ถ้าเก่งนัก มาช่วยผมตามล่าหาคนร้ายหน่อยครับ "ใครคือ ฆาตกร"
ช่วงบ่ายในวันอาทิตย์วันหนึ่งในเดือนเมษายน พงศยา ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัยเงียจากเสียงไซเรนที่คุ้นหู เธอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปเพราะทำคดีติดต่อกันมาหลายวันและเพิ่งได้กลับมาพักผ่อนเมื่อเช้า และนั่นคงเป็นอาการความจำเสียงติดค้างในสมอง แต่แล้วเมื่อชันตัวขึ้นจากที่นอนแล้วมองลอดม่านหน้าต่างไปยังบ้านฝั่งตรงกันข้างก็พบว่าไม่ใช่อย่างที่คิด เธอล้มตัวลงกับหมอนแล้วพึมพำออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
"บ้ายบาย...วันหยุดของฉัน"
รถสายตรวจและพิสูจน์หลักฐานจอดเรียงติด ๆ กันเต็มฝั่งถนนอีกฟากหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่ในชุดสีกากีเดินไปมาขวักไขว่
..........
"คุณสุวิชัยอยู่คนเดียวมานานหลายปีแล้วหลังจากหย่าขาดกับภรรยาของเขา ปรกติเขาก็ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร คือ ออกจะเป็นคนเงียบและเก็บตัว" ชายคนหนึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังจดบันทึกขอมูลลงในสมุดพกบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ
"เกิดอะไรขึ้นหรือคะ" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังของเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังจะตั้งคำถามต่อไป เขาหันกลับไปแล้วก็พบกับพงศยายืนอยู่
"เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษค่ะ" เธอพูดพร้อมกับแสดงบัตรประจำตัว
"คดีนี้ถูกจัดเป็นคดีพิเศษตั้งแต่เมื่อใหร่?" เขาถามสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
"อ้อ...เปล่าหรอกค่ะ พอดีว่าบ้านของดิฉันอยู่ตรงกันข้ามนี่เอง"
คู่ปรายตามองไปตามจุดหมายพร้อมกับพยักหน้าแบบไม่ค่อยใส่ใจ แล้วหันกลับมาตั้งคำถามใส่พยานตรงหน้าต่อ
"อืม...คุณพบเขาครั้งสุดท้ายเมื่อใหร่และเหตุการณ์เป็นยังไงครับ?"
"ประมาณ 8 โมงเช้า ผมมาขอต่อสายยางเข้ากับก๊อกน้ำที่หน้าบ้านของเขา ผมรดน้ำอยู่ที่หลังบ้านตัวเองจนถึงราว ๆ 9 โมงครึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องพอผมเดินออกมาก็ได้ยินว่าคุณสุวิชัยเสียชีวิตอยู่ในบ้าน"
พงศยาไม่ค่อยพอใจนักกับการกระทำที่ได้รับแต่ก็เข้าใจถึงการปฏิบัติงาน เธอถามถึงผู้ดูแลคดี และเขาก็ชี้ให้เธอเข้าไปด้านในด้วยปากกาที่อยู่ในมือ แล้วกลับไปตั้งคำถามต่อ
"อ้าว...ผู้กอง ไม่คิดว่าคดีนี้คุณจะเป็นผู้ดูแล" เธอโพล่งออกมาน้ำเสียงเจือความประหลาดใจเมื่อเดินเข้ามาในที่เกิดเหตุ
"สวัสดีคุณพงศยา เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่คดี 'มาเฟียเบลดิดอส' ตอนนี้ผมเข้ามาสังกัดนครบาลถ้านั่นคือสิ่งที่คุณสงสัย" ชายตรงหน้าตอบเสียงราบเรียบ 'อย่างที่เคยเป็น' นายตำรวจหนุ่มยศร้อยเอก แว่วมาว่าจะใกล้เป็นนายพันเร็ว ๆ นี้ รูปร่างสูงโปรงและแข็งแรง ฉลาด แต่ไร้มนุษย์สัมพันธ์สิ้นดี คำพูดแต่ละคำดูเหมือนว่าเข้าใจไปหมดทุกเรื่อง และที่น่าหมั่นไส้ก็คือ มันมักจะถูกไปซะหมด พงศยาคิดนิยามชายหนุ่มตรงหน้าหลังจากไม่ได้พบมาเป็นเวลานานกว่าสองปี
"ผู้ตายเสียชีวิตด้วยการถูกตีที่ศรีษะด้วยของแข็งไร้คมจนกระโหลกร้าวและเสียชีวิตด้วยเลือดคั่งในสมอง อาวุธน่าจะมีลักษณะเส้นผ่าศูนย์กลางราว 5-10 เซนติเมตรซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อเหล็ก เสียชีวิตช่วงเวลา 8.30-9.00 ของวันนี้" เขาพูดเรื่อย ๆ ขณะที่อ่านรายงานการสืบสวน
"ค่ะ...เอ่อ" พงศยาอ้าปากแต่ยังไม่ทันที่จะมีคำพูดอะไรหลุดออกไปปมากกว่านั้น เขาก็พูดแทรกขึ้นมา
"จากรูปคดี ไม่น่าจะเป็นการชิงทรัพย์เพราะไม่มีทรัพย์สินหายไปและไม่มีการรื้อค้น แต่มีร่องรอยการต่อสู้ภายในห้องรับแขกบริเวณที่ผู้ตายเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบใยในลอนสีขาวขนาดเล็กที่เสื้อผ้าของผู้ตายซึ่งตอนนี้กำลังตรวจสอบ ส่วนเรื่องผู้ต้องสงสัย ตอนนี้มีสามคน คนนึงคุณน่าจะพบแล้ว เพราะคนของเรากำลังสอบถามเขาอยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนที่เหลือเป็น พนักงานของบริษัทสูบสิ่งปฏิกูล กับเจ้าหนี้ของเขาซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่มีพยานเห็นว่าเขาแวะมาที่นี่เมื่อเช้า...แค่นี้คงพอนะสำหรับสิ่งที่คุณอยากรู้?" เขาพูดยาวเหยียดและจบด้วยคำถามแบบห้วน ๆ เธอพยักหน้ารับละกล่าวขอบคุณสั้น ๆ พร้อมกับเดินจากมา
.....
รุ่งขึ้น พงศยาไปทำงานตามปรกติ แต่บนโต๊ะของเธอมีซองเอกสารสำน้ำตาลปิดผนึกวางอยู่
"จากนครบาล ?" เธอเอ่ยกับตัวเองเมื่อเห็นตราบนหน้าซองพลางใช้กรรไกรตัดเปิดซองออก แล้วหยิบเอกสารภายในออกมาหัวกระดาษมีตัวหนังสือคุ้นตาอยู่บนหน้าปก
'บันทึกการสอบสวนผู้ต้องสงสัย ลับ สำนึกงานตำรวจแห่งชาิติ'
"ขอบคุณ...ผู้กอง"
......
คุณ พรชัย (เจ้าหนี้)
"ผมไปหาเขาเพื่อถามถึงกำหนดที่เขาจะชำระหนี้ผม ซึ่งมันก็เลยมานานแล้ว สักประมาณ 7 โมงกว่าได้มั้ง ได้ ๆ ถ้าจะให้เจาะจง ประมาณ 7.40 เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร เขารับปากว่าจะจ่ายให้ผมในอีกสองสามวัน แล้วผมก็ออกมาจากบ้านของเขาราว 8.00 น. ถ้าไม่เชื่อคุณถามเพื่อนบ้านของเขาดูก็ได้ เพราะผมสวนกันเขาพอดีตอนที่เดินออกมา อีกอย่าง ผมจะเอาอะไรไปฆ่าเขา ทั้งตัวมีแต่กระเป๋าเอกสาร ถึงมันจะทำจากอะลูมิเนียมก็เถอะ อีกอย่าง ผมจะฆ่าเขาไปทำไม ถ้าผมยังต้องรอเงินที่จะมาใช้หนี้จากเขาอยู่"
...
คุณ ทศพล (เพื่อนบ้าน)
"ผมเข้าไปหาเขาเวลาประมาณ 8.00 น ตอนที่เขา้ไปก็สวนทางกับแขกที่มาพอดี ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าหนี้อะไรสักอย่าง ผมเข้าไปหาเขาเพื่อขอใช้ก็อกน้ำที่หน้าบ้าน เพราะว่าเขาต้องเปิดวาลว์จากข้างในบ้าน ทำไมผมไม้ใช้ก๊อกบ้านตัวเองน่ะเหรอ ก็เพราะว่าสุนัขของเขาน่ะสิ ไปรื้อสวนดอกไม้ของผมซะเละเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แล้วก็ทำท่อน้ำแต่กอีก ผมก็เลยต้องมาใช้ก๊อกน้ำของเขา ซึ่งก็สมควรแล้วแหละที่เขาต้องให้ใช้ เราก็คุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายที่ผมจะซ่อมท่อนิดหน่ย แล้วผมก็ออกมาตอนเวลาประมาณ 8.20 หลังจากนั้นก็ไปรดน้ำดอกไม้พรวนดินที่หลังบ้านจนถึงเวลาประมาณ 9.30 ถ้าจะถามถึงสิ่งผิดปรกติก็ไม่มีอย่างอื่นนอกจาก ผมเห็นรถสูบสิ่งปฏิกูลมาจอดที่หน้าบ้านของเขาช่วงประมาณ 9.00 แล้วจู่ ๆ ก็เลือนรถหลังจากจอดได้สัก10นาที หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้อง "
...
คุณ พรเทพ (พนักงานรถสูบสิ่่งปฏิกูล)
ทางบริษัทได้รับงานที่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ แต่คิวเราเต็มจึงกำหนดให้มาลงทำงานวันอาทิตย์ บ้านที่ว่างจ้างเรามาอยู๋ห่างจากบ้านที่มีคนตายไปสองหลังแต่บริเวณนั้นเ็ป็นที่ห้ามจอด ผมก็เลยต้องไปจอดรถที่หน้าบ้านของเขา เพราะเ็ป็นบ้านที่ใกล้ที่สุดที่สายสูบของเราจะไปถึงบ้านที่ว่าจ้าง เรื่องที่ผมเลื่อนรถหลังจากจอดไปได้สักพักน่ะเหรอ ? คือ หลังจากลากท่อเสร็จแล้วผมสักเกตุเห็นว่าล้อรถทับท่อยางอะไรก็ไม่รู้ ผมก็เลยเลื่อนรถ พอทำงานเสร็จ ก็บังเอิญเห็นว่า บ้านของเขามีตราของบริษัทติดอยู่ ก็เลยเข้าไปสอบถาม เผื่อว่าเขาอาจจะใช้บริการ แต่พอเรียกอยู่สักพักไม่มีคนตอบผมก็เลยเดินเข้าไปคิดว่าจะเคาะเรียกที่ประตู ก็บังเอิญไปเห็นเขานอนจมกองเลือดอยู่ในบ้าน ผมก็เลยส่งเสียร้อง
...
พงศยาอ่านสำเนาบันทึกการสอบสวนแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะ พร้อมกับผิวปากเบา ๆ ด้วยความพอใจ
"อ่าฮ้า...ชั้นพอรู้แล้วว่าใครโกหก แล้วใครน่าจะเป็นฆาตกร"
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ ทราบไหมว่าใครเป็นฆาตกรและหลักฐานคืออะไร
ตอบได้คนละ 1 คำตอบนะ ขอเหตุผล หรือแรงจูงใจ ด้วยครับ
สักพักผมจะมาเฉลยครับ