้วคือเพื่อนฝรั่งเอาไปดม ดมกันแบบยี่สิบคน ก็ชอบกันยี่สิบคนอะไรแบบนี้เลยนะ จะอะไรขนาดนั้น สุดท้ายแบบมันชอบกันมากๆ เราอยากให้เป็นของฝาก เลย Shipping มาจากประเทศไทยเลยนะ ค่ายาดม 250บาท ค่าส่ง 400บาท เอามาให้ ถูกใจกันยกใหญ่เลยล่ะ “You Make My Day” ประโยคนี้ทำให้เรามีความสุขมาก
เพื่อนฝรั่งดีมาก ก่อนกลับเราสนิดกันมาก ชวนกันไปเที่ยว Downtown ใน Vegas กินเบียร์กันสนุกสนานเลย เพื่อนเทคแคร์ดีมาก เราตอนนั้นอายุ 20.ปลายๆ เข้า Club ไม่ได้ แต่เพื่อนฝรั่งเข้ากันได้แต่เราเข้าไม่ได้ มันก็ไม่ไปกันบอกเราลองหาร้านอื่นเข้าดู แล้วก็ได้อยู่ร้านหนึ่งที่ให้เข้า เลิศมากกก แบบ เพื่อนผู้ชายเทคแคร์ดีมาก haha เพื่อนฝรั่งไม่ได้กีดกันเราอย่างที่เราเป็นเด็กเอเชียเลยนะ เพื่อนๆฝรั่งเราก็อายุไล่ๆกับพวกเรานี่แหละ ก็เป็นเพื่อนกันได้แค่เกิดคนละประเทศและพูดคนละภาษาแต่เราก็สื่อสารโดยภาษาอังกฤษ

3.3.2)การทำงานร่วมกับเพื่อนคนไทย

แน่นอนว่าตอนเราไปเราไม่ได้ไปคนเดียว รอบนี้ที่ไปคนไทยน้อยหน่อยมี 13 คนเองที่ Primm เราเลยสนิทกันมากเพราะคนไทยมีอยู่แค่นี้ เพื่อนๆมาจากต่างมหาลัย สนิทกันจนไม่มีพี่น้องเลย เพื่อนดีมาก ทำกับข้าวให้กินแล้วเราก็ทำให้เพื่อนกินเหมือนกัน ตอนนี้ยังจำเมนูโปรดของแต่ละคนได้เลยว่าชอบกินอะไรกันบ้าง ชวนกันไปเที่ยวเวกัส ไปช็อปปิ้ง มีปัญหาก็ลากมันไปแปลภาษาให้ก็มี เพื่อนๆที่ทำSubway ก็ชอบทำSubway มาฝาก ฟินมากเลย ชอบให้เพื่อนพาไปเล่นคาสิโน ยืนดูมันเล่นแล้วให้มันกดให้ เพราะความอยากเล่นแต่อายุไม่ถึง เวลามีปัญหาตั๋วเครื่องบิน ทำงาน นายจ้าง ต่างๆนาๆ เพื่อนๆเรานี่แหละครับ ช่วยเราเสมอ พูดแล้วสงสัยต้องนัด Meeting เพื่อนๆเร็วๆนี้แล้ว ดีใจมากที่ได้พบกับเพื่อนกลุ่มนี้ ปัจจุบันยัง Keep Contact กันอยู่ คนไหนจะไปPrimm แอดมาถามรายละเอียดเพื่อนๆเราได้ทุกคนนะครับ มีทุกไซต์งานเลย
3.5)Second Job

คือสิ่งที่ทำเงินและประสบการณ์ได้อย่างดีอีกอย่างเลยแหละครับ แต่บอกก่อนการหาSecond Job ต้องแบบไปถึงอเมริการีบเดินหาสมัครเลยนะทั้งร้านที่ขึ้นป้าย Hiring และไม่ขึ้นถามให้หมด ”Are u now hiring?”อะไรแบบนี้ถามมั่วๆไป พยายามพบ Store manager ให้ได้ พยายามทำ Social Card ไวๆ ต้องใช้เลขโซเชียลในการกรอกเอกสาร ควรมีเบอร์โทรศัพท์มือถือเพราะเขาจะโทรหา ต้องใช้ความอดทนมากเลยนะครับ สมัคร 10-20 ร้าน มีร้านตอบกลับมาร้านเดียว ตามตัว StoreManager ยากมาก เวลานัดสัมภาษณ์งานก็อาจจะโดนตอนที่เราทำ First Job อยู่ ฉะนั้นต้องทำใจก่อนเลยว่าเหนื่อยแน่นอนตอนหางาน เราโชคดีได้ทำร้าน US POLO

ตอนแรก Manager โทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ตอนนั้นทำงานอยู่ต้องรีบมาตอนพักเที่ยง คำถามก็เบสิกๆ ชื่ออะไรทำงานที่ไหนมาจากไหนอยากทำถึงวันไหน อะไรแค่นี้เอง แล้วก็เขาดำเนินเอกสารประมาณ 1อาทิตย์ จนได้ เลขพนักงานมา งานนี้ก็แค่พับเสื้อ พับกางเกง เรียง Shelf ไม่ต้องทำCashier ก็ได้ แค่นั้นเอง ง่ายมากๆ แถมได้เรท $10.0/ต่อชั่วโมง เยอะกว่า First Job อีก ชั่วโมงดีอีก ด้วย ทำ 18:00-22:00 ทำอาทิตย์ละ 3-5 วันเลยแหนะ ตัวทำกำไรเลย แต่ก็แลกมากับความเหนื่อยมากขึ้นเนอะ แต่มีตังช็อปปิ้งแน่นอน

เราพูดจีนได้นิดหน่อย ร้านเราทัวร์คนจีนคือเยอะมากครับ บางทีก็ต้องพูดภาษาจีนกะลูกค้าจีนเพราะลูกค้าจีนชอบพูดอังกฤษไม่ได้ครับ บางประโยคไม่รู้ก็ให้เพื่อนคนจีน Lifeguard สอนแล้วก็เมมเปนภาษาไทยใส่โทรศัพท์ แล้วก็เอาไปใช้ได้ ได้ส่วนลดด้วยนะ ถ้าเป็นพวกพนักงาน ของจะลดอีก 30% บ้าง 40% บ้าง เกือบลืมบอก มี Uniform ให้นะครับ เราได้เป็นเสื้อ ในร้านตัวไหนก็ได้เลย แพงถูกได้หมด 3 ตัว

การจ่ายเงิน: เช่นเดียวกับ First Job จะเอาเป็น Cheque หรือ Direct Deposit ก็ได้ครับ ได้ Cheque ใบสุดท้ายเขาจะเขียนให้วันที่ทำงานวันสุดท้ายเลย
Note1.....ตามกฎของ Agency ที่อเมริกาคือถ้าทำ Second Job เราจะต้องแจ้งกับองค์กร แล้วก็รอองค์กรส่งเรื่องตรวจสอบต่างๆนาๆมันจะยุ่งยากต่อ Manager เรา ถ้าองค์กรตรวจสอบเจอว่าไม่แจ้ง ก็โดน Terminate มั้ง(คิดดีๆ ใครจะว่างมานั่งตรวจสอบข้อมูลของเด็กทั้งหมดเนอะ ) แต่เราก็คือขี้เกียจ รอบแรกที่ไปก็แอบถามเพื่อนที่ทำงานจ็อบสองที่ Wendy(เฟรนชายร้านขาย Hamburger) นางก็บอกนางไม่ได้แจ้งเช่นกัน รอบนี้เราก็เลยไม่ได้แจ้งAgency ก็ทำๆของเราไป ก็รอดไม่มีอะไรนะ เดี๋ยวจะทำTax Refund ได้ด้วยเพราะชื่อเข้าระบบ

Note2.....อันนี้ต้องบอกก่อนไม่รู้ข้อมูลนี้จริงรึเปล่าถ้าผิดขออภัยนะครับ เราจะทำงานได้แค่งานที่มีที่อยู่ที่ระบุไว้ใน DS ของเรา เพราะตอนแรกเราไปสมัคร Mcdonald แล้วมันไม่ผ่าน เพราะเขาบอกที่อยู่มัน Invalid ก็เลยแห้วโชคดีที่โรงแรมเรามี Outlet และที่ตั้งอยู่ในที่เดียวกันกับในเอกสาร DS เลยโชคดีไป (แต่ส่วนใหญ่ร้านอาหารไทยจะทำได้เลยนะ เพราะเราจ่ายเงินนอกระบบ คุยกันง่าย พูดง่ายๆว่างานใต้ดินผิดกฎหมายน่ะครับ แต่เปนงานสุจริตนะๆ พวกล้างจานเด็กเสริฟ)
3.6)Review Las Vegas

ร้านบุฟเฟ่ต์จีนในอเมริกาอร่อยทุกร้าน เพราะว่ามันไม่ใช่อาหารจีน 100% แต่เป็นอาหารจีนที่ Adapt มาให้เข้ากับรสชาติของคนที่นี่ อร่อยมาก เริ่มต้นที่ $6.95-$10 for Lunch $10-$15 for Dinner ทีเด็ดของบุฟเฟ่อาหารจีนกลางวันคือถือว่าถูกมาก แล้วอร่อยในรสชาติคนไทยด้วย ถ้ามาตอนDinner จะมี ขาปูยักษ์ให้ตักไม่อั้น เมนูนี้เราโปรดมากเป็นที่สุด เพราะหากินในเมืองไทยไม่ได้เลย มากินบ่อยมากๆ น้ำหนักขึ้นมา 4-5 โลเลยครับเพราะอีปูยักนี่แหละ มีซาเซมิ ยากินโซบะผัดสด เกี้ยวชีสอันนี้ก็อร่อยๆไม่มีขายในเมืองไทย มีหอยนางรมสด ปลาแซลมอน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Note.....'การเดินทางภายในVegas แนะนำซื้อ One Day Pass $5(บนรถเมล์เลย เงินสด) ไม่มี Subway นะจ๊ะในเวกัส

ถนนเส้นหลักของ Las vegas ชื่อ Strip เป็นถนนที่มีคาสิโนสุดหรูตลอดถนนเลย
1.ป้าย Fabulous Las Vegas อยู่ต้นถนนเลย ฝั่ง South เดินลงไปจาก Mandalay Bay เป็นแลนด์มากของVegas

2.Bellagio โรงแรมที่มีโชว์น้ำพุเปิดเพลง My Heart Will Go On ของ ป้า Celine
3.Ceasars Palace โรงแรมที่จัดConcertต่างๆ เด๋วเรามีรายละเอียดให้ๆตอนหัวข้อกิจกรรม ตกแต่งเปนสไตร์กรีกโรมัน อลังกาลมากๆ มีห้างข้างในให้ช็อปปิ้งด้วย เหนรีวิวกันมาว่าอาหารอร่อยแต่มะได้กิน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4.Paris โรงแรมที่มีหอไอเฟลขึ้นไปชมวิวถ่ายรูปได้

5.Venetian นี่ก็หรูมาก เพราะมีตกแต่งสไตร์กรีกโรมันเช่นกัน ที่ Macau ก็มีนะ

6.NewYork NewYork ที่มีเทพีเสรีภาพ จะได้ไม่ต้องไปถึง นิวยอร์คก็ถ่ายเทพีเสรีภาพได้

7.Mandalay Bay อันนี้ตึกสวยดีสีทอง มี Aquarium ด้วย

8.Luxor ที่เป็นปิระมิด ตอนกลางคืนมีแสงปริซึมยิงขึ้นฟ้า แต่มืดไปหน่อย ตอนเห็นนี่โพสท่าของ Katy Perry ทันทีเลยครับ

9.Freemont เป็นย่าน Downtown ของ Las Vegas ก็เป็นสถานที่บันเทิงทั้งหลาย เหล้าเบียร์ต่างๆ โชว์ เปิดหมวก สนุกมากเลยครับที่นี่ เป็น Scene ในเพลง Waking Up in Vegas - Katy Perry ด้วยครับ


3.7)Casino / Alcohol / Club
Casino : เป็นการพนันที่ถูกกฎหมายในอเมริกา อายุที่จะเล่นได้ 21 ปีบริบูรณ์ แค่ปีไม่ได้นะครับ ต้องเดือนและวันด้วยครับ มันเคร่ง ตอนเราไปเศร้ามากๆ อยากเล่นคันยิกๆ บางทีก็ฝากเพื่อนเล่นยืน Control อยู่ด้านหลังแล้วให้มันกดให้เนียนๆ แล้วก็หลายครั้งที่แอบเล่นที่คาสิโนตัวเอง ตามสไตร์ เด็กเอเชียหน้าเด็ก Security ก็จะเดินเข้ามาถามแล้วตรวจบัตร ถ้าไม่มีนางก็จะไล่ให้ออกไปจากบริเวณคาสิโนครับ เคยโดนเตือนด้วยเศร้ามาก นางบอกถ้าครั้งต่อไปเห็นอีก งานของคุณ จะถูก Terminate ทันที คงเป็นเพราะเราเล่นที่คาสิโนที่โรงแรมตัวเองด้วยแหละ แต่ไปเล่นในVegasก็แล้วแต่โอกาสโดนสุ่มตรวจอยู่ดี คาสิโนที่เวกัส จะเป็นแบบลูกเล็กเด็กแดงเข้าไปในโซนคาสิโนได้เลย แต่จะให้เดินผ่านยืนดูอะไรไม่ได้ถ้าอายุไม่ถึง ไม่เหมือน Macau ที่จะตรวจอายุของคนทุกคนก่อนเข้าโซนคาสิโนครับ ก็เล่นตามที่สะดวก คาสิโนในเวกัสหรูกว่าคาสิโนตามปอยเปตมากนะครับ อันนี้ผมคอนเฟิมครับ haha ไม่ได้แนะนำให้ติดการพนันนะครับ แต่เล่นเพื่อความสนุกสนานขำๆพอ เราเล่นไปก็เสียไปสิริรวมทั้งโครงการ $60 กว่าๆ ดวงไม่ค่อยขึ้นครับตอนเล่นที่นี่ BlackJack , Roulette , Slot Machine เล่นอันไหนก็ไม่ขึ้นเลย ส่วนใหญ่แอบเล่นกับตู้ออนไลน์เพราะมันไม่ต้องโดน Dealer(คนแจกไพ่) ถามว่าอายุเท่าไร พอเล่นได้หรือเสีย ก็กด Collect แล้วเอาตั๋วเงินสด ไปขึ้นได้ที่ตู้ATMอัตโนมัติครับ ไม่ต้องแลกชิปถ้าเปนตู้อัตโนมัติใส่ Cash เงินสดได้เลยครับ
Alcohol : การซื้อแอลกอฮอก็อายุ 21เท่ากันครับ ซื้อในปั้มน้ำมัน ซุปเปอร์มาเก็ตเล็กใหญ่ หรือบาร์ตามถนน คอกเทล เหล้าปั่นใดๆ ก็อายุไม่ถึง 21 ก็ห้ามครับ มีทางแก้****** ให้เพื่อนที่อายุให้ถึงซื้อใ้ห้กิน แค่นี้ รอด!!! หลายรอบที่อยู่ที่อเมริกา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝรั่งเมาแอะ เม้ามอยกันมันมากๆ Skill ภาษาอังกฤษจะพูดดีขึ้นเพียงแค่คุณเมา 55555 ให้คนอายุถึงไปซื้อแล้วหารกัน Budweisers แซ่บอีหลี ขวดเบียร์สวยทำออกมาดีมาก มี Singha มาขายด้วยนะที่นี่ ตาม Asia market
Club : หรือผับ นี่ก็ 21เท่ากันครับ น่าสงสารมากๆที่ตอนไปยังไม่21เต็ม แต่ตอนก่อนกลับมีโอกาสไปนะ ที่เล่าให้ฟังว่าไป Hang out กับเพื่อนฝรั่ง บางที่ก็แอบหยวนๆก็มีนะ บางผับมีเสียค่าเข้าเฉพาะผู้ชายด้วยโคตรเซง เพื่อนสาวฝรั่งนางก็คือเข้าฟรี ผมก็ต้องจ่ายตามผู้ชายคนอื่นเศร้ามาก เข้าไปก็มีแต่ ช ญ เศร้ามาก ฮ่าๆๆๆ ตอนนั้นจ่ายไป $10สำหรับค่าเข้าผู้ชาย แต่ก็ Enjoy นะ ได้มีโอกาส Hang Out ในต่างประเทศ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

3.8)Activities / Shopping
Grand Canyon

ช่วงตอนที่อยู่รีบหาเวลาว่างจาก Day Off เลย หา one day trip ทัวร์จีน จาก Vegas ไป Grand Canyon หาได้ราคาถูกมาก 55$ เองอะ แต่ไม่มีอะไรให้เลยนะไม่มีข้าวให้ ทำผัดมาม่าใส่กล่องไปกินเอง ได้ไปฝั่ง South + Hoover Dam รถออกตี 5 ที่โรงแรม Circus ในถนน Strip กลับมาถึง 17:00

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.8.1)Concert And Show Live In Las Vegas
ใครชอบศิลปินอเมริกา Vegas เป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะมีโชว์ประจำของแต่ละคน แสดงไว้แต่ละที่ตอนเราไป มี David Copperfield , Calvin Harris, งานรวมดีเจอะไรสักอย่าง , Paris Hilton ,Celine Dion นี่คือเสียดายมาก กลับก่อนที่นางจะเปิดโชว์,Eagles,Santana,Rod Staward,Shania Twins หลังจากเรากลับมี Jennifer Lopez และก็มี Madonna ด้วย แต่ที่พีคที่สุดที่เราทันและเลือกคือ
Mariah Carey #1 to Infinity Live In Las Vegas(Ceasars Palace)
คือตอนต้นปีที่ Mariah มาไทย ไม่รู้ข่าวเลยแห้วไป คราวนี้ไปแก้ตัวที่ Vegas จ้า บัตรถูกสุด $60มั้ง แต่ Sold Out คือโอเค 113$ ก็ได้ว้ะ เราก็เลยจัดไป แน่นอนข้อดีที่ดูที่Vegas เครื่องเสียงใหม่กว่า Impact เมืองทอง โปรดั้กชั่นดีกว่าแน่นอน แล้วก็อลังกาลกว่าแน่นอน ตามคอนเซป ซื้อโอกาสที่ต้องได้ดูสักครั้ง นางร้องแต่เพลง Hit 1# on Billboard นะ รู้จักทุกเพลงเลย ร้องไห้ด้วยตอนดู อินเนอร์แรง ฮ่าๆ

Britney Spears Piece of me Live in Las Vegas(Planet Hollywood)
อันนี้คือต้องกราบทีน เลยแบบว่า เป็นฝันวัยเด็กเลยต้องได้มาดูคอน Britney Spears ว่าแบบนางคือตัวแม่ ตอนแรกซื้อ Mariah ก่อนแล้วเพิ่งเห็นว่า Britney ก็จัดช่วงที่เราอยู่พอดี จัดสิครับ รออะไร แต่แบบตั้ง 131$ ก็ถามเพื่อนฝรั่ง ถ้าเธอเป็นฉัน เทอจะขายบัตรมารายไหม (ตอนแรกกะเลือกดูอย่างใดอย่างหนึ่ง) เพื่อนฝรั่งตอบกลับมาว่า “เงินอะหาเมื่อไรก้ได้ แต่โอกาสอะไม่ได้หาได้ตลอดหรอกนะ” หูย ผมนี่เลิกคิดแล้วไปดูอย่างปริ่มใจเลยครับ ไม่เสียใจที่ไปมาสองคอน สิริรวม 245$ ประมาณ มันดูฟุ่มเฟือยไหม เราเลือก ที่ถูกที่สุดที่ทำได้ในตอนนั้นแต่ก็แพงอยู่ เพื่อนบอกแพงจังว้ะ แต่สำหรับ FC ที่มีความฝันแต่เด็กที่คุ้มค่ามาก ซื้อโอกาสดีกว่า จะให้บินกลับไทยแล้วเสียดายว่าทำไมวันนั้นไม่ดูก็ไม่เอาครับ (สะใจมาก ตอนเช็คอิน ว่าไปดูคอนบริทนี่ เพื่อนที่ไทยก็คืออิจฉาเรามากครับ เพราะ Britney ไม่เคยมาไทยเลย และไม่มาเร็วๆนี้แน่นอนติดสัญญา 2 ปีที่เวกัสอะไรนี่แหละ)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.8.2)Free Hug is Freedom

กิจกรรมนี้เราว่า เป็นความ Exclusive ของประเทศเสรีอย่างอเมริกาเลยก็ว่าได้ เราได้แรงบันดาลใจมากจากหนังเรื่อง “หนีตามกาลิเลโอ” เรายืนหน้าBellagio โรงแรมน้ำพุอยู่ประมาณชั่วโมงนึงเพื่ออยากรู้ว่าการเปิดหมวกอย่างเสรีของคนอเมริกาเขาเป็นอย่างไรกัน แถวๆเรามีคนแต่งตัวเป็น Minion เป็นนางโชว์ เป็น Super Hero ต่างๆ มีคนวาดรูป เล่นดนตรี คอสเพล มีสาวๆแต่งตัว Sexy ทุกคนก็ดูสนุกกับการเปิดหมวกของตัวเอง น้ำเปล่าเครื่องดื่มห้ามขายบนถนน อนุญาตให้แค่คนเปิดหมวก จะทำอะไรก็ได้ เพราะผมเห็นคนที่ขายน้ำเปล่าเย็นๆ โดนตำรวจไล่ทุกคนเลย ตอนแรกที่ชูป้ายบอกเลยว่าเขินมากๆๆๆ แต่ก็เอาว้ะ อยากลอง ระหว่างยืนไปสักพักก็เริ่มหายเขินแล้วเริ่มสนุกกับมัน มีคนเข้ามากอดเยอะมากๆ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ Feedback ดีมาก ทุกคนที่เข้ามากอด เราก็บอกเค้าไปว่า THANK YOU แล้วก็เจอคนไทยด้วย มาเป็นทัวร์ ป้าๆเขาก็ถามว่าเป็นไงมาไงล่ะเรา เราก็เลยตอบ นักเรียนแลกเปลี่ยนครับ ป้าเขาก็ยิ้มแล้วก็บอก เต็มที่เลยเนอะลูก เราก็ยิ้มแล้วก็ขอบคุณครับ เจอคนญี่ปุ่น จีน เกาหลี แม็คซิกัน ฝรั่งเศษ ไต้หวัน ไทย ช่วงเวลานั้นเราสนุกและมีความสุขมากๆเลย ยิ้มอย่างภูมิใจ เพราะว่า Thailand Land Of Smile

3.8.3)Shopping
เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องแต่งกายต่างๆ
มีทั้งของ New Arrival ที่ขึ้นตามShop ห้างใหญ่ๆ แต่ทำไมไม่ซื้อ แพง !!! Best Way ที่ เราเลือกคือ Outlet ต่างๆ ในVegas มี 2 Outlet (North,South)คล้ายๆกันแต่เหนือใหญ่กว่า ข้อดีข้องเอ้าเลทคือ เน้นถูก(ถูกกว่าเมืองไทยแน่นอนในบางอย่างที่เป็นของอเมริกา)
เช่น
กระเป๋า
Coach แบรนนี้เป็นของอเมริกาฉะนั้นถูกแน่นอน ถูกขนาดไหน ที่ไทยใบละหมื่นที่นี่ขายได้ สามสี่พันเองครับ ถ้าจะซื้อก็รอพวกวันพิเศษเช่น Memorial Day, Father day, National day หรือเสาร์อาทิตย์ มันจะลดเยอะเป็นพิเศษ เราก็ขนมาเยอะเหมือนกัน มันถูก ยังมีอีกหลายแบรนนะครับ Kate Spade,Calvin Klein ,DKNY,Kenneth Cole,Michael Kors
รองเท้าผ้าใบ
Reebok Adidas Nike Skechers ต่างๆ ก็ถูกนะ ซื้อตามร้านรองเท้าที่มันมีโปร ส่วนใหญ่จะชอบเจอ Buy 1 Get 1 50%(ชิ้นที่ 2 ลด 50%) Skechers เป็นรองเท้าที่เราชอบมากถึงมันจะไม่ค่อยสวยแต่ความสบายชนะทุกยี่ห้อมั่นใจ ที่อเมริกาถูกมากๆแบบ 1500 ที่ไทย 4000 ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ เราเป็นคนนึงที่ขนรองเท้าผ้าใบกลับมา 4-5 คู่เลย ใส่คู่ละเมืองเลยตอนเที่ยว
Cosmetic,Fragrance
อันนี้แนะนำ Sephora กับ Cosmetic Company ถูกกว่าเมืองไทยมากๆ เช่น เราเคยซื้อ Toner Clinique ได้ 12$ ไทยขาย 1000บาท แพงมากๆเลย ส่วนน้ำหอมก้พวกร้านPerfumania อันนี้เป็นอารมร้านรวมน้ำหอมทุกยี่ห้ออะครับ ก็โอเคอยู่นะครับผมว่า
Watch
เราชอบยี่ห้อFossil นะครับ ไม่แพงมากที่อเมริกาเพราะเป็นแบรนของประเทศเขาเลย แต่รอบนี้ฟลุ๊กมาก เจอ Armani ในร้าน Fossil ขายแค่ 130$ เลยถอยมา แต่ไม่ได้ Fossil นะครับ
กระเป๋าเดินทาง
อันนี้อย่าพยายามไปซื้อในช็อปนะครับ Samsonite ต่างๆก็คือแพง ลดแล้วตามOutletก็แพงเช่นกัน เราแนะนำ TJ-Maxx, Marshall,Ross มันจะเป็นห้างที่เหมือนสินค้าตกรุ่นเอามา Sell กระเป๋าลาก Samsonite ใบใหญ่ของแท้เลยนะ 109$ ประมาณ ถูกมากๆ มีหลายยี่ห้อเลย ถ้าตามช็อปก็ยังประมาน 200$ นะจะได้ ปีที่แล้วที่เราไป เราก็เอาไปใบเดียว แล้วตอนกลับก็ซื้ออีกใบแล้วก้ขนกลับมา

ของกินของใช้ต่างๆ
Asia Market/Bangkok Market
ใครคิดถึงอาหารไทยวัตถุดิบไทยๆหรือมาม่าที่เอามาหมดแล้ว Bangkok Market คือทางออกครับ ร้านมีขายตั้งแต่สาหร่ายเฒ่าแก่น้อย ไปยัน เครื่องปรุง พริกน้ำปลา คนอ ไปจนยัน กะทะหมูกะทะ เทียนพรรษา สังฆทาน พานไหว้ครู ไม่ได้โม้นะ ยาสมุนไพรยาดมโป๊ยเซียน มีปลาร้า ไปยันตัวแมงดา(ไม่รู้นางเอาเข้ามาได้ไง) มาม่าซองละ 40Cent ครับ แต่ถ้า ถ้าเป็นAsia Market ก็มีแค่น้ำจิ้ม มาม่าไทย อะไรประมานนี้หรือจิปาถะนิดหน่อย
Walmart
อันนี้ต้องกราบเลยเพราะถ้าไม่มีที่นี่เราลำบากแน่ๆ ของเยอะและถูกจริงๆ ถูกกว่าทุกที่ด้วยนะ ถ้าแบบเมืองไทยก็เปรียบกับโลตัส ส่วนใหญ่ห้างเมืองไทยราคาของจะไล่ๆกัน แต่ของเขา ห้างจะราคาต่างกันพอสมควรเลย เนื้อสัตว์ผักผลไม้นมไข่มาม่าไทยก็มีขายนะ ไอศกรีม Hargendarz ถ้วยเล็ก 1.25$ ไทยขายถ้วยละ 110 บาท เรานี่กินจนอ้วนเลย แนะนำจริงๆเลยครับที่นี่ “Walmart” มีเกือบทั่วประเทศเลยครับ
Dollar Tree, 99 Cent
อันนี้เป็นของทุกอย่างประมาน 98% ของร้านแค่ 1$ เดียว ก็ตามคุณภาพราคา บางอย่างดีบางอย่างไม่ดี แต่เน้นถูกเลยต้องที่นี่ ของกินจะซื้อก็เช็คให้ดีๆก่อนพวกวันหมดอายุ เราก็ลูกค้าประจำของร้านนี้ เพราะว่ามีขายเกือบทุกอย่างเลยเสื้อผ้า พวกครีมต่างๆ ผงซักฟอก ของแต่งบ้าน อะไรประมาณนี้เหมือนกันครับ ลองเดินดูครับ แล้วจะติดใจ

Note’’’’ที่อเมริกาเขาการันตีคุณภาพของสินค้าและความพอใจ ถ้าเราซื้อแล้วเราไม่ชอบอันไหน หรือใส่ไปแล้วใช้ไปแล้ว ก็แค่นำใบเสร็จไปแจ้งแล้วบอก i need to refund นางก็จะคืนเงินมาให้เต็มราคา 100% ควรจะเป็นของที่ใช้แล้วไม่หมดไปใช้ได้แม้กระทั่งของกินนะครับ ตามวอลมาร์ทเคยขี้งกแบบ เดินออกมา เจอร้านนึงขายถูกกว่า 3$ เดินกลับไปรีฟันก็มี เราประทับใจมากๆในระบบตรงนี้ ไม่เหมือนเมืองไทย แค่ขอเปลี่ยนไซต์จะด่ากันแทบตาย ที่นี่คงทำได้เพราะแบบเขามีกำลังทุนมากกว่าที่จะยินดีคืนเงินให้ทุกคนด้วยแหละ อีกกรณีคือ ถ้าสมมุติวันนี้ซื้อ 100$ พรุ่งนี้ลด เหลือ 80$ อันนี้ก็ไปขอส่วนต่างคืนได้นะ “Can you Repurchase again for me?”อะไรประมาณนี้ นางก็จะคืนเงินมาให้ 20$ เก๋มากๆๆๆเลย อย่าลืมใบเสร็จ

3.9)วันสุดท้ายของการทำงาน

ก่อนจะไปเที่ยวขอพูดถึงวันสุดท้ายของการทำงานหน่อยนะครับ คือเพื่อนฝรั่งทำ Surprise ให้ครับ ทั้ง First Job ทั้ง Second Job เลย First Job เพื่อนๆ Lifeguard เกือบทุกคน เขียนจดหมายให้แล้วก็อัลบั้มรูปภาพลาสเวกัส แล้วก็ตุ๊กตาหมี ตอนนั่งอ่านจดหมาย นั่งร้องไห้หนักมากๆแบบ เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วหรอ มิตรภาพมันไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆ ถึงจะเกิดคนละที่คุยคนละภาษาเราก็สื่อสารด้วยกันได้ “I’m so happy to be your friend” ส่วน Second Job เรามีโอกาสได้ทำไม่นาน ประมานเดือนนิดๆเอง เพื่อนๆร่วมงานในร้านได้รวมเงินกันซื้อ กระเป๋าตัง Calvin Klein ให้ เพราะเพื่อนบอก เพราะเทอชื่อ Calvin ไง น่ารักมากๆเลย เพื่อนๆฝรั่งและเพื่อนคนไทยได้ไปส่งขึ้นรถ Shuttle bus เศร้ามาก ฮือๆๆ แต่ “This is Life , The show must go on”