ใครจะเที่ยวยุโรป ช่วงนี้ ควรระวัง....ยุโรปไม่ได้หรูหราอย่างที่จินตนาการไว้
ใครจะเที่ยวยุโรป ช่วงนี้ ควรระวัง....ยุโรปไม่ได้หรูหราอย่างที่จินตนาการไว้
เรื่องจริงที่ คุณ "บี" เพิ่งประสบมาจึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
[ ได้ยินหลายๆคนเตือนว่าช่วงนี้ยุโรปไม่น่าเที่ยวอย่างที่คิด ก็ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แย่ๆจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะอยุ่อังกฤษมาเกือบสองปี ก็ไม่เคยเจออะไร ปลอดภัยระดับห้าดาว ^^ จนวันที่เกิดเรื่องเข้าจริงๆ ก็อยากจะบอกต่อกับใครหลายๆคน ว่าจะมาเที่ยวยุโรปช่วงนี้ต้องระวังตัวมากๆ ผู้อพยพจากซีเรียหนีเข้าเยอรมันผ่านทางออสเตรียมีมากจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่สองประเทศนี้ แต่รวมถึงหลายๆประเทศในโซนยุโรป ผู้คนมากหน้าหลายตา มิจฉาชีพท้องถิ่นก็มีเยอะ
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสที่ 24 กันยาเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันซึ่งมีทั้งหมด 4 คน (รวมเราด้วย) หนึ่งในนั้นโดนขโมยกระเป๋าเดินทางแบบ carry baggage ระหว่างเดินทางโดยรถไฟภายในประเทศเยอรมัน ซึ่งปกติจะต้องวางกระเป๋าเดินทางไว้บริเวณที่เค้าเตรียมไว้ให้บนรถไฟ ซึ่งห่างจากที่นั่งที่พวกเราจองไว้มากอยู่ ซึ่งต่อให้จะนั่งใกล้กระเป๋ายังงัย ก็คงมองไม่เห็นตอนที่มีคนขโมยอยู่ดี เพราะระหว่างที่นั่งและที่วางกระเป๋าจะมีประตูกั้น
พอรู้ตัวอีกทีก็คือตอนจะลงจากรถไฟแล้วพบว่ามันหายไปแล้ว ติดต่อเจ้าหน้าที่บนรถไฟก็ไม่ค่อยมีใครให้ความช่วยเหลือ พนักงาน Information ของสถานีรถไฟที่เบอร์ลินซึ่งเป็นสถานีที่ใหญ่มากก็ยิ่งไม่ใส่ใจใดๆทั้งสิ้น ยังดีที่คุณลุงเจ้าหน้าที่ตำรวจน่ารักมาก ช่วยติดต่อพูดคุยให้ เพราะคนที่นี่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษและพูดภาษาอังกฤษกันแทบไม่ได้เลย
ส่วนมูลค่าของในกระเป๋าก็ไม่น้อยซึ่งแน่นอนว่าก็คงจะอันตรธานไปกับคุณโจรที่ขโมยแล้ว จริงๆแล้วตอนที่นั่งรอเพื่อนติดต่อกับตำรวจที่สถานีรถไฟอยู่ก็ได้เห็นผู้ชายที่ทั้ฃหน้าตาและการแต่งตัวปกติมากเดินมาด้อมๆมองแถวถังขยะ พอไม่ค่อยมีใครสังเกตก็หยิบไฟฉายขึ้นมาแล้วก้คุ้ยขยะ(คิดว่าคงพยายามหาอาหารและน้ำ) พอไม่มีก็เปลี่ยนเป็นถังขยะที่อยุ่ถัดไปเรื่อยๆ
ซึ่งจากที่สังเกตแล้วมีคนที่ทำแบบนี้หลายคนมาก นั่งนับได้ 5 คน ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ที่น่าประหลาดใจคือ บางคนมีทำเนียนเดินปะปนกับผู้คนเพื่อขึ้นรถไฟด้วย อันนี้เห็นกับตาเลย ซึ่งรถไฟที่นี่จะขึ้นต้องจ่ายเงินเท่านั้น รถไฟในยุโรปมีสภาพดีแตกต่างจากบ้านเรามาก และจะมีนายตรวจมาตรวจตั๋วบ่อยมาก ขนาดมีคนตรวจยังมีคนแอบขึ้นรถไฟเลย ก็ไม่แปลกใจเลยที่ของจะหาย =.= นี่คือเหตุการณ์ในวันแรก
พอวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันศุกร์ ขณะที่พวกเรากำลังทานมื้อเช้าในสถานีรถไฟ เพื่อนคนที่สองลุกไปซื้อน้ำแล้ววางกระเป๋าเป้ไว้กับพื้นซึ่งอยุ่ในบริเวณใกล้ชิดกับพวกเราสามคนนั่งอยู่ พอเพื่อนคนที่สองกลับมาและกำลังออกจากร้าน ก็พบว่ากระเป๋าเป้ใบนั้นหายไปแล้ว ซึ่งพวกเราสามคนที่นั่งอยุ่ตอนนั้นไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าโดนขโมยไปตอนไหน
พอวันถัดมาซึ่งเป็นวันเสาร์ที่ 26 กันยา พวกเราเดินทางเข้าเวียนนาประเทศออสเตรีย ตัวเราเองยังโทรคุยกับคุณแม่ตลอดว่าเราโชคดี ไม่มีอะไรหาย เพราะทั้งตัวไม่มีของมีค่าเลยนอกจากโทรศัพท์ ปรากฎว่าตอนบ่ายวันนั้นระหว่างที่ไปเข้าห้องน้ำในร้านขนมหวานสาขาใกล้กับ St. Stephen's Cathedral ชื่อร้าน " aida " จำได้แม่น^^"
ก่อนเข้าห้องน้ำก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจากโค้ทจ่ายเงินหนึ่งยูโรก่อนเข้าตามปกติ ซึ่งตอนเราเข้าไม่มีคนเลย แต่พอออกมาล้างมือ คนเดินเข้ามาในห้องน้ำเยอะพอสมควร ซึ่งมีจังหวะนึงที่เราหมุนตัวเพื่อจะออกจากห้องน้ำแล้วชนคนไปหนึ่งที ซึ่งไม่แน่ใจว่าคนนั้นรึเปล่าที่ขโมย แต่ไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่เราออกมาจากห้องน้ำก็พบว่า กระเป๋าตังค์หายไปแล้ว และจับใครไม่ได้เลย และก็อีกเช่นเคย พนักงานในร้านไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น
ขอดู CCTV ยังไม่ยอมเลย ประหลาดมาก =.=" เราก้รุสึกแย่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว ก็ไปแจ้งตำรวจตามปกติ เงินในกระเป๋ามีไม่เยอะหรอก ร้อยกว่ายูโร ไม่เจ็บใจอะไร (แต่แอบเคืองพนักงานที่ไม่ใส่ใจ ไม่ช่วย ไม่ให้ความร่วมมือใดๆเลย) ที่มารู้สึกแย่ก็คือ วีซ่าอังกฤษมันหายไปด้วย เพราะใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์ใบนั้น บัตรเดบิตก็หายไป
ซึ่งมันซวยมากตรงที่ จองตั๋วกลับเข้าอังกฤษ และจากอังกฤษกลับไทยไว้แล้ว โรงแรมในอังกฤษก็จอแล้ว ทัวร์ในอังกฤษกับพ่อแม่ก็จองแล้ว ซึ่งเราต้องกลับไปให้ทันภายในวันที่ 2 พอวันที่ 29 ซึ่งเป็นวันที่เราต้องออกจากออสเตรียไปอังกฤษ ก็ลองเสี่ยงดวงไปสนามบินดูเพราะมีตัวกอปปี้ของวีซ่าอยุ่ พาสปอร์ทก็อยู่ ไม่น่าจะมีปัญหา ปรากฎ ! เค้าไม่ยอมค่ะ
ตอนนั้นที่อยู่ Salzburg แล้วต้องนั่งรถไฟกลับเข้ามาที่เวียนนาอีกครั้งเพื่อติดต่อกับ British Embassy in Vienna เพื่อนที่มาด้วยกันก็แยกกันไปในเช้าวันนั้นแล้วเพราะต้องไปเที่ยวต่อที่ปราก ส่วนเราจะเข้าอังกฤษ ระหว่างทางที่นั่งรถไฟจาก Salzburg ไปเวียนนา เราที่อยู่ในสภาพกลัวมากจนตัวสั่น น้ำไหลตลอดทางเพราะอยู่คนเดียว เงินไม่มี เข้าอังกฤษไม่ได้ คนที่นี่ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ผู้อพยพเต็มไปหมด
มองตาใครก็กลัวว่าเค้าจะเป็นโจรไปซะทุกคน วินาทีนั้นสิ่งเดียวที่มีอยู่คือโทรศัพท์กับ internet ขาดสิ่งนี้ไปบอกเลยว่าคงได้ตายอยุ่ในเวียนนา ระหว่างทางนั่งรถไฟหาข้อมูลตลอดว่าต้องติดต่อใคร ทำเรื่องยังงัย ซึ่งพบว่า British Embassy in Vienna เค้าไม่รับทำเรื่องใดๆที่เกี่ยวกับวีซ่าเลย ไม่รู้ว่าจะทำวีซ่าได้ที่ไหน จะพักที่ไหนที่ปลอดภัย ตอนนั้นไม่รู้จะพึ่งใคร ไม่รู้จะให้ใครช่วย เงินที่มีอยู่ก็แทบจะไม่พอ
ตัดสินใจโทรไปสภานทูตไทยในเวียนนา แล้วติดต่อทางจนท เรื่อยๆ จนกระทั่งเรามาลงรถไฟที่สถานี Westbahnhof ในเวียนนาปุ๊บ เท่านั้นแหละน้ำตาไหลเลย เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จะเอาเงินจากไหน สภาพรอบข้างก็มีแต่ผู้อพยพ คนจร น่ากลัวมาก ตัดสินใจโทรไปสถานทูตไทยในเวียนนาอีกครั้ง ตอนนั้นคิดอย่างเดียวต้องไปสภานทูตไทยให้ได้ ตอนนั้นก็ได้คุยกับจนท. โชคดีมากที่พี่จนท.ให้ความอนุเคราะห์บอกให้เราตรงไปที่สถานทูตเลย
เราก็ไปถึงที่นั่น หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยน จากที่รู้สึกแย่ หวาดกลัว ไม่รู้จะทำยังงัย พี่ๆจนท. ทุกคนให้ความช่วยเหลือเราดีมากกก ทั้งโทรศัพท์ติดต่อ หาข้อมูลที่จะสามารถช่วยเหลือเราได้ ซึ่งสุดท้ายก็ได้ข้อมูลมาว่าหากเราจะเข้าอังกฤษต้องทำวีซ่าใหม่จริงๆ ซึ่งใช้เวลาเร็วที่สุด 14 วัน ซึ่งไม่ทันกับช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่มาเที่ยว และไม่ทันไฟลท์กลับจากอังกฤษ-ไทย
เราตัดสินใจกลับไทยในวันรุ่งขึ้นเลยดีกว่าไม่อยากอยู่ที่เวียนนาแล้ว พี่ๆที่สถานทูตก็ช่วยติดต่อจองตั๋วเครื่องบินให้และดูแลเรื่องที่พัก ซึ่งเราโชคดีและรู้สึกขอบพระคุณมากที่ท่านเอกอัครราชทูตประจำสถานทูตไทยในเวียนนาและภรรยาของท่านให้ความช่วยเหลืออย่างดียิ่ง สุดท้ายก็กลับไทยมาได้อย่างปลอดภัย เร็วกว่ากำหนด แบบกระเป๋าแบนๆ เพราะต้องใช้ถุงพลาสติกใส่เงินแทน ตังค์ก็ไม่เหลือ เพราะโดนค่าตั๋วเครื่องบินกลับไทยฟันเรี๊ยบบบ =.="
สุดท้ายนี้อยากจะขอบพระคุณท่านเอกอัครราชทูตไทยในเวียนนาและภรรยาเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือทั้งที่พักและอาหารเป็นอย่างดี ก่อนกลับภรรยาท่านยังกรุณาให้แม่ครัวทำกับข้าวเตรียมไว้ให้เราก่อนไปขึ้นดครื่องเพราะกลัวเราจะหิวระหว่างทาง ขอบคุณป้านิ่มแม่ครัวคนเก่งและใจดีมากประจำทำเนียบที่ทำกับข้าวให้ทานทุกๆมื้อแถมยังจะถักเปียให้ด้วย ^^ ขอบคุณพี่ๆจนท. ทุกๆคนในสภานทูต
โดยเฉพาะพี่ต๊อบ พี่ละม่อม พี่สา และพี่ๆท่านอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะจำชื่อไม่ได้จริงๆ พี่ๆทุกคนให้ความช่วยเหลือดีมากจริงๆค่ะ ขอบคุณกระทรวงต่างประเทศในไทยที่รับเรื่องจากคุณแม่แล้วช่วยประสานเรื่องต่อให้ที่สถานทูต ไม่ได้เพิกเฉยในกรณีของเราเลย ขอบคุณเพื่อนๆ กิ๊ก แอม เคเอ็ม ที่อยู่ด้วยกันตลอดทั้งสุขและทุกข์ตลอดทริป ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่มีพวกแกคงเคว้งกว่านี้
ขอบคุณพี่เก้ามากค่ะ ที่พยายามหาทางติดต่อจนท.ให้ทุกวิถีทาง ทั้งหาข้อมูล โทรมาคุย แนะนำ ทำทุกอย่างเลย บีทราบจากจนท.ที่สถานทูตว่าเรื่องของบีเข้ามาที่สถานทูตหลายทางมาก ทั้งจากกระทรวงต่างประเทศที่คุณแม่ติดต่อไว้ และเพื่อนของเพื่อนที่พี่เก้าฝากเรื่องไว้กับจนท. สถานทูต และสุดท้ายย ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่เข้าใจและให้กำลังใจ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียใจเป็นห่วง ขอบคุณคุณแม่ที่ติดต่อกระทรวงต่างประเทศให้ ขอบคุณคุณพ่อที่ตั้งสติได้ดีมากและเข้าใจลูก
สุดท้ายนี้อยากจะเตือนทุกๆคนที่จะเดินทางท่องเที่ยวยุโรปในช่วงนี้ให้ระวังตัวมากๆ มิจฉาชีพมาแบบไม่รู้ตัวจริงๆ ทางสถานทูตก็ฝากมากระจายข่าวด้วยค่ะว่าอันตรายจริงๆ ช่วงนี้คนไทย นักท่องเที่ยวโดนกันเยอะมาก คนอพยพก็เยอะมากกกก บางทียุโรปก็ไม่ได้หรูหราอย่างที่จินตนาการไว้
https://www.facebook.com/protectthailand.consular/photos/a.382279435238474.1073741828.382261441906940/716994865100261/?type=3&theater