ประเพณีรัดเท้าของจีนโบราณ ที่ในปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
โพสท์โดย ลูกสาวอบต
ในส่วนของเนื้อหาสาระรอบรู้เหมียวก็มีนะเออ ซึ่งวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพถ่ายของช่างภาพชาวอังกฤษ Jo Farrell ที่ถ่ายทำเกี่ยวกับประเพณีของจีน ที่เกี่ยวกับการรัดเท้าให้เล็ก!!! ลองมาดูกันเลย
ประเพณีการรัดเท้าของประเทศจีนในสมัยก่อน
ซึ่งพอรัดเท้าจนเสร็จสมบูรณ์ เท่าจะเล็กกว่าปกติมากและมีรูปร่างเป็นแบบนี้เลยล่ะ
โดยประเพณีนี้เริ่มจากเหล่านางรำในสังคมชั้นสูงราวๆ ศตวรรษที่ 10 ซึ่งภายหลังก็ได้แพร่ลงมายังคนทั่วไปในจีน
เป็นสัญญาณว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนมีอันจะกิน เพราะประเพณีรัดเท้านี้จะทำให้เดินเหินได้ยากขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่ไม่ต้องทำงานหนักเท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบันนี้คนที่เคยผ่านการรัดเท้ามาและยังมีชีวิตยืนยาวจนถึงตอนนี้ก็เหลือไม่มากแล้วล่ะ โดยในศตวรรษที่ 16 มีการพยายามยกเลิกประเำณีนี้ แต่สามารถยกเลิกได้จริงๆ ราวๆ ศตวรรษที่ 20 เลยล่ะ
ซึ่งหนึ่งในไม่กี่คนที่เหลืออยู่ก็คือคุณยาย Zhang Yun Ying ในมณฑล Shandong ประเทศจีน
รวมถึงคุณยายคนนี้ Su Xi Rong ที่เคยผ่านประเพณีการรัดเท้ามาเช่นกัน
นี่คือภาพของเธอ Su Xi Rong สามีของเธอ และไก่ที่พวกเขาเลี้ยงไว้
ภาพรองเท้าของคุณยาย
โดยผู้หญิงรุ่นเธอนั้นเรียกได้ว่าสมบุกสมบันมากมาย ทั้งเคยผ่านสถานการณ์โหดร้ายทางประวัติศาสตร์ทั้งสงครามโลก การปฏิวัติทางวัฒนธรรม การบุรุกประเทศจีนของชาวญี่ปุ่น ฯลฯ
ซึ่งในอดีตนั้นพวกเธอต่างถูกยกย่องและชื่นชมที่มีเท้าเล็ก
แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็พบว่าประเพณีนั้นไม่ได้เป็นที่นิยมและถูกยกย่องอีกต่อไป แถมยังถูกดูถูกเหยียดหยามโดยวัฒนธรรมที่เคยยกย่องพวกเธออีกด้วย น่าสะเทือนใจจริงๆ
ไม่ได้เฉพาะในเชิงสวยงามเท่านั้น (ค่านิยม) ซึ่งในอดีตการที่มีเท้าเล็กนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่จะได้แต่งงาน มีชีวิตคู่ที่ดี รวมถึงการมีชีวิตที่ดีขึ้นเลยล่ะ
ซึ่งเมื่อถูกสัมภาษณ์ว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ จะเข้าประเำณีรัดเท้าอยู่หรือไม่…พวกคุณยายส่วนใหญ่ตอบเลยว่า “ไม่”
แต่อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าพวกเธอเกลียดประเพณีนี้ แต่เหตุผลนั้นเนื่องจากว่าพวกเธอประสบปัญหาความลำบากในการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะงานในท้องทุ่ง
ซึ่งหลังจากไม่ได้รัดเท้ามาราวๆ 50-60 ปี เท้าของพวกเธอก็เริ่มแผ่ออกมา แต่ก็ไม่ได้ออกมาจนสมบูรณ์ ซึ่งเคยเป็นรากเหง้าของค่านิยมความงามในยุคก่อน
ซึ่งเด็กผญิงหลายๆ รายในสมัยก่อน ทำด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีพ่อแม่หรือครอบครัวมาบังคับเลยล่ะ
แต่มันเป็นค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมที่พวกเธอต้องทำ ในสมัยก่อนเด็กสาวในหมุ่บ้านทุกคนก็เรียกได้ว่ารัดเท้ากันเกือบทุกคน
เพราะว่าไม่มีใครอยากมีชีวิตที่ไม่ดี หรือลำบากหรอก และค่านิยมความเชื่อ…ทำให้พวกเธอต้องทำแบบนั้น
ซึ่งพอรัดเท้าจนเสร็จสมบูรณ์ เท่าจะเล็กกว่าปกติมากและมีรูปร่างเป็นแบบนี้เลยล่ะ
โดยประเพณีนี้เริ่มจากเหล่านางรำในสังคมชั้นสูงราวๆ ศตวรรษที่ 10 ซึ่งภายหลังก็ได้แพร่ลงมายังคนทั่วไปในจีน
เป็นสัญญาณว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนมีอันจะกิน เพราะประเพณีรัดเท้านี้จะทำให้เดินเหินได้ยากขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่ไม่ต้องทำงานหนักเท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบันนี้คนที่เคยผ่านการรัดเท้ามาและยังมีชีวิตยืนยาวจนถึงตอนนี้ก็เหลือไม่มากแล้วล่ะ โดยในศตวรรษที่ 16 มีการพยายามยกเลิกประเำณีนี้ แต่สามารถยกเลิกได้จริงๆ ราวๆ ศตวรรษที่ 20 เลยล่ะ
ซึ่งหนึ่งในไม่กี่คนที่เหลืออยู่ก็คือคุณยาย Zhang Yun Ying ในมณฑล Shandong ประเทศจีน
รวมถึงคุณยายคนนี้ Su Xi Rong ที่เคยผ่านประเพณีการรัดเท้ามาเช่นกัน
นี่คือภาพของเธอ Su Xi Rong สามีของเธอ และไก่ที่พวกเขาเลี้ยงไว้
ภาพรองเท้าของคุณยาย
โดยผู้หญิงรุ่นเธอนั้นเรียกได้ว่าสมบุกสมบันมากมาย ทั้งเคยผ่านสถานการณ์โหดร้ายทางประวัติศาสตร์ทั้งสงครามโลก การปฏิวัติทางวัฒนธรรม การบุรุกประเทศจีนของชาวญี่ปุ่น ฯลฯ
ซึ่งในอดีตนั้นพวกเธอต่างถูกยกย่องและชื่นชมที่มีเท้าเล็ก
แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็พบว่าประเพณีนั้นไม่ได้เป็นที่นิยมและถูกยกย่องอีกต่อไป แถมยังถูกดูถูกเหยียดหยามโดยวัฒนธรรมที่เคยยกย่องพวกเธออีกด้วย น่าสะเทือนใจจริงๆ
ไม่ได้เฉพาะในเชิงสวยงามเท่านั้น (ค่านิยม) ซึ่งในอดีตการที่มีเท้าเล็กนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่จะได้แต่งงาน มีชีวิตคู่ที่ดี รวมถึงการมีชีวิตที่ดีขึ้นเลยล่ะ
ซึ่งเมื่อถูกสัมภาษณ์ว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ จะเข้าประเำณีรัดเท้าอยู่หรือไม่…พวกคุณยายส่วนใหญ่ตอบเลยว่า “ไม่”
แต่อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าพวกเธอเกลียดประเพณีนี้ แต่เหตุผลนั้นเนื่องจากว่าพวกเธอประสบปัญหาความลำบากในการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะงานในท้องทุ่ง
ซึ่งหลังจากไม่ได้รัดเท้ามาราวๆ 50-60 ปี เท้าของพวกเธอก็เริ่มแผ่ออกมา แต่ก็ไม่ได้ออกมาจนสมบูรณ์ ซึ่งเคยเป็นรากเหง้าของค่านิยมความงามในยุคก่อน
ซึ่งเด็กผญิงหลายๆ รายในสมัยก่อน ทำด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีพ่อแม่หรือครอบครัวมาบังคับเลยล่ะ
แต่มันเป็นค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมที่พวกเธอต้องทำ ในสมัยก่อนเด็กสาวในหมุ่บ้านทุกคนก็เรียกได้ว่ารัดเท้ากันเกือบทุกคน
เพราะว่าไม่มีใครอยากมีชีวิตที่ไม่ดี หรือลำบากหรอก และค่านิยมความเชื่อ…ทำให้พวกเธอต้องทำแบบนั้น
ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมกันล่ะก็ สามารถเข้าไปดูกันได้ที่นี่เลยจ้า Photographers’ Gallery เรียกได้ว่าเป็นประเพณีที่น่าสนใจเลยนะเนี่ย แต่ถ้าให้เหมียวทำก็ไม่เอานะ น่ากลัวไปนิดดด ฮ่าๆๆๆ
ที่มา: Buzzfeed
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: princesleep, ต. เตย, กุ้งฝอย
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
กัมพูชาปล่อยภาพ “ช่องอานม้า” หลังถูก F-16 ไทยถล่มลงเป้าหมายกลางคาสิโนฝั่งเขมร ไทยยืนยันพื้นที่นั้นถูกดัดแปลงเป็นแหล่งซ่อนอาวุธหนัก
ไทยเปิดปฏิบัติการทางอากาศ ถล่มเป้าหมายฝั่งกัมพูชา หลังพบถูกใช้ซุกอาวุธหนัก
"F-16 ไทย" จัดหนัก ถล่มคาสิโนเขมรที่ช่องอานม้า "ราบเป็นกลอง" หลังพบเป็นฐานซุกอาวุธโจมตีไทย
อัปเดตปี 2568 คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า เที่ยวได้ยาวๆ สบายใจหายห่วง 36 ประเทศ
เปิดตำนาน "ไซยาไนด์": จากความบังเอิญทางศิลปะ สู่สารพิษพลิกประวัติศาสตร์โลก
เปิดภาพ 5 นักโทษที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะมีจุดจบที่เป็น "ประหารชีวิต"
F-16 ไทย ถล่ม คาสิโนช่องอานม้าพังราบ
ทหารกัมพูชาเตรียมความพร้อมสู้รบขั้นสูงสุด ลำเลียงกับระเบิดเข้าที่กำบัง
ทหารไทยพลีชีพ 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ที่บริเวณฐานอนุพงศ์ หลังทหารเขมรระดมยิงปืนใหญ่-ปืน ค.
ฮุน เซน เดือด ร่ายยาว! ยันไม่เคยใช้เงินจีนจัดซีเกมส์ซักเรียลเดียว วอนไทยหยุดเปรียบเขมรยากจน ถึงจนก็จัดได้ดีไม่มีปัญหาเหมือนไทย
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุกHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ฮุน เซน ถูก “ทรัมป์” หลอกล้วงตับ – เปิดทางสหรัฐฯ แทรกแซงกฎหมาย-จัดหนักสแกมเมอร์
เผยภาพเด็ดหลังน้ำลดหาดใหญ่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยขยะ
"น้าตุ๊ก - อรุณี นันทิวาส" ผู้พากย์เสียงไทย "ซึเนะโอะ" และ "โคนัน" เสียชีวิตแล้ว..แฟนการ์ตูนแห่ไว้อาลัย!
เปิดภาพ 5 นักโทษที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะมีจุดจบที่เป็น "ประหารชีวิต"
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
หารพระแม่กวนอิมหยกขาว วัดเกาะลอย จุดเช็กอินที่ใครมาศรีราชาก็ต้องแวะ


