10 เรื่องน่ารู้..ชวนคิด
1.แรงดึงดูดของโลกกำลังเปลี่ยนสภาพพื้นผิวของดวงจันทร์
แรงดึงดูดของโลกนั้นมีอิทธิพลต่อการแตกร้าวของพื้นผิวบนดวงจันทร์ ซึ่งรอยร้าวกว่า 3,000 รอยได้ถูกพบตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มีความยาวน้อยกว่า 10 กิโลเมตร และรอยร้าวเหล่านี้แต่เดิมนั้นเกิดขึ้นจากการที่ดวงจันทร์หดตัวลงเนื่องจากแกนกลางที่เป็นของเหลวเย็นตัวลงและกลายเป็นของแข็ง
2.ขยะอวกาศมากกว่าครึ่งล้านชิ้น
ตอนนี้ มีขยะอวกาศมากกว่าครึ่งล้านชิ้นที่โคจรอยู่รอบโลก และราวๆ 23,000 ชิ้นที่มีขนาดเท่าลูกซอฟท์บอลหรือใหญ่กว่า
ขยะอวกาศถูกสะสมตลอดเวลา ทั้งดาวเทียมหมดอายุ ซึ่งถูกทิ้งไว้ราวกับฝนดาวตกในอวกาศ รวมทั้งเศษซากยานอวกาศ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่มนุษย์อวกาศใช้ในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ซึ่งเมื่อมันเกิดการชนกันของเศษซากเหล่านี้ ไม่เพียงแค่มันจะปลิวสะบัดอยู่ในอวกาศ แต่มันยังติดอยู่ในแรงโน้มถ่วงของโลก ห้อมล้อมโลกไว้อย่างกับเข็มขัดรัดโลกที่จนแน่นเกินไปสำหรับเส้นทางในการสำรวจอวกาศ
3.นาซายัน! พบหลักฐานมีน้ำไหลบนดาวอังคารในปัจจุบัน
นักวิจัยตรวจสอบภาพถ่ายสเปกตรัมของดาวอังคารจากยานเอ็มอาร์โอ และพบสัญญาณของผลึกแร่บริเวณเนินลาดซึ่งมี 'ริ้วรอยหรือสายสีเข้ม' หรือ 'รีเคอริง สโลป ลินแน' (recurring slope lineae: RSL) ที่พบบนดาวอังคารก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นด้วยว่ารอยนี้เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา โดยมีสีเข้มขึ้นและดูเหมือนจะไหลลงเนินลาดชันในฤดูที่มีอุณหภูมิอบอุ่น และจางลงในฤดูที่อากาศเย็นลง รอยเหล่านี้ปรากฏขึ้นหลายแห่งเมื่ออุณหภูมิบนดาวดวงนี้สูง กว่า -23 องศาเซลเซียส และหายไปเมื่ออุณหภูมิเย็นลง
4.อดมื้อเย็น ใช่ว่าจะผอม
ความคิดที่ว่าการไม่รับประทานอาหารมื้อเย็นหลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ทำให้น้ำหนักลดได้จริงและเร็วกว่าปกติ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกกำลังกาย เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ผิด เพราะพื้นฐานของร่างกายต้องรับสารอาหารให้เพียงพอ สำหรับผู้หญิงควรอยู่ที่ 1,600 แคลอรี่ และสำหรับผู้ชายควรอยู่ที่ 2,000 แคลอรี่
การอดอาหารมื้อเย็นจึงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการลดน้ำหนัก มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพในระยะยาว แต่การเลือกรับประทานอาหารที่ถูกวิธี รับประทานอาหารที่มีใยอาหาร แคลลอรี่ต่ำ มีวิตามินและสารอาหารสูง ในปริมาณที่เหมาะสมควบคู่กับการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง รูปร่างกระชับดูสุขภาพดีมากกว่า แม้เห็นผลช้ากว่าแต่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
5.เส้นขนแข็งแรง
โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีเส้นขนประมาณ 5 ล้านเส้นทั่วร่างกาย ยกเว้นบริเวณริมฝีปาก ฝ่ามือและฝ่าเท้า เส้นขนที่แข็งแรงที่สุดคือหนวด เชื่อหรือไม่ว่าหนวดแข็งแรงพอ ๆ กับลวดทองแดงที่มีขนาดเท่ากันเลยทีเดียว
6.ตาที่สาม
เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์มีสามตา ตาที่สามนี้ก็คือต่อมไพเนียลซึ่งอยู่ด้านหลังของกะโหลกศีรษะ ภายในต่อมมีสารเคมีที่มีชื่อว่าเซโรโตนินอยู่เป็นจำนวนมาก เชื่อกันว่า สารชนิดนี้ช่วยส่งผลให้มนุษย์มีการคิดอย่างสมเหตุสมผล นักวิทยาศาสตร์จึงเปรียบต่อมนี้ว่าเป็นตาที่สามของมนุษย์
7.หูกับการทรงตัว
เชื่อหรือไม่ว่าหูมีผลต่อการทรงตัว อวัยวะที่ช่วยให้เราสามารถทรงตัวอยู่ได้คือ เซมิเซอร์คิวลาร์ คาแนล (semicir-cular canel) ในหูซึ่งภายในมีของเหลวที่ไวต่อการกระตุ้นของเหลวนี้จะทำหน้าที่ในการรับรู้สมดุล หากเราหมุนไปรอบ ๆ ตัวเร็ว ๆ หลาย ๆ ครั้ง จะทำให้อวัยวะนี้เกิดความสับสน เราจึงรู้สึกเวียนศีรษะ
8.ถ้าโลกหมุนรอบตัวช้ากว่านี้ “29 กุมภา” จะมาทุกปี
ปรากฏการณ์ 29 กุมภาฯ ที่มากันให้เห็นในทุกๆ 4 ปีนั้น ในอนาคตข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นกันทุกปี เพราะปัจจุบันโลกเราหมุนรอบตัวเองใช้เวลาเพียง 23.56.1 ชม.และถ้าหากโลกหมุนช้าลงได้ถึง 24 ชั่วโมงต่อรอบจริง จะส่งผลให้มีวันเพิ่มขึ้นในทุกๆ 1 ปี ไม่ใช่ 4 ปีถึงจะมี 1 วันฉะนั้น “29 ก.พ.” ของทุกปีอาจจะมีขึ้นได้ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง
9.เปลือกไข่ สร้างพลังงานได้
งานวิจัยในสหรัฐฯ กำลังจะเปลี่ยน "เปลือกไข่" เหลือทิ้งธรรมดาๆ ไปเป็นของวิเศษในการผลิตก๊าซไฮโดรเจนที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าของเซลล์เชื้อเพลิง
10.ความเผ็ดวัดได้ด้วย
เกณฑ์วัดความเผ็ดร้อนสากลที่ใช้วัดระดับความเผ็ดของพริกหรือผักผลไม้ที่มีสารแคปไซซินซึ่งให้ความเผ็ดร้อนนี้เรียกว่า สโกวิลล์ (Scoville) เป็นคำที่ตั้งขึ้นตามชื่อของผู้คิดค้นวิธีการวัดระดับนี้ ซึ่งก็คือ วิลเบอร์ ลินคอร์น สโกวิลล์ นักเคมีชาวอเมริกัน โดยเขาได้คิดค้นระดับวัดความเผ็ดนี้ขึ้นในปี 1912 ขณะทำงานอยู่ที่บริษัทผลิตยาพาร์ก เดวิส เพื่อวัดความฉุนหรือความเผ็ดร้อนของพริกต่างชนิดกัน
เช่น 0 หมายความว่าไม่สามารถรับรู้ถึงความเผ็ดร้อนได้เมื่อทำการเจือจาง ในทางตรงกันข้าม พริกที่เผ็ดที่สุดอย่างฮาบาเนโรจะมีค่าสโกวิลล์สูงถึง 300,000 หรือมากกว่า เป็นการชี้ชัดว่าสารสกัดของพริกชนิดนี้ต้องเจือจางถึง 300,000 ครั้งกว่าที่แคปไซซินจะหมดไป