อโดนิส ตำนานดอกไม้แห่งความรัก
มาถึงคนรักคนที่สี่ซึ่งเป็นคนที่วีนัสรักมากที่สุด ชื่อว่าอโดนิส ตำนานเล่าว่าวันหนึ่งขณะที่เทพีวีนัสกำลังเที่ยวเล่นอยู่ในป่า นางก็พบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งหักโค่นลง และข้างในก็มีเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งนอนร้องไหเจ้าอยู่ วีนัสจึงรับเด็กชายไว้และตั้งชื่อเขาว่า อโดนิส แต่คนสวยแฟนชุกอย่างวีนัสย่อมไม่มีเวลามาเลี้ยงเด็กเอง นางเลยฝากอโดนิสไว้กับเทพีเพอร์เซโฟนี่ให้ช่วยดูแล
ยี่สิบปีต่อมา วันหนึ่งขณะที่วีนัสกำลังหยอกเอินกับคิวปิดลูกชายตัวน้อย ศรของคิวปิดก็บังเอิญแทงถูกนางเข้า ทำมห้วีนัสตกอยู่ใต้อำนาจของศรรักโดยไม่รู้ตัว หลังจากแยกกับคิวปิด วีนัสก็ไปเดินเล่นในป่าและได้พบกับพรานป่าอโดนิส ซึ่งเติบใหญ่เป็นหนุ่มเต็มเข้า คนที่ต้องมนต์ศรของกามเทพจะหลงรักเพศตรงข้ามคนแรกที่ได้พบเห็น ไม่เว้นแม้แต่พระนางผู้ทรงฤทธานุภาพอย่างวีนัส นางจึงหลงรักอโดนิสในทันที
แต่ชะรอยว่าเจ้าหนุ่มอโดนิสจะไม่ชอบสาวใหญ่ ถึงแม้วีนัสจะงามระดับนางฟ้านางสวรรค์ แต่พรานหนุ่มก็ไม่แยแส เล่นเอาวีนัสที่ปกติแค่กระดิกนิ้วผู้ชายก็มาสยบให้นั้นยิ่งประทับใจในตัวอโด นิส นางเลยมีอาการคลั่งรัก เที่ยวได้ตามตื๊อเจ้าหนุ่มไปเรื่อยๆ อโดนิสไปล่าสัตว์ที่ไหน วีนัสเป็นต้องตามไปอยู่ใกล้ๆ ละแวกนั้น จนชายหนุ่มเริ่มจะเคลิ้มขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่วีนัสไม่ยอมห่างไปจากอโดนิสก็เพราะนางรู้ว่าพราน หนุ่มคนนี้จะต้องตายด้วยสัตว์ใหญ่
ตลอดเวลาที่วีนัสมาติดพันอโดนิส นางก็ห่างเหินคู่รักคนอื่นจนหมด แม้แต่อาเรสที่อุตส่าห์หนีเมียมาหา แต่วีนัสก็ไม่เหลียวแล อาเรสจึงหึงจนเนื้อเต้น ตั้งใจว่าจะต้องกำจัดพรานหนุ่มรูปหล่อคนนี้ทิ้งให้จงได้ อาเรสพยายามหาโอกาสอยู่นาน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะวีนัสคอยขัดขวางอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งเทพีวีนัสติดภารกิจสำคัญมาหาอโดนิสไม่ได้ เป็นโอกาสให้อาเรสแปลงกายเป็นหมูป่าตัวใหญ่ มาหลอกล่อให้อโดนิสไล่ตามมันไปจนถึงกลางป่าลึก จากนั้นเจ้าหมูป่าก็หันกลับมาใช้เขี้ยวแทงเข้าที่กลางอกของอโดนิส จนเขาล้มลงนอนครวญครางอย่างเจ็บปวดอยู่ในกองเลือด
เทพีวีนัสกำลังนั่งอยู่บนรถศึกเทียมด้วยหงส์ลอยอยู่บนฟ้า พอได้ยินเสียงอโดนิสนางก็รีบเลี้ยวรถกลับมา ทันเห็นชายผู้เป็นที่รักนอนหายใจแผ่วจวนจะสิ้นใจพอดี วีนัสรีบตรงเข้าไปพยุงอโดนิส ใช้ผ้าซับเลือดที่ทรวงอกให้ แต่อโดนิสก็สิ้นใจก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของนาง
วีนัสเสียใจยิ่งนัก ยิ่งคิดว่าต่อจากนี้ไปนางจะไม่ได้เห็นคนรักอีกแล้ว ก็ยิ่งแค้นเทพแห่งชะตากรรม นางจึงประกาศว่าจะไม่ยอมให้วิญญาณคนรักต้องลงสู่อุ้งมือของเทพแห่งชะตากรรม ที่รออยู่ในนรก จากนั้นนางก็เสกให้โลหิตแดงฉานของอโดนิสกลายเป็นดอกไม้แสนสวยสีแดง มีกลีบซับซ้อนหลายชั้น แล้วตั้งชื่อมันว่า ดอกอโดนิส หรือดอกอะเนมโมนิ (Anemone) แปลว่า ดอกตามลม เพราะดอกอโดนิสจะบานเมื่อถูกสายลมพัดผ่าน และจะอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะร่วงหล่นไป เหมือนดังชีวิตที่แสนสั้นของอโดนิสชายหนุ่มรูปงาม
ด้วยเหตุนี้ดอกอโดนิสจึงได้ถูกยกย่องให้เป็นดอกไม้แห่งความรัก หนุ่มสาวก็ใช้มันเพื่อแสดงความรักและความหวังดีกับคนที่รัก เหมือนดังความรักอันบริสุทธิ์ ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนที่เทพีวีนัสมีต่ออโดนิส ในบางประเทศ ดอกอโดนิสเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำอันเศร้าสร้อย ถ้าได้รับดอกไม้นี้แสดงว่าคนให้ต้องการบอกคุณว่า เขายังคงเก็บคุณไว้ในใจด้วยความหมองเศร้าไม่เสื่อมคลาย
ANYA PEDIA