โลกของ "ยุ่น"
ผมและทีมอาร์ตของหนังเรื่องนี้นั่งคิดกันอยู่สักพักว่าห้องของยุ่นนั้นเป็นยังไง มันยากเทียบเท่ากับการแคสติ้งหานักแสดง เพราะเอาเข้าจริง ห้องทำงานและห้องนอนของยุ่นจะอยู่กับคนดูเกือบตลอดทั้งเรื่อง ห้องนี้จะเป็นสถานที่ที่ทำให้เรารู้จักโลกของยุ่น ยุ่นเขาเป็นคนอย่างไร มีมุมมองต่อชีวิตแบบไหน ก็เหมือนกับที่เรารู้จักเพื่อนเราผ่านห้องนอนของเขา
ตอนแรกที่ห้องมันโล่งๆ มันก็เหมือนกันเฟรมผ้าใบเปล่าๆ เราจะเติมอะไรลงไปก็ได้ จะคิดอะไรขึ้นมาใส่ก็ได้ แต่อินดี้ขนาดนั้นก็ไม่ดี เพราะทีมอาร์ตอาจจะงงและด่าพ่อได้ว่า...จะเอาไงกันแน่ 555 เราเลยลองกำหนดคอนเซปต์ขึ้นมาอันนึง คือ ผมนึกถึงความเป็นอุตสาหกรรม เพราะคุณยุ่นเขาแทบจะมีสภาพไม่ต่างจากเครื่องจักร ทำงานตลอดเวลา จากคีย์เวิร์ดอุตสาหกรรมนี้ ผมก็นึกได้ว่า ผมชอบบรรยากาศของโรงงานเย็บผ้า ที่จะมีหลอดไฟนีออนเยอะๆติดอยู่บนกำแพง และมีจักรเย็บผ้าวางเรียงกันเต็มไปหมดพื้นที่ , โอเค เราได้แสงไฟและวิธีการจัดไฟในห้องนี้แล้ว คือติดตามกำแพงห้องแม่งไปเลย แล้วปล่อยสายไฟเปลือยๆเละๆไปเหมือนพวกโรงงานเหล่านั้น คือ ยุ่นเอาสะดวก เน้นการใช้งาน ไม่เน้นสวยงามมากนัก
จากนั้นเราคิดว่าจะเอาเครื่องจักรมากมายอะไรมาวางในห้องของเขา นอกจากคอมพิวเตอร์แม็คโปรที่ยุ่นใช้รีทัช อันนี้คิดกันอยู่สักพักเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาวาง บอกให้พี่ๆทีมอาร์ตเอาพวกปรินท์เตอร์อิงค์เจ็ทมาวางๆแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ มันยังไม่ใช่ เอาพวกหนังสือดีไซน์มากองๆก็ยังไม่ค่อยได้ // แล้ววันนึงที่กำลังยืนรอน้องถ่ายเอกสารบทอยู่ ก็คิดว่า เออ เชี่ย เครื่องถ่ายเอกสารไปเลยมั๊ย ไอ้ยุ่นมันอาจจะเคยต้องใช้ทำอะไรสักอย่าง พลันให้คิดถึงเครื่องพล็อตเตอร์ (ด้านขวาของภาพ) ที่ไว้ปรินท์งานขนาดใหญ่ เราคิดไปว่า ยุ่นคงคิดว่าการออกไปปรินท์ที่ร้านมันคงเสียเวลา กูซื้อเครื่องเลยมาไว้ที่บ้านเลยดีกว่า เร็วกว่า ทันใจกว่า , แต่เหนืออื่นใด การที่ห้องนอนของมนุษย์มีเครื่องซีร็อกซ์กับพล็อตเตอร์ขนาดใหญ่สัดๆวางทิ้งไว้นี่ แม่งทำให้โลกของคนๆนั้นมันดูประหลาดและเพี้ยนนิดๆใช้ได้ , เลยรู้สึกว่านี่แม่งเหมาะกับคาแรคเตอร์ของยุ่นมาก คือ ดิบ จริงจัง และ เซอร์เรียลนิดๆ คนที่เข้ามาเห็น คงคิดว่า เ...้ย นี่บ้านหรือโรงพิมพ์
สุดท้าย เราคิดว่ามันคงต้องมีโปสเตอร์สักเล็กน้อยตามประสาขาวกราฟฟิคดีไซน์และช่วยเติมสีสันให้กับห้องด้วย ซึ่งเราไม่อยากได้โปสเตอร์ประเภท ไอเลิฟนิวยอร์ค หรือ ภาพ campbell soup ของ แอนดี้ วอร์ฮอล มันดูง่ายไปและไม่เนิร์ดพอสำหรับยุ่น เหมือนพอตัวละครเป็นกราฟฟิคดีไซน์ ก็แอนดี้ วอร์ฮอลเลย , ผมคิดถึงโปสเตอร์ shell งานกราฟฟิคของ M/M paris , หรืองานภาพของ takashi murakami หรืออะไรที่เฉพาะทางแบบนั้น แต่ก็อยากให้มันเป็นโปสเตอร์ที่ไทยๆด้วย , ฤดูกาลล่าโปสเตอร์ก็เลยเกิดขึ้น ต้องขอขอบคุณพี่ป้อง house rca ที่เก็บโปสเตอร์อะไรก็ไม่รู้ไว้มากมายที่โรงหนัง ทำให้เราได้ไปนั่งค้นกองกระดาษเหล่านั้น และพบกับโปสเตอร์งานแฟตครั้งที่ 4 ซึ่งประทับใจมาก เพราะสวย ไทย และร่วมสมัยกับตัวละคร (มันคงเคยไปงานแฟตบ้าง สมัยเรียน) และขอขอบคุณ โต๊ด แห่งคัดสรรดีมาก ที่อำนวยโปสเตอร์งาน BITS MMXIV มาให้ เพราะเราคิดว่าฟอนท์สวยและงานก็ดูเฉพาะทางมาก ซึ่งยุ่นก็อาจจะเคยไปร่วมงานสัมมนาชาวกราฟฟิคอันนี้เหมือนกัน , ส่วนโปสเตอร์จูนเมโกะนั้น ไม่มีไรมาก สีมันสวยดี เลยเอามาวางแมทช์ ฉันไม่ได้คิดถึงพวกเธอเท่าไหร่หรอก
สรุปแล้วเราก็ได้โลกของยุ่นที่มีความเป็นโรงพิมพ์เนิร์ดๆเวียร์ดๆอุตสาหกรรมๆ เหมาะกับการทำงานคนเดียวเงียบๆไปถึงเช้าของอีกวัน
โลกของ หมออิม
โลกของหมออิมในหนังมีโต๊ะหนึ่งตัว คอมหนึ่งเครื่อง และคนหนึ่งคน ฟังดูแล้วง่าย แต่จริงๆแล้วไอ้พื้นที่แคบนี่คือความสาหัสของคนทำ นั่นหมายถึงว่า เราถูกบีบจำกัดพื้นที่ในการถ่าย ถูกริบของเล่นที่อาจจะเอามาใช้เล่นมุขในหนังได้ และทำให้ใหม่ ดาหวิ ในหนังเรื่องนี้ทำได้แค่นั่งคุยทั้งเรื่อง เดินเหินไปไหนไม่ได้เลย , แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นความน่าสนใจสำหรับตัวข้าพเจ้าในการจะใช้พื้นที่แคบมาเล่าเรื่องและก่อให้เกิดผลทางความโรแมนติคให้ได้มากที่สุด (เท่าที่คนหน้าเด้ดอย่างข้าพเจ้าพอจะทำได้)
เรื่องสเปซในห้อง แก้ไขได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่เรื่องการแสดงนั้น พอกล้องมันใกล้และแคบ ทำให้คนดูจะเห็นหมออิมทำทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลาที่เธออยู่ในห้องตรวจกับยุ่น , เพื่อความชัวร์ เราจึงต้องพาดาหวิไปเผชิญกับโลกของโรงพยาบาลรัฐ และ ฝึกตรวจโรคอย่างจริงจังกับเคสต่างๆ นอกจากนั้นผมพยายามให้ดาหวิดูการจับของเครื่องใช้ต่างๆบนโต๊ะทำงานหมอ ฟังวิธีที่หมอพูด (คำว่า เนาะ (เนอะ) ที่อาจได้ยินบ่อยๆในหนัง คาดว่าดาหวิจะเอามาจากคุณหมอที่ฝึกหัดให้เราในวันนั้น) ดูสปีดการเคลื่อนไหวของหมอเวลาตรวจ / ส่วนตัวข้าพเจ้าเอง นอกจากจะนั่งดูดีเทลการตรวจของคุณหมอเพิ่มเติมเผื่อใช้เพิ่มลูกเล่นในซีนได้ เผื่อจะฮาขึ้น 55 ข้าพเจ้าก็ไปนั่งเก็บดีเทลห้องตรวจจริงๆที่สถาบันโรคผิวหนัง เพื่อที่จะก๊อปปี้ลักษณะสิ่งของต่างๆ เช่น โต๊ะ หลอดไฟ สติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนโต๊ะ ขอบอะลูมิเนียมบนกำแพงต่างๆ ฯลฯ ไปโมดิฟายใช้กับโลเคชั่นห้องตรวจอีกที่ที่เราใช้ถ่าย (อยู่คนละที่กับสถาบัน) เพื่อจะทำให้เหมือนกับที่สถาบันจริงมากที่สุด ความจริงอยากถ่ายที่สถาบันจริงมาก ยื้อกันอยู่นาน ดื้ออยากจะถ่ายที่จริง แต่ด้วยเหตุผลที่พื้นที่แคบไป กล้องเข้าไปไม่ได้ ทำให้ต้องตัดใจไปถ่ายอีกที่นึง