หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

3 วิธี ลดหวาน ห่างไกลโรค

โพสท์โดย ไก่อ้วน

เป็นที่รู้กันดีว่าการกินอาหารรสหวานมากเกินไปย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่แนวโน้มการบริโภคน้ำตาลของคนไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือเอ็นซีดี (NCDs) ซึ่งการติดรสชาติความหวานเป็นพฤติกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

ปรับพฤติกรรม ลดหวาน เลี่ยงโรค thaihealth

ทพ.ญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน  โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายแนวโน้มการบริโภคหวานของคนไทยในปัจจุบันว่า คำว่า “หวาน” ใช้แทนเรื่องการบริโภคน้ำตาล เพราะความหวานในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่มาจากน้ำตาล ซึ่งทางเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานมีกระบวนการติดตามความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลของคนไทย โดยใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งในขณะนี้อัตราการบริโภคน้ำตาลของคนไทย เฉลี่ยที่ 25 ช้อนชา ต่อวัน/คน หรือประมาณ 100 กรัม /คน เป็นน้ำตาลที่กินเป็นส่วนเติมและกินทุกวัน โดยที่ยังไม่ได้รวมในส่วนที่ปรุงมากับอาหาร หรือเครื่องดื่มรสหวานชนิดต่างๆ โดยรวมแล้วคนไทยมีแนวโน้มการบริโภคน้ำตาล หรือรสหวานมากขึ้น แต่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าน้ำตาลเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพรวมของร่างกาย และสุขภาพช่องปากที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกภายหลัง

ปรับพฤติกรรม ลดหวาน เลี่ยงโรค thaihealth

ทพ.ญ.ปิยะดา ยังบอกอีกว่า การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือเอ็นซีดี (NCDs) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ และฟันผุ เมื่อฟันผุก็ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ เด็กที่เคี้ยวอาหารไม่ได้ก็จะขาดโภชนาการที่เหมาะสมตามวัย หรือผุ้สูงอายุเองที่เคี้ยวอาหารไม่ได้ก็ไม่สามารถกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้

“อาการติดรสชาติของความหวานนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่า น้ำตาลไม่ใช่สารเสพติด ดังนั้นคนที่กินน้ำตาลจึงไม่ได้มีอาการรุนแรงจนร่างกายทนไม่ได้ แต่การติดหวานในที่นี้คือติดความสุขจากการได้กินรสหวาน เพราะฉะนั้นพฤติกรรมเหล่านี้สามารถปรับแก้ได้ ซึ่งคนที่ทราบผลกระทบจากการบริโภคน้ำตาลและตระหนักถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับอนาคตก็จะสามารถปรับลดปริมาณของน้ำตาลที่กินในแต่ละวันลงได้”ทพ.ญ.ปิยะดา อธิบายเพิ่มเติม

ปรับพฤติกรรม ลดหวาน เลี่ยงโรค thaihealth

ผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ยังแนะนำ 3 วิธี ง่ายๆ ปรับพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาล ดังนี้

1.ทุกอย่างจะต้องเริ่มปรับที่ตัวเองก่อน ซึ่งต้องค่อยๆ ลดความหวานลงที่ละน้อยให้รู้สึกว่าไม่ทรมานตัวเองมากเกินไป เช่นการปรุงก๋วยเตี๋ยว จากเดิมที่เคยใส่น้ำตาลที่ละมากๆ ก็ควรปรับลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาพอสมควร

2.บอกพ่อค้า แม่ค้า ในการประกอบอาหารว่า “ไม่หวาน” หรือเลือกอาหารที่เห็นว่าไม่มันมากจนเกินไปเพราะจะมีรสหวานพ่วงมาด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นพฤติกรรมที่สามารถปรับได้เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง

3.ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และควรพักผ่อนให้เพียงพอ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย

ที่มา: เรื่องโดย แพรวพรรณ สุริวงศ์ Team content www.thaihealth.or.th
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: aRnoNAe
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อุทยานพระพิฆเนศร้าง จ.ชลบุรี : ความศรัทธาท่ามกลางซากปรักหักพัง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
4 อาหารที่แสนธรรมดา แต่อาจอันตรายถึงตายได้ หากคุณเก็บพวกมันไว้ในตู้เย็นคันฝ่ามือบอกอะไร? มีโชคลาภจริงหรือคนมีผมขาวหรือผมหงอกได้เฮ เพราะผลการวิจัยล่าสุด มีความหวังให้ผมกลับมามีสีปกติเหมือนก่อนหน้านั้น ได้อีกครั้งเบาหวานอย่าเบาใจ เสี่ยงหัวใจวาย! อันตรายถึงชีวิตมากกว่าคนทั่วไป 3 เท่า
ตั้งกระทู้ใหม่