10 ข้อ เรื่องน้ำ
01.การดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร คงไม่เป็นอันตราย ถึงขั้นทำให้ไขมันจับ ตัวเป็นไข เป็นก้อนขนาดนั้น เพราะปกติอุณหภูมิร่างกายคนเราอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส น้ำที่เราดื่มเข้าไปถึงจะเย็น แต่ร่างกายเราร้อนอยู่แล้ว ก็จะเปลี่ยนให้เป็นน้ำอุ่น ๆ อยู่ดี ไขมันกว่าจะจับกันเป็นก้อนแข็ง ต้องอาศัยอุณหภูมิเหมือนอยู่ในตู้เย็น 3-4 องศาเซลเซียส กรณีนี้จึงเป็นข้อความหลอก
02.เราควรจะดื่มน้ำเย็น หรือน้ำอุ่นดี ก็ต้องขอเรียนว่า น้ำเย็นจะช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้ดีกว่าน้ำอุ่น เพราะว่าน้ำเย็นดูดซึมได้เร็วกว่า น้ำฤทธิ์เย็น เกินควรไม่เหมาะ เพราะร่างกายจะต้องเสียพลังร้อนเพื่อมาปรับอุณหภูมิของน้ำโดยใช่เหตุ
03. น้ำที่ควรจะดื่มถ้าอยากให้สดชื่น ออกกำลังกายได้อึดขึ้น อุณหภูมิควรอยู่ที่ประมาณ 15-22 องศาเซลเซียส หรือง่าย ๆ คือ ให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย
04.ดังนั้น น้ำที่ดื่นในการทำวิจัยที่มีอุณหภูมิ 15-22 องศาเซลเซียส?? (แต่เป็นงานวิจัยของ ประเทศสหรัฐ ซึ่งอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั้งปีของประเทศนี้คือ 11.5 องศาเซลเซียส สูงสุด 17 องศาเซลเซียส บ้านเขาจึงถือว่าเป็นน้ำเย็นไม่ได้(เพราะร้อนกว่าอุณหภูมิรอบกาย) เมื่อเทียบกับอุณหภูมิภายนอกร่างกาย ส่วนประเทศไทยอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั้งปีคือ 26.5 องศาเซลเซียส สูงสุด 31 องศาเซลเซียส
05. ส่วนเมืองไทย...น้ำที่ดื่มในการทำวิจัยที่มีอุณหภูมิ 15-22 องศาเซลเซียสถือว่าเป็นน้ำเย็น คนบ้านเราดื่มน้ำ ที่มีอุณหภูมิ 15-22 องศาเซลเซียสจึงถือว่าไม่เหมาะสม(เพราะเย็นกว่าอุณหภูมิรอบกายมาก) คือเย็นเกินไปแล้ว
06.การดื่มน้ำเย็นเป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะ จะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำอุ่นขึ้น โดยน้ำ 1 แก้ว จะช่วยเผาผลาญไขมันประมาณ 9 กิโลแคลอรี ถ้าเราดื่มน้ำ 8 แก้วก็จะเผาผลาญไขมันได้ถึง 70 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว นั่นก็หมายความว่า ยิ่งดื่มน้ำมาก ก็จะยิ่งช่วยลดความอ้วน แต่ในคนที่กำลังลดความอ้วน ลดปริมาณอาหารแต่ลืมดื่มน้ำ ต้องระวัง เพราะน้ำหนักจะไม่ลง เพราะน้ำคือ ตัวช่วยทำให้ไขมันสลายเร็วขึ้น นั่นเอง น้ำเย็นเผาผลาญพลังร้อน ผู้ที่มีภาวะกายขาดพลังร้อนอยู่แล้วควรระวัง โดยเฉพาะในยามเจ็บไขได้ป่วย
07.การดื่มน้ำ มาก ๆ ไตจะทำงานหนักไปหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า น้ำจะเป็นพิษต่อร่างกายนั้น ต้องดื่มมากเป็น 10 ลิตร อย่างเช่น กรณีการรับน้องแบบพิเรนทร์ ๆ ที่เราเห็นข่าวกัน ส่วนคนทั่วไปดื่มน้ำอย่างเก่งสัก 5 ลิตรก็ไม่เป็นอะไร //น้ำถือว่าฤทธิ์เย็น มากเกินไม่ดีแน่ ผู้ป่วยหนักหลายโรคแพทย์จึงต้องจำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม
08.ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มน้ำเย็น น้ำร้อน หรือน้ำอุณหภูมิปกติ //น้ำอุณหภูมิปกติ หมายถึงอุณหภูมิที่เท่าอุณหภูมิที่อยู่รอบกายเรา// กับก็ไม่เป็นปัญหาอะไร หลักการ ง่าย ๆ คือ น้ำเย็น ควรดื่มเวลาออกกำลังกาย จะดูดซึมเร็ว แต่มีข้อห้ามในผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ควรดื่มน้ำเย็น เพราะจะยิ่งทำให้ปวดท้องมากขึ้น //ขณะมีประจำเดือนร่างกายต้องการพลังร้อนมากกว่าปกติ ผู้ที่ขาดพลังร้อน เป็นเหตุให้กายป่วยต่างที่ของจุดเอวและกระเบนเหน็บรุนแรงมากขึ้น จึงมีอาการ ดื่มน้ำเย็นมีข้อห้าม แต่ดื่มน้ำอุ่นไม่มีข้อห้าม คนดีหรือคนป่วยก็ดื่มน้ำอุ่นได้//
09.ส่วนน้ำอุ่น ควรดื่มเพื่อกระตุ้นลำไส้ ทำให้ลำไส้บีบตัวดี เช่น เวลาท้องเสีย เจ็บคอ เป็นหวัด //ผู้ป่วยต้องการพลังร้อนไปซ่อมแซมร่างกาย ดื่มน้ำเย็นจะสิ้นเปลืองพลังร้อนมากกว่าน้ำอุ่น ทำให้ขาดพลังร้อน จึงไม่ควรดื่มน้ำเย็น ยามไม่สบาย// นพ.กฤษดา บอกว่า ใครที่ไม่อยากแก่ ต้องดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น เนื่องจากผิวที่แก่เกิดจากการขาดน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ ยังช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง แต่ถ้าดื่มน้ำน้อย โดยเฉพาะในผู้ชายอาจทำให้น้ำไปเลี้ยงอสุจิไม่พอ ทำให้อสุจิไม่แข็งแรง และเซ็กซ์เสื่อมได้ //การดื่มน้ำมาก ๆ ผิดว่ายิ่งมากยิ่งดี ควรเปลี่ยนเป็นตามความต้องการของร่างกายในขณะต่างๆ ดีกว่า เช่นยามออกกำลังกายมาก เสียน้ำมากก็ต้องดื่มน้ำมากตามไป//
10.ในคนที่มีอาการคล้ายจะเป็นหวัด เช่น ปากแห้ง ตาแห้ง //จุดศีรษะป่วย// อย่าเพิ่ง กินยา ให้ดื่มน้ำมาก ๆ สักพักจะหายได้ โดยไม่ต้องพึ่งยา ที่เป็นเคล็ดสำหรับคนดื่มเหล้า //ฤทธิ์เย็น//คือ ถ้ากลัวว่า จะแฮงก์ควรดื่มน้ำตามเข้าไปประมาณ 4 เท่าของเหล้าที่ดื่มก็จะช่วยได้ แต่ละวันเราควรดื่มน้ำมากน้อยแค่ ไหน ? นพ.กฤษดา บอกว่า ควรดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว คือ ดื่มน้ำ 1 ออนซ์ ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ถ้าน้ำหนักตัว 60 กก.ก็ต้องดื่มน้ำ 60 ออนซ์ โดยน้ำ 1 ออนซ์ก็ประมาณ 30 ซีซี คนน้ำหนัก 60 กก. ก็ต้องดื่มน้ำประมาณ 1,800 ซี.ซี. หรือประมาณ 1.8 ลิตร//ข้อนี้พิสุทธิ์ให้เห็นดื่มน้ำมากเกินไม่ดี// บทความโดย...นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์ อายุรวัฒน์นานาชาติ
สรุป:\
1.น้ำมีฤทธิ์เย็น
2.ดื่มแต่พอควรที่ร่างกายต้องการ ยิ่งมากยิ่งดีเป็นความคิดที่ไม่ถูก
3.ดื่มน้ำอุ่นดีกว่าน้ำเย็น โดยเฉพาะยามที่ไม่สบาย
4.ดื่มน้ำเย็นหลังอาหารแล้วจะทำให้ไขมันที่กินลงไปจับตัวเป็นก้อน เป็นเรื่องเข้าใจที่ผิด
5.อุณหภูมิน้ำต้องเทียบกับอุณภูมิรอบกายว่ามันเย็นหรือร้อน