นักวิทยาศาสตร์เผย...จริงๆ แล้วใน "แปรงสีฟัน" มีแบคทีเรียอาศัยอยู่ถึง 10 ล้านตัว!!
สุขภาพร่างกายของคนเราจะดีหรือไม่ดีนั้นอยู่ที่ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ การแปรงฟันคือกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ทุกคนปฏิบัติเป็นประจำเพื่อกำจัดเชื้อโรคในช่องปาก โดยไม่รู้เลยว่าแปรงสีฟันนั่นแหละ ที่เป็นแหล่งของเชื้อโรค!
Escherichia coli หรือ อีโคไล (E. coli) เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม เป็นตัวชี้การปนเปื้อนของอุจจาระในน้ำ มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของสัตว์และมนุษย์ แบคทีเรียชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยที่สุดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
เราทุกคนรู้ดีว่าการรักษาความสะอาดในอาหารเพื่อไม่ให้ท้องเสีย แต่จริงๆ แล้วเจ้าแบคทีเรียหลายชนิดกลับเติบโตอยู่ในแปรงสีฟันของเรา
แปรงสีฟันโดยส่วนใหญ่แล้วมีแบคทีเรียอาศัยอยู่มากกว่า 10 ล้านตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแปรงสีฟันของคุณอยู่ในห้องน้ำร่วมกับโถชักโครก
และแน่นอนว่า…หนึ่งในนั้นคือ E.Coli
ในเวลาที่เรากดชักโครก สิ่งสกปรก (เช่นอุจจาระ) จะถูกกระทบให้แตกกระจายและลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศ รวมทั้งแบคทีเรียนานาชนิด
ซึ่งรัศมีของมันนั้นไกลกว่า 5-6 ฟุต!
แล้วมีหรือที่แปรงสีฟันของเราจะรอดไปได้
มีการทดลองหนึ่งในประเทศอินเดีย ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบแปรงสีฟัน 20 อัน ที่อยู่ในห้องน้ำที่มีชักโครก และแปรงสีฟันในห้องน้ำที่ไม่มีชักโครก
พบว่าหลังจากผ่านไป 3 เดือน แปรงสีฟันในห้องน้ำที่มีชักโครกมีเชื้ออีโคไลอยู่ถึง 60%
แต่ไม่ว่าในห้องน้ำนั้นจะมีชักโครกหรือไม่ ผลของการส่องกล้องจุลทรรศน์รวมถึงการศึกษาหลายชิ้นล้วนแต่พบว่าในแปรงสีฟันนั้นมีแบคทีเรียหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น
แล้วจะทำอย่างไรให้แปรงสีฟันมีแบคทีเรียอาศัยอยู่น้อยที่สุด?
คำแนะนำก็คือ…
ควรปิดฝาชักโครกทุกครั้งตอนกดน้ำ อย่าเก็บแปรงสีฟันในกล่องที่มิดชิด(เพราะจะทำให้มันเติบโตดียิ่งขึ้น) และใช้ยาสีฟันที่มีสารต่อต้านแบคทีเรีย
ที่มา: BusinessInsider