หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เจ้าหญิงนิทราในเมืองจีน - สุสานหญิงสูงศักดิ์ในราชวงศ์ฮั่น

โพสท์โดย ตัวเดืยวอันเดืยว

เจ้าหญิงนิทราในเมืองจีน - สุสานหญิงสูงศักดิ์ในราชวงศ์ฮั่น

ในเมืองจีน มีคำกล่าวว่า 南有马王堆‘东方睡美人'辛追夫人,北有老海州‘古墓丽影'美女凌惠平。 Nán yǒu mǎ wáng duī'dōngfāng shuì měirén'xīn zhuī fūrén, běi yǒu lǎo hǎi zhōu'gǔ mù lì yǐng'měinǚ línghuìpíng.

แปลเป็นไทยว่า ทางใต้มีท่านผู้หญิงซินจุยแห่งเนินอ๋องหม่า ทางเหนือมีหลิงฮุ่ยผิงคนงามของสุสานเมืองไหโจ่ว

สุภาพสตรีทั้งสองคนคือใคร และทำไมได้รับการยกย่องเช่นนี้

ภาพท่านผู้หญิงซินจุย 辛追夫人

ภาพแม่นางหลิงฮุ่ยผิง

ท่านผู้หญิงซินจุย (辛追夫人:Xīn zhuī fūrén) เป็นสุภาพสตรีบรรดาศักดิ์ยุคราชวงศ์ฮั่นผู้หนึ่ง ซึ่งชื่อเสียงเรียงนามไม่ปรากฎในประวัติศาสตร์ แต่การการที่ได้ค้นพบหลุมฝังศพของท่านผู้หญิงในปี ๑๙๗๒ เมืองฉางซา 长沙 มณฑลหูหนาน 湖南 ท่านภริยาของอัครเสนาบดีหลี่ซาง (利苍:Lì cāng) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมต่อสู้สร้างแผ่นดินกับพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู ภายหลังได้รับตำแหน่งอ๋องแห่งเมืองฉางซา เนื่องด้วยสภาพศพของท่านผู้หญิงศพรักษาดีมากๆ ซึ่งอ่อนนุ่มขนาดที่ขยับข้อมือข้อเท้าศพได้ตามปรกติ ประหนึ่งพึ่งฝังได้ไม่กี่วันทำให้กลายเป็นมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก

สุสานที่พบนี้เป็นสุสานสามหลุมฝังรวมกันในที่เดียวกัน มีอายุ ๑๘๖ ปีก่อนคริสตกาล ศพที่ ได้แก่ ท่านอัครเสนาบดี ท่านผู้หญิง และบุตรชาย (สันนิษฐานว่าเป็นบุตรชายคนรอง) แต่เดิมคนในเมืองฉางซาก็เล่ากันแล้วว่าบริเวณนี้เป็นหลุมศพ กษัตริย์โบราณในเมืองฉางซา ในสมัยห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร เป็นอ๋องแห่งแคว้นฉู่พระนามว่าหม่ายิน (楚王马殷 chu wáng mǎ yīn) และเรียกสืบกันมาว่า เนินอ๋องหม่า (马王堆:mǎ wáng duī) นอกจากนี้ยังมีเนินดินอีกเนินมีตำนานเล่าว่าเป็นที่ฝังพระศพของพระนางถัง ซื่อ (唐氏:táng shì) ผู้เป็นพระมารดาอ๋องแคว้นฉางซา ชื่อ หลิวฟา (刘发:liúfā ) และพระศพของพระสนมเฉิงซื่อ (程氏二姬:chéng shì èr jī)

ภาพสุสานและการค้นสุสานในสมัยนั้น

สุสานที่พบนี้เป็นสุสานสามหลุมฝังรวมกันในที่เดียวกัน มีอายุ ๑๘๖ ปีก่อนคริสตกาล ศพที่ ได้แก่ ท่านอัครเสนาบดี ท่านผู้หญิง และบุตรชาย (สันนิษฐานว่าเป็นบุตรชายคนรอง) แต่เดิมคนในเมืองฉางซาก็เล่ากันแล้วว่าบริเวณนี้เป็นหลุมศพ กษัตริย์โบราณในเมืองฉางซา ในสมัยห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร เป็นอ๋องแห่งแคว้นฉู่พระนามว่าหม่ายิน (楚王马殷 chu wáng mǎ yīn) และเรียกสืบกันมาว่า เนินอ๋องหม่า (马王堆:mǎ wáng duī) นอกจากนี้ยังมีเนินดินอีกเนินมีตำนานเล่าว่าเป็นที่ฝังพระศพของพระนางถัง ซื่อ (唐氏:táng shì) ผู้เป็นพระมารดาอ๋องแคว้นฉางซา ชื่อ หลิวฟา (刘发:liúfā ) และพระศพของพระสนมเฉิงซื่อ (程氏二姬:chéng shì èr jī)

สภาพหลุมศพคู่ของท่านผู้หญิง และท่านอ๋องผู้สามี

ศพท่านผู้หญิงสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตช่วงอายุประมาณ ๕๐ ปี ดูจากลักษณ์ร่างกายเคยมีบุตรมาแล้ว มีความสูงประมาณ ๑๕๐ เซนติเมตร จากการชันสูตร พบว่าท่านผู้หญิงสุขภาพไม่แข็งแรง แขนขวาเคยหักมาก่อน เป็นวัณโรคปอด ถุงน้ำดีผิดรูปแต่กำเนิด มีพยาธิหลายชนิดในร่างกาย นอกจากนี้พบว่าในท้องพบเมล็ดแตงหวานอยู่ ๑๓๘ เม็ด จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตขณะกินผลแตงในช่วงฤดูร้อน ซึ่งอาจจะกินมาเกินไป ทำให้ร่างกายเย็นจัด ส่งผลให้ทางเดินน้ำดีทำงานผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระตุก และหัวใจวายเฉียบพลัน

การรักษาสภาพศพของท่านผู้หญิงดีมาก และทำซับซ้อน มีการห่อด้วยเสื้อผ้าสี่ฤดู ในโลงมีการใส่น้ำบางอย่างใสๆลงไปหล่อ นอกจากนี้โลงยังห่อหลายชั้นด้วยไม้ดำอย่างดี โลงชั้นนอกสุดทำเป็นพื้นที่กว้างสำหรับใส่ของรอบๆ ของที่ใส่ลงไปก็มีจำนวนมากมาย ตั้งแต่เครื่องเขิน อาหาร ตั้งแต่อาหารทะเลยันอาหารป่า เหล้าชนิดต่างๆ เครื่องเทศ ดังขิงหรือเมล็ดหมาล่า ผลไม้ ลูกท้อ ลูกสาลี่ รากบัวหั่นเป็นแว่นๆ ซึ่งของอย่างหลังนี้เมื่อเปิดจากหลุมดูสดใหม่มาก แต่เมื่อเจออากาศก็ย่อยสลายไป ทั้งยังมีตำรายา ตำราประวัติศาสตร์ ตำราขงจื้อ ผ้าไหม เสื้อผ้า เครื่องดนตรี ฯลฯ มากเกินจะบรรยาย

สภาพโลงศพและการวางของรอบๆโลง

นอกจากจะเป็นโลงหลายชั้น รอบโลงยังใส่ห่อด้วยเสื่อ แล้วก็ถมรอบๆด้วยฐานไม้กว่า ๕ ตัน และรอบถ่านไม้ เป็นดินเหนียวอ่อนนุ่มสีขาว อัดแน่น ชนิดต้องใช้เครื่องมือเจาะถึงเจาะได้

ตระกูลของท่านผู้หญิงนี้นับว่ายิ่งใหญ่ด้วยสามีเป็นอ๋อง ประจำแดนไต้โฮ่ว (轪侯:Dài hóu) ต่อมีบุตรสองคน บุตรชายคนโตชื่อว่าลี่ซี่ (利豨:lì xī) ได้รับตำแหน่งต่อ การที่หลุมฝังศพของท่านผู้หญิงใหญ่โตถึงเพียงนี้ สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับการซ่อมแซมภายหลังโดยรุ่นหลานชื่อว่าหลี่ ฝู (利扶:Lì fú) ภายหลังตำแหน่งนี้สูญหายไปด้วยรุ่นหลานคนหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งประมุขตระกูล ตำผิด จึงถูกระงับการสืบทอดตำแหน่ง

สภาพโลงชั้นใน และข้าวของที่ขุดพบ

ต่อมาในปี ๒๐๐๒ ณ เมืองเหลียนหยุนกัง 连云港 มณฑลเจียงซู 江苏 เป็นโลงศพเรียงกันสี่โลงในหนึ่งหลุม ทำจากไม้ดำเนื้อดี สันนิษฐานว่าเป็นการฝังศพรวมกันของคนในครอบครัวเดียวกันตามธรรมเนียมจีน (นึกไม่ออกใครเคยไปไหว้เจ้าแล้วสุสานอากงกับอามารวมกันในหลุมเดียวก็อย่าง นั้นแหละ)

สามโลงแรกเปิดมาไม่มีอะไร ศพผุพังไปหมดแล้ว แต่ที่ชวนตะลึงคือหลุมที่สองกลับมีศพสภาพสมบูรณไม่เน่าเปื่อยอยู่ เป็นศพสตรีอายุประมาณ ๔๐ ปี ความสูง ๑๖๐ เซ็นติเมตร สภาพศพดีมาก สันนิษฐานว่าอายุผ่านมาถึง ๒๐๐๐ ปีแล้ว พบของฝังรวมในสุสาน ๘๑ ชิ้น เหมือนกับเป็นสุสานท่านผู้หญิงซินจุย

ภาพขณะทำการขุดค้น

หลุมศพใหม่ที่พบนี้ หลังจากตรวจสอบหลักฐานของที่ฝั่งรวมกับศพที่พึ่งพบ สันนิษฐานว่าเธอน่าจะอยู่ในตระกูลสูง ที่ตกต่ำลงไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเกิดทุกภิขภัยอันใด ไม่ก็สงครามทำให้รีบร้อนฝังศพ โดยไม่ได้ใส่อะไรลงไปมากมาย เพราะของฝั่งด้วยไม่ค่อยหรูหรา

แม้ของจะไม่ได้หรูหรา แต่ว่าเป็นของชั้นดีตามคนมีบรรดาศักดิ์สูง ภายหลังพบตราประทับเล็กๆรูปเต่าทำจากทองแดงในโลงศพของเธอ เมื่อพิมพ์ออกมาได้ชื่อของเธอเขียนว่า หลิง ซื่อ ฮุ่ย ผิง (凌氏惠平:Líng shì huì píng) ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเธอน่าจะมีชื่อว่า หลิงฮุ่ยผิง ในยุคราชวงศ์ฮั่นคนจะมีตราประทับเช่นนี้ได้ต้องมีบรรดาศักดิ์ อย่างน้อย ๓๐๐ - ๒๐๐๐ ซื่อ ตามลำดับศักดินาจีน ปรกติแล้วสตรีไม่น่าจะมีตราประทับเช่นนี้ได้ แต่ว่าอาจะเป็นไปได้ว่าเธอจะได้รับบรรดาศักดิ์เช่นเดียวกับสามี

โลงใหญ่ที่ฝังติดกันสันนิษฐานว่าเป็นโลงของสามีเธอ มีชื่อติดว่า "ตงกง" (东公:dong gong) แปลแบบไทยๆคงได้อารมณ์ว่าพระยาบูรพา ทั้งมีรายชื่อขุนนางมาร่วมงานศพด้วย ตำแหน่งผู้มาร่วมพิธีศพเช่น ตงไฮ่ไท่โซ่ว 东海太守 เหอหนานไท่โซว่ 河南太守 ตำแหน่งไท่โซว่นี้ถือเป็นตำแหน่งเจ้าเมืองในยุคราชวงศ์ฮั่น มีอำนาจมาก จึงสันนิษฐานได้ว่าสามีของเธอน่าจะมีศักดิ์เป็นเจ้าเมืองขึ้นไป

ภาพสิ่งของที่พบในสุสาน

นักวิทยาศาสตร์ค้นคว้ากันสุดกำลังว่าทำไมว่าไม่เน่าเปื่อย ศพแรกที่เคยค้นพบที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน อยู่ได้ด้วยน้ำที่หล่อไว้ในโลง ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดแบบฟอร์มาลีน และอยู่ในโลงที่ปิดแน่น ทำให้แบททีเรียไม่เจริญเติมโต ศพนี้มีน้ำหล่อเช่นกัน แต่ว่าน้ำที่หล่อเป็นน้ำที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดทำลายแบททีเรีย แต่เป็นน้ำที่ช่วยให้จุลินซีเจริญเติบโตได้ เขาเลยสันนิษฐานไว้ก่อนว่า บางทีมันอาจจะฆ่าแบคทีเรียที่ทำให้ศพเน่า แต่ส่งเสริมให้จุลินซีที่รักษาศพอยู่ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ศพไม่เน่า

แต่ก็ค้นคว้าต่อไปถึงปัจจัยอื่นๆอีก

เมื่อมีการตรวจสอบสภาพศพต่อ พบว่าอวัยวะภายในต่างๆยังอยู่ดีใน ตำแหน่งเดิม แต่มีข้อสังเกตุว่า อาหารในท้องเธอน้อยมาก เหมือนก่อนเสียชีวิตไม่น่าจะกินอะไรมาหลายวัน นอกจากนี้ร่างด้านขวาดูผอมกว่าด้านซ้าย ตลอดจนขาสองข้างไม่เสมอกัน รวมถึงที่ช่องท้องมีร่องรอยคล้ายรอยแตก นอกจากนี้ปากเธอยังอ้าปากค้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องปรกติของศพคนตายแบบปรกติที่จะต้องหุบปาก เว้นเสียแต่จะเจ็บปวดมาก หรือตกใจมากๆก่อนตาย

เธอจะตายด้วยเหตุผลกลใดไม่รู้ แต่บางทีมีการสันนิษฐานว่า เธออาจจะถูกฝังทั้งเป็น

สภาพศพในโลง

การฆ่าใครเพื่อฝังตามลงไปรับใช้ในยมโลก ไม่ใช่เรื่องที่คนราชวงศ์ฮั่นนิยมทำกัน (แต่ก่อนยุคราชวงศ์ฮั่นนะชอบ) และปรกติแล้วไม่นิยมฝังทั้งเป็น นิยมฆ่าให้ตายก่อน ถ้าจะนำไปฝังร่วม ด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานไว้ดังนี้

สตรีผู้นี้เป็นสตรีบรรดาศักดิ์สูง เกิดล้มป่วยในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ กินอะไรไม่ลง สุดท้าย ก็สลบไป แน่นิ่ง เหมือนคนตาย คนในบ้านปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น จนหลายคนคิดว่าเธอตาย จึงนำเธอไปใส่โลงปิดผนึกไว้

ต่อมาเธออาจจฟื้นขึ้นกลางโลง แต่เมื่อพื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกขังในโลกเสียแล้ว ดังนั้นจึงพยายามตะโกนร้องให้ช่วย และสูดหายใจ สุดท้ายก็เสียชีวิตในโลง ทำให้สภาพศพอ้าปากค้าง

อย่างไรก็ตาม การที่เธอหายใจก่อนตาย ทำให้ออกซิเจนในโลงหมดไปสนิท จุลินซีอะไรเลยไม่ทำงาน แถมในท้องก็ไม่มีอาหารที่จะช่วยให้เน่าเปื่อย ดังนั้นจึงช่วยรักษาสภาพศพเธอไว้อย่างดี ประกอบกับโลงก็แน่นหนา ทำจากไม้ดำชั้นดี

เรื่องนี้จริงหรือไม่ข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่บางคนคิดว่าเธอน่าจะเสียชีวิตอย่างปรกติ ไม่เช่นนั้นท่าทางในโลงคงไม่ใช่นอนนิ่งๆ การที่ศพยังมีสภาพดี อาจเพราะฝังไว้ช่วงฤดูหนาว ประกอบกับการรักษาศพ ทำให้ศพเธอไม่เน่าเปื่อย การที่ศพอ้าปากค้าง นักวิทยาศาสตร์จีนสันนิษฐานหลายประการ อาจเป็นเพราะเจ็บป่วยหนัก หรือเจ็บปวดหนักก่อนตาย กระทั่งตกใจก่อนตายก็เป็นได้การค้นพบสุสานของหลิงฮุ่ยผิง นับว่าน่าตื่นเต้น และเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนพอๆยิ่งกว่าสุสานราชวงศ์ฮั่นของท่านผู้หญิงชิน จุนที่เคยพบ เพราะสภาพการรักษาศพไม่น่าจะดีเท่า แต่ทำไมถึงรักษาได้ดีถึงเพียงนี ด้วยการรักษาดีมากมายหลายชั้นทำให้ศพศพของท่านผู้หญิงซินจุยไม่เน่าเปื่อย นับว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก แต่ขณะที่ของหลิงฮุ่ยผิงนี้ไม่ควรจะรักษาได้ดีถึงเพียงนี้เลย แม้ข้าวของทางโบราณคดีอาจจะมีไม่มาก แต่ว่าเรื่องทางวิทยาศาสตร์และเรื่องราวของเธอนับว่าน่าสนใจ

ถือได้ว่าการค้นพบหลุมฝังศพเหล่านี้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวสมัยราชวงศ์ฮั่นได้อย่างดี ว่าคนเมื่อ ๒๐๐๐ ปีก่อนมีชีวิตอย่างไร

ภาพรูปจำลองท่านผู้หญิงชินจุย และภาพรูปจำลองแม่นางหลิงฮุ่ยผิงขณะที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่

 

ที่มา: http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5861.0
ที่มา คุณ han_bing
เครดิต:
เนื้อหาโดย :
โพสโดย :JaAey..Ja (ทีมงาน TeeNee.Com)
http://variety.teenee.com/world/72404.html
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
84 VOTES (4/5 จาก 21 คน)
VOTED: Alohaaz, ข้าวโพดคั่ว, Punthorn, อาราเล่จัง จอมโหดนะ, แย้มศรี, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, ธิดาพญายม, Thorsten, ป้าสวย, โยนี, ginger bread
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์แอฟ ทักษอร และ นนกุล คู่รักสุดอบอุ่น รับบทช่างภาพคู่ เฝ้ากองเชียร์ น้องปีใหม่ โชว์ความสามารถบนเวที6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า
ตั้งกระทู้ใหม่