คู่รักคู่แค้นแห่งแคว้นทัสคานี "เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต & เจ้าชายโคซิโม"
เจ้าหญิงในศตวรรษที่ 17 ถูกสอนว่าพระสวามีคือฉัตรกั้นเกศ แม้ว่าพระสวามียุคนั้นจะเจ้าชู้เป็นไฟ ปลาไหลเรียกว่าพี่ นิยมมั่วดะทั้งโสเภณี สาวใช้นางระบำ แต่พระชายาก็ต้องทนหน้าชื่นอกตรมอดทนจนถึงที่สุด ยกเว้นคู่ของ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต กับ เจ้าชายโคซิโม ที่ฝ่ายหญิงก็ร้ายฝ่ายชายก็แรง การอยู่กินของสองหนุ่มสาวจึงก่อให้เกิดสงครามย่อยๆ ในพระราชวังทัสคานี
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตทรงเป็นพระญาติสนิทของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศสไม่เพียงแต่จะร่ำรวยเงินทอง มาร์กาเร็ตทรงมีสิริโฉมงดงามมาก ทรงมีพระวรกายเล็กบาง รูปร่างเย้ายวน พระเนตรสีฟ้าอมเขียว พระเกศาสีน้ำตาลเข้ม เรียกว่าทั้งสวยทั้งรวยครบสูตรผู้หญิงเพอร์เฟ็คท์ พอพระชนมายุ 13 ชนษา เจ้าหญิงก็หมั้นหมายกับเจ้าชายโคซิโม รัชทายาทแห่งแคว้นทัสคานีซึ่งถูกมองว่าเหมาะสมกับพระองค์ราวกับกิ่งทองใบหยก วันอภิเษกถูกกำหนดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อเจ้าหญิงมีอายุ 16 ชันษา
แต่ยังไม่ทันจะถึงวันแต่งงาน พรหมลิขิตก็เล่นตลก ชักพาให้เจ้าหญิงไปตกหลุมรักเจ้าชายชาร์ลส์แห่งลอเรนซ์ พระญาติหนุ่มหล่อเข้าจังเบ้อเร่อ เจ้าชายชาร์ลส์ทรงเป็นนักรบที่ตะลุยทำสงครามมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ จึงขนาดถูกจับเป็นเชลยก็เคยมาแล้ว จึงเป็นเหมือนฮีโร่สุดเท่ในสายตาสาวน้อยอย่างมาร์กาเร็ต พอได้ขวัญใจคนใหม่เจ้าหญิงก็หมดเยื่อใยกับพระคู่หมั้น จึงทรงฟาดงวงฟาดงาจะขอยกเลิกการอภิเษกขึ้นมาทันที ทว่าเจ้าชายแห่งทัสคานี ไม่ใช่ผู้ชายกระจอกงอกง่อย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว จึงยอมให้มีการฉีกสัญญาทิ้งเหมือนเด็กเล่นขายของไม่ได้ เพราะเรื่องอาจเลยเถิดถึงขั้นเกิดสงครามหรือไม่ฝ่ายเจ้าสาวก็ถูกปรับค่าสินไหมกันจนอ่วมอรทัย
ตั้งแต่เกิดมาน่าจะเรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตทรงต้องการอะไรแล้วไม่ได้ ซ้ำยังเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเสียด้วย จึงทรงอาละวาดเสียจนนางกำนัลแทบจะลาออกกันสามเวลาหลังอาหาร พอถึงฤกษ์งามยามเหมาะที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องเดินทางไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสยังแคว้นทัสคานี มาร์กาเร็ตก็แกล้งสั่งให้ขบวนแวะพักผ่อนเสียทุกเมือง เพื่อยืดเวลาแต่งงานออกไปให้นานที่สุด แต่ไม่ว่าจะถ่วงเวลาอย่างไรในที่สุดขบวนเจ้าสาวก็ไปถึงบ้านเจ้าบ่าวจนได้ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตจำต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายโคซิโม ชายที่ทรงเคยเห็นหน้าจากรูปวาดเท่านั้น
ทันทีที่เห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าหญิงก็บอกตัวเองว่าพระองค์คิดถูกแล้วที่ไม่ยอมแต่งงาน เพราะเจ้าชายโคซิโมพระคู่หมั้นผู้หล่อเหลาในรูปวาดนั้น ตัวจริงเป็นผู้ชายขี้เหร่อย่างหาติไม่ได้ เจ้าชายมีพระวรกายอ้วนเตี้ย ตาโปน คางยื่น ใบหูใหญ่ผิดปกติโผล่ออกมาจากผมหยิกยาวรุงรัง อีกทั้งอุปนิสัยยังจืดชืดไร้เสน่ห์ เจ้าชายโคซิโมทรงเป็นคนจริงจังเคร่งขรึม ชอบนั่งสวดมนต์วันละหลายชั่วโมง ผิดกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตที่ใจร้อน ขี้โมโห โปรดปรานงานเต้นรำ งานเลี้ยง และความสนุกทุกรูปแบบ
ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน เจ้าชายโคซิโมพยายามเอาใจเจ้าสาวเต็มที่ แต่เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็ทำปากเบ้ส่งสายตาดูถูกทุกอย่างในวังทัสคานี จนคุณท้าวนางในหมั่นไส้ไปตามๆ กัน ความก้าวร้าวของพระชายาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเจ้าชายโคซิโมจนหมดปํญญาจะเอาใจ ที่ร้ายไปกว่านั้นเจ้าหญิงยังดูถูกไปถึงฝีมือบนเตียงของพระสวามีด้วย หยามเรื่องอื่นยังพอว่า แต่เมื่อดูถูกกันถึงความภูมิใจของลูกผู้ชาย โคซิโมก็หมดความอดทน หลังจากงานอภิเษกผ่านพ้นไปแค่เดือนเดียว น้ำผึ้งพระจันทร์ที่ควรจะหวานเจี๊ยบของสองบ่าวสาวจึงกลายเป็นขม เจ้าชายแทบจะเลิกเสด็จมาบรรทมในห้องพระชายา ในหนึ่งเดือนโคซิโมจะเสด็จท่ทำหน้าที่พระสวามีเพียง 3 คืนเท่านั้น สำหรับคืนอื่นๆ จะทรงส่งคนรับใช้มาทูลว่าไม่ปรารถนาการปรนนิบัติของพระชายา ทิ้งให้เจ้าหญิงต้งนอนว้าเหว่เอกาอยู่ในวังอันกว้างใหญ่เพียงองค์เดียว
พอถูกพระสวามีทิ้งให้ตกเป็นเป้านินทาอย่างสมน้ำหน้าของคนทั้งวัง สาวแสบมาร์กาเร็ตก็เอาคืนพระสวามีบ้างด้วยการถลุงเงินของเจ้าชายโคซิโมเป็นว่าเล่น คนครัวได้รับคำสั่งให้สรรหาเนื้อที่ดีและแพงที่สุดมาเป็นพระกระยาหารของเจ้าหญิง ในแต่ละวันต้องมีเมนูขึ้นโต๊ะเกินหนึ่งร้อยจานขึ้นไป เป็นผลให้ค่าใช้จ่ายสหรับเครื่องเสวยเพียงวันเดียวแพงกว่าที่พระสวามีเสวยถึงสิบวัน เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตยังตัดเสื้อผ้าใหม่ประดับด้วยไข่มุก เพชรนิลจินดาทั้งตัวหลายสิบชุด ครั้งหนึ่งทรงเรียกพ่อค้าให้เอาผ้าไหมราคาแพงหลายพับเข้ามาให้ทอดพระเนตร จากนั้นก็รับสั่งอย่างเบื่อๆว่า ทรงรับซื้อทั้งหมด แล้วให้พ่อค้าไปเก็บเงินที่พระสัสสุระ(พ่อสามี) ของพระองค์เอาเอง
เจ้าชายโคซิโมอาจมีท่าทีเนือยๆ ชวนง่วงนอน คล้ายเป็นคนหัวอ่อนถูกบงการได้ง่าย แต่ที่จริงทรงเป็นคนประเภทแข็งนอกอ่อนใน เมื่อพระชายามาไม้แข็งพระองค์ก็พร้อมจะแรงกลับ สึกในวังทัสคานีจึงปะทุขึ้นทันที เจ้าชายทรงดัดหลังพระชายาด้วยการส่งคณะนางข้าหลวงที่ตามเสด็จเจ้าหญิงมาจากฝรั่งเศสกลับบ้านไปทั้งคณะ เล่นเอามาร์กาเร็ตโกรธหน้าดำหน้าแดงที่เหนี่ยวรั้งคนของตนไว้ไม่ได้ เจ้าหญิงก็แก้ลำด้วยการให้บริวารเอาเครื่องเพชรล้ำค่าประจำราชวงศ์พระสวามีกลับฝรั่งเศสไปด้วย กว่าเจ้าชายโคซิโมจะตามสมบัติประจำตระกูลคืนมาได้ คณะทูตทัสคานีก็ตองทำงานกันตัวเป็นเกลียวอยู่หลายปี
การชิงไหวชิงพริบระหว่างเจ้าหญิงและพระสวามีดำเนินต่อไปท่ามกลางความเกลียดชังที่เพิ่มพูนขึ้นตามวันเวลาของทั้งคู่ เช่นเมื่อเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตทรงรู้เวลาเจ้านายจะเสด็จออกจากวังจะต้องแจ้งต่อสำนักพระราชวังก่อนเพื่อให้เตรียมทหารรักษาความปลอดภัย จู่ๆเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็ทรงขี่ม้าพุ่งจี๋ออกไปเฉยๆ แล้วหายตัวไปหลายชั่วโมง เพื่อให้ทางวังทัสคานีปั่นป่วนเล่น ฝ่ายเจ้าชายก็ตอบโต้ด้วยการกักบริเวณพระชายาให้อยู่แต่ในตำหนัก ให้ทหารปิดประตูหน้าต่างหมดทุกบาน และส่งสายลับเข้าไปปะปนอยู่ในหมู่นางกำนัลประจำพระองค์ของเจ้าหญิง เพื่อจับตาดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตตกเป็นนักโทษของพระสวามีอยู่หลายเดือน แต่คนอย่างพระองค์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทรงรอโอกาสจนกระทั่งราชสำนักมีราชพิธีสำคัญ ซึ่งเจ้าหญิงในฐานะพระชายาของเจ้าชายรัชทายาทต้องเสด็จด้วย ขณะที่ทุกคนกำลังชะล่าใจ เจ้าหญิงก็ลุกพรวดขึ้นมาด่าว่าพระสวามีต่อหน้าธารกำนัลว่าทรงเป็นคนไม่เอาถ่าน อย่าว่าแต่จะเป็นเจ้าชายเลย แค่เป็นเด็กเลี้ยงม้าก็ยังเป็นไม่ได้ และพระองค์ยอมให้ไฟนรกแผดเผาเสียยังจะดีกว่าขึ้นไปประทับร่วมกับเจ้าชายโคซิโมบนสวรรค์ การฉีกหน้าพระสวามีในวันนั้นทำให้เจ้าหญิงถูกส่งไปกักบริเวณที่กระท่อมในชนบท โดยมีทหารยามควบคุมตัวถึง 46 คน
ต่อมาแกรนด์ดยุคเฟอร์ดินาน พระบิดาของเจ้าชายโคซิโมทรงสิ้นพระชนม์ลง เจ้าชายจึงได้ครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป และเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็กลายเป็นราชินีองค์ใหม่ของทัสคานี แต่ชื่อเสียงเงินทองกองเท่าภูเขาก็ช่วยชีวิตสมรสที่เหมือนนรกบนดินของสองพระองค์ไม่ได้ หลังจากนั่งตำแหน่งราชินีไปได้ 2 ปี เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เขียนจดหมายไปอ้อนวอนพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ให้ยอมให้พระองค์เสด็จกลับไปอยู่ที่ฝรั่งเศสตามเดิม โดยให้หตุผลว่าใครๆ เขาก็รู้กันทั้งสำนักราชวังแล้วว่าพระองค์ทรงคบชู้สู่ชายเป็นว่าเล่น ส่วนพระสวามีเองก็มีเมียเล็กเมียน้อยนับไม่ถ้วน การแต่งงานนี้จึงหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปนานแล้ว จะยื้อต่อไปให้ได้อะไรขึ้นมา
ตอนแรกพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ทรงบัญชาให้สังฆราชมีจดหมายไปถึงเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ขู่จะตัดพระองค์ออกจากศาสนาหากยังดื้อดึงที่จะหย่า แต่มาร์กาเร็ตก็สวนกลับไปว่า "คิดหรือว่าฉันจะสนใจที่ต้องตกนรกหรือไม่ ในเมื่อทุกวันนี้ฉันก็อยู่ในนรกอยู่แล้ว"
หลังจากส่งจดหมายโต้กันจนอ่อนใจ ในที่สุดพระเจ้าหลุยส์ก็จำต้องอนุโลมตามที่เจ้าหญิงร้องขอ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อมาอยู่ฝรั่งเศสแล้วเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตจะต้องไปประทับเงียบๆ ในสำนักนางชี ห้ามออกมาเพ่นพ่านให้ผู้คนนินทา แต่พอได้กลับฝรั่งเศสเข้าจริงๆ สาวซ่าส์มาร์กาเร็ตก็แอบหนีจากคอนแวนต์ไปร่วมงานเลี้ยงแทบทุกคืน ทรงประณามเจ้าชายโคซิโมให้ขุนนางฝรั่งเศสฟังอย่างขบขัน และพยายามผลาญเงินให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เนื่องจากบิลค่าใช้จ่ายทุกใบจะถูกส่งไปเก็บเงินจากท้องพระคลังของทัสคานี
ถึงแม้จะได้ใช้ชีวิตอิสระแล้ว เจ้าหญิงก็ไม่เคยลืมความเกลียดชังที่มีต่อพระสวามี จดหมายฉบับสุดท้ายที่ทรงส่งไปถวายเจ้าชายโคซิโมมีใจความว่า "ทุกๆ วันไม่มีแม้แต่ชั่วโมงเดียวที่ผ่านไปโดยข้าไม่สาปแช่งให้ท่านตาย ข้าขอภาวนาให้ท่านถูกแขวนคอ นับจากนี้ข้าจะใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยอย่างที่ข้าต้องการเพื่อให้ท่านจมอยู่กับความทุกข์ ไม่มีวันที่ข้าจะกลับไปทัสคานีอีก หรือถ้าข้าจะกลับไปจริงๆ ก็จงระวังตัวให้ดี เพราะเมื่อถึงวันนั้นท่านจะไม่ตายด้วยมือใคร นอกจากข้าคนเดียว
กิ่งทองใบหยกคู่นี้ไม่เคยได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกเลย แต่เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็ยังไม่วายด่าว่าพระสวามี และแคว้นทัสคานีไปตลอดชีวิต จนสิ้นพระชนม์ในวัย 76 ชันษา ท่ามกลางความโล่งใจของประชาชนทัสคานีที่ได้หลุดพ้นจากหนี้สินแห่งความเกลียดชังของพระองค์เสียที
ซ้ำขออภัยค่ะ