William James Sidis ชายผู้ฉลาดที่สุดในจักรวาล ฉลาดยิ่งกว่าไอสไตน์เสียอีก!!
William James Sidis เป็นชาวรัสเซีย เกิดวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1898 ผู้ที่สมาคมทางด้าน IQ ให้ฉายาว่า “Universal Genius” คืออาจจะต้องให้โลกแตกเสียก่อนถึงจะเจอคน IQ สูงอย่างนี้อีกซักคน ซึ่ง IQ ของเขาประมาณอยู่ที่ 260-300 เลยทีเดียว
พ่อและแม่ของ Sidis เป็นหมออพยพมาจากรัสเซีย ซึ่งวงศ์ตระกูลสายของพ่อของ Sidis จะฉลาดกันมากๆ ว่ากันว่า คนตระกูลนี้สามารถคิดทำความเข้าใจสิ่งต่างๆได้เร็วกว่านักวิชาการเก่งๆถึง 10 เท่า
พ่อของ Sidis เป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น แต่ตอนหลังชื่อเสียงหดหายเพราะชอบโม้ว่ามีเคล็ดลับในการสอนคนรอบข้างให้ฉลาดขึ้นจนเป็นอัจฉริยะกันได้ และยังมีเรื่องเสียๆหายๆอีกหลายเรื่อง แน่นอนเขาก็บอกว่า ทั้งลูกและภรรยาของเขาเป็นผลผลิตจากวิธีการสอนของเขาเอง และนี่คือความอัจฉริยะของ Sidis ที่ฉายแววตั้งแต่เด็ก
- 1 ขวบ สะกดคำทุกคำได้ถูกต้อง
- 1 ขวบครึ่ง สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ New York Times ได้
- 2 ขวบ สามารถเรียนรู้ภาษาลาติน ด้วยตัวเอง
- 3 ขวบ สามารถพิมพ์ดีดแล้ว ส่งจดหมายสั่งของเล่นมาให้ตัวเอง
- 4 ขวบ สามารถอ่านนิยายภาษาลาติน จากนิยายเรื่อง Caesar’s Gallic Wars
- 6 ขวบ เรียนวิชาตรรกศาสตร์ของอริสโตเติล และเริ่มเรียนภาษารัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮิบรู ตุรกี อาร์เมเนียน และช่วงเดียวกันนี้ เขาเริ่มเรียน Gray’s Anatomy พวกกายวิภาค โดยเข้า Grammar School และจบในเวลา 7 เดือน
- 7 ขวบ สอบผ่าน Harvard Medical School anatomy exam
- 8 ขวบเขียนหนังสือเกี่ยวกับ Anatomy และ Astronomy ออกมา ทั้งหมด 4 เล่ม และสามารถพูดภาษาได้ 10 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว
- 8 ขวบ สอบ entrance exam ของ MIT ผ่าน
- 10 ขวบ พบข้อผิดพลาดของหนังสือของ Josiah Royce อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard
- 11 ขวบ เป็นผู้ที่เข้าศึกษาที่ Harvard ที่อายุน้อยที่สุด
- อายุ 16 จบจาก Harvard หลังจากนั้นในปีต่อมา ก็เข้ามาศึกษาต่อ Harvard Law School
ในด้านภาษาการเรียนรู้ของเค้าถึงจุดสุดยอดที่ว่า นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครในโลกสามารถทำได้อย่างตลอดกาล คือ การเรียนรู้ภาษาอย่างคล่องแคล่วภายใน 1 วันและในภายหลัง เขาสามารถ พูด สนทนา เขียน อ่าน ได้อย่างคล่องแคล่ว มากถึง 200 ภาษา
แต่ดูเหมือนว่า ตอนเรียนที่ Harvard เขากลับไม่เป็นอย่างที่ทุกๆคนคาดหวังเอาไว้ เนื่องจากผลการเรียนเค้าอยู่ในระดับปกติ ทั้งที่ควรจะดีเลิศ นอกจากนี้ยังก่อปัญหา และถูกจับในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดการก่อจราจล
ชีวิตเขาในภายหลังแทบเรียกว่า ล้มเหลว เพราะงานก็ไม่เอา เรียนก็ไม่เรียน ทั้งๆที่เป็นบุคคลที่มี IQ สูงและฉลาดที่สุดในจักรวาล มีหลายกระแสบอกว่า เป็นเพราะพ่อแม่ของเขาที่ค่อนข้างกดดันเขาในวัยเด็ก และไม่ได้เล่นสนุกเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป บางกระแสก็บอกว่า เป็นเพราะเขาฉลาดจนเกินไป และปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้
Sidis เสียชีวิตตอนอายุได้ 56 ปี ใน ปี 1923 ขณะที่กำลังเขียนหนังสือเรื่อง The Psychology of the Folk Tale โดยเขามีผลงานตีพิมพ์หนังสือ 17 เล่ม และบทความในนิตยสาร 50 เรื่อง
วันนี้หากลองถามคนทั่วไปว่าใครที่ฉลาดที่สุดในโลก คงมีแต่คนตอบว่า ไอนสไตน์ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า Sidis ความจริงแล้วเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดที่โลกเราเคยมีมา และยังเป็นชายที่มี IQ สูงราวๆ 300
ที่ไอนสไตน์ดังได้และเป็นที่จดจำ เพราะชีวิตของเค้าไม่ได้ล้มเหลวเหมือน Sidis และไอนสไตน์ฝากไว้ซึ่งผลงาน ความฉลาดของเขาส่งเสียงดังกัมปนาท เหมือนระเบิดที่ ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ซึ่งความจริงแล้ว ไอนสไตน์ไม่เคยสร้างระเบิดสักลูก แต่แทบทุกคนก็จดจำเขาในฐานะเจ้าของทฤษฏีอันเป็นต้นตอ ของระเบิดที่ร้ายแรงที่สุดในโลก
สรุปว่า ความฉลาดก็เรื่องหนึ่ง การทิ้งร่องรอยความฉลาดไว้อย่างน่าจดจำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง Sidis ใช้เวลาในชีวิตให้หมดไปกับการเรียนรู้สารพัดศาสตร์ที่น่าสนใจ เขาสนใจกระทั่งศาสตร์ลึกลับต่างๆ ตลอดจนการพิสูจน์จิตวิญญาณในมิติอื่น
ในขณะที่ไอน์สไตน์อุทิศ 30 ปีสุดท้ายของชีวิตให้กับ ทฤษฎีสนามรวม (Umified Field Theory) ด้วยเกรงว่าถ้าไม่ใช่เขา ก็จะไม่มีใครค้นหาความจริงในทฤษฎีนี้พบนั่นเองครับ