หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

7 อันดับ “จับแพะ” ไทยแลนด์ แดนออฟสมายล์

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

7 อันดับ “จับแพะ” ไทยแลนด์ แดmnออฟสมายล์
ว่าด้วยการรวบรวมวีรกรรมวีรเวรอันกล้าหามส่วนหนึ่งของเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทย



อันดับที่ว่ามาจาก “คดีฆาตกรรม” เท่านั้นนะครับ (ให้เข้ากับสถานการณ์) และใช้วิจารณญาณส่วนตัวล้วนๆครับ ไม่ได้อ้างอิงหลักการทางอาชญวิทยามโนวิทยาใดๆทั้งสิ้น ข้อมูลที่นำเสนอนำมาเรียบเรียงใหม่จากแหล่งข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและถึงบท สรุปแล้วว่า “จับแพะ” ที่ไม่ได้ร้องแบ้ะๆ จริง !!
หากจะมีคำถามว่า ทำไมมี 7 อันดับล่ะก็.. ถ้าถึง “8” เดี๋ยวก็ยุ่งสิครับ
อนึ่ง ถ้อยคำที่ใช้ ชื่อ รวมถึงภาพประกอบ จัดทำเพื่อการศึกษา และง่ายต่อการสืบค้นเพิ่มเติม ไม่ได้มีเจตนาเพื่อลบหลู่ผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด หากมีถ้อยคำอันใดที่จะถือได้ว่าเกิน หรือมีข้อมูลผิดพลาดประการใด โปรดให้อภัยความเขลาเบาปัญญาของผมด้วยด้วย

เริ่มเลยละกันนะครับ


อันดับ 7 : “แบ้ะ แบ้ะ แบ้ะ (3 แบ้ะ)”

2 กรกฎาคม 2555  จ.ส.ต. กฤษดา แสงโทโพธิ์ ตร.สายตรวจ ต.ม่วงนา จ. กาฬสินธุ์ ถูกประกบยิงหลังจากฆาตกรไม่พอใจที่ถูกเรียกตรวจหาสารเสพติด และในคืนเดียวกันนั้นเองก็เกิดเหตุฆาตกรรมนักศึกษาอาชีวะอีกสามศพ

เก้าวันต่อมานายสรรเพชร พุทธภูมิ อายุ 20 ปีและวัยรุ่น อายุ 17 ปี อีกสองคนถูกจับ และทั้งหมดให้การรับสารภาพ เหตุเพราะแค้นที่โดนแย่งจีบหญิงในผับ
แต่ระหว่างที่ตำรวจนำตัวทั้ง 3 คน ไปฝากขังต่อศาล ผู้ต้องหาได้กลับคำให้การ โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุและไม่มีส่วนรู้เห็น รวมทั้งไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ตาย แต่ยอมรับว่า ในคืนเกิดเหตุได้ไปเที่ยวและออกมาจากผับในช่วงเวลาเกิดเหตุจริง อย่างไรก็ตาม แม้จะกลับคำให้การ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มั่นใจในหลักฐานที่มี (ก็เห็นมั่นใจตลอด) จึงส่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนฝากขังต่อศาล พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ
20 กรกฎาคม 2555  จับตัวกลุ่มคนร้ายตัวจริงได้พร้อมหลักฐาน ประกอบไปด้วย นายศักดิ์ชัย พัฒบุรม อายุ 21 ปี นายวีรยุทธ มาตแม้น อายุ 22 ปี และวัยรุ่น อายุ 17 ปี อีกหนึ่งคน ทั้งหมดรับสารภาพ หลังจากถูกเค้นอย่างหนัก (ข่าวเค้าว่างั้น)

แล้วก็มาถึงประเด็นสำคัญที่ว่า ทำไมเหล่าแพะจึงให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ?

ภายหลังการปล่อยตัว นายสรรเพชร ระบุว่า เพราะพวกตนมีเรื่องกับกลุ่มผู้ตายในผับมาก่อนจริง ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายก็รุมชี้ตัวพวกตน จึงตัดสินใจรับสารภาพไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ที่มากลับคำให้การภายหลัง เพราะมารู้ว่า คดีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน จึงกลัวว่าจะได้รับโทษหนัก

กระนั้น  แพะทั้งสามก็ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเฮียชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ว่าถูกตำรวจจับผิดตัวจนต้องติดคุกฟรี 10 วัน ขณะที่เด็ก 17 ทั้ง 2 คน ถูกตำรวจพาไปซ้อมที่เซฟเฮ้าส์ เพื่อบังคับให้รับสารภาพ จนกระทั่งจับคนร้ายตัวจริงได้ ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวออกมาโดยไม่มีคำขอโทษใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ก่อนหน้านี้จะมีการชุมนุมเรียกร้องโดยเพื่อนและอาจารย์ของเหล่าแพะอย่าง อึกทึกครึกโครมแล้วก็ตาม





อันดับ 6 : “ปริญญาสาขาแพะ”

3 มีนาคม 2552 นางอุนิตา ยิ้มสินสมบูรณ์ ผู้พิพากษาสมทบภรรยาอธิบดีอัยการฯ ถูกฆ่าชิงทรัพย์อย่างเหี้ยมโหดภายในบ้านพักอัยการฯ เป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมครับ เรื่องนี้ก็เลยใหญ่น่าดู ... แล้วก็ตามคาดครับ ผ่านไปแค่คืนเดียว นายวินัย นวลจีน ว่าที่บัณฑิตลูกชาวนาตาดำๆที่รับจ้างก่อสร้างในบ้านพักหลังที่เกิดเหตุก็ถูก จับ ก่อนหน้าที่เจ้าตัวจะเข้ารับปริญญาไม่ถึงเดือน แพะรับสารภาพ และเปิดทำการแสดงเล็กๆโดยมีผู้กำกับหลายผู้หลายคน

23 มีนาคม 2552 หลังจากการยักแย่ยักยันระหว่าง ตร. และญาติ มาเกือบสามสัปดาห์ สุดท้าย“แพะ” ก็ถูกปล่อยก่อนหน้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตร 12 ชั่วโมง เนื่องจากพบฆาตกรตัวจริงเป็นช่างปูนที่ได้หลักฐานลายนิ้วมือแฝงภายหลัง (?) ต่อจากนั้นไม่นาน แพะก็ไปบวชเป็นพระล้างซวย หลีกหนีความอยุติธรรมบัดซบ

อีกกว่าขวบปี ผ่านทั้งการเรียกร้อง เดินขบวน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ฯลฯ ก็ได้มีการ ทำสัญญาประนีประนอมไม่เอาความต่อกัน (?) เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554  โดยที่ ตร. เมืองพิษณุโลกยอมจ่าย 390 k .. ดีล






อันดับ 5 : “ภาพ 100 ศพ”

คาดว่าคงจะคุ้นหูกันดีสำหรับคดียิงผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 19 เมษายน 2554
ด้วยคำบอกเล่าจากพยานเพียงปากเดียว นายณรงค์ ธงชัย หรือ ภาพ 100 ศพ ถูกออกหมายจับและมีค่าหัวถึงหนึ่งแสนบาท หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ภาพถูกจับที่ จ.นครพนม

ก่อนหน้านี้ภาพถูกออกหมายจับคดีอาวุธปืนและฆาตกรรมอีกสองรายและยังอยู่ ระหว่างการหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล เมื่อถูกจับก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยอีกหลายคดีหลายหมายไปซะงั้น ส่วนตัวนายภาพยอมรับเพียงคดีเดิมที่หลบหนีประกันคดีเดียวเท่านั้นและไม่มี ส่วนรู้เห็นกับคดีอื่นๆเลย ฉายาร้อยศพก็เกิดจากสื่อตั้งเพื่อให้เขียนข่าวสนุกมือ

ภายหลังก็จับตัวฆาตกรตัวจริงได้  ตำรวจก็ออกมาบอกว่าเป็นไปได้ที่ภาพไม่ได้ เกี่ยวข้องเพราะการก่อเหตุตอนเที่ยงคืนแต่มีคนพบนายภาพตอนหกโมงเช้าที่ นครพนมเป็นไปได้ยาก เฉียบขาดขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตาม ภาพก็ถูกดำเนินคดีอื่นไปตามระเบียบ.. แต่ไม่ใช่กับคดีนี้






อันดับ 4 : “จอบิ”

4 มิถุนายน 2545 รถโรงเรียนบรรทุกนักเรียนโรงเรียนบ้านคาวิทยา จ.ราชบุรีมาเต็มคันรถ ขณะขับขึ้นเนินเขา คนร้ายจำนวนหนึ่งออกมายืนขวางถนน แต่โชเฟอร์เร่งความเร็วฝ่าออกไป ทำให้คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงไล่หลัง ทำให้นักเรียนเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 12 คน

ตำรวจ-ทหารจับกุม นายจอบิ หรือซอบิ ชาวกะเหรี่ยง เป็นผู้ต้องหาหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ จอบิสารภาพ และทำแผนฯ เสร็จเรียบร้อยกระบวนความตำรวจไทย แม้ว่าผู้ปกครองเด็กจะไม่เชื่อว่า นายจอบิจะเกี่ยวข้อง เพราะรูปพรรณซึ่งเป็นคนตัวเตี้ยกว่าปกติ ในขณะที่คนร้ายนั้นพยานระบุว่ามีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนคนไทยทั่วๆ ไป นอกจากนี้ นายจอบิยังมีพยานหลายปากยืนยันว่า ช่วงเกิดเหตุ อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งห่างออกไปหลายกิโล และการเดินทางจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะต้องเดินฝ่าแนวเขา แต่แม้จะมีพยานยืนยันแค่ไหน คดีก็ยังคงดำเนินไปโดยมีจอบิเป็นจำเลย

หลังจากนอนห้องกรงด่านตรวจคนเข้าเมืองสู้คดีกว่าหนึ่งปี ศาลยกฟ้อง ผู้ปกครองเด็กที่เจ็บและตาย พากันมามอบดอกไม้และปรบมือแสดงความยินดี อย่างไรก็ตาม อัยการส่งอุธรณ์ต่อ แต่จอบิก็ได้มาอยู่บ้านจากอาการเจ็บป่วยกล้ามเนื้อแขนและขาจนไม่สามารถทำงาน ได้เหมือนเก่า พร้อมกับความคาราคาซังของคดีและฆาตกรที่ยังลอยนวล แม้ภายหลังจะขอยื่นสัญชาติไทยแต่เรื่องก็ไม่สู้จะคืบหน้านัก

ทนายความของนายจอบิ ระบุว่า นายจอบิถูกทางการหลอกว่าหากสารภาพจะไม่ได้รับโทษรุนแรง และสามารถกลับไปอยู่กับลูกเมียได้เหมือนเดิม นายจอบิจึงสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และไปทำแผนฯ ตามคำสั่งของทางการที่คอยกำกับการแสดงตลอดเวลา จนเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงให้การปฏิเสธ

เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดของคดี ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความไม่เท่าเทียมของมาตรฐานที่มีต่อสิทธิและความเป็นมนุษย ชนของผู้ต้องหาที่ไม่มีสัญชาติไทย ที่คลับคล้ายคลับคลาว่ายังคงมาตรฐานเดิมและยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า






อันดับ 3 “ปุ๊ วอร์มอัพ”

ปลายปี ’48 ชาวมช.คงจะไม่มีใครตกข่าวการฆ่ารัดคอหญิงสาวแล้วนำศพไปผูกด้วยเข็มขัดนิรภัย ติดไว้กับต้นกระถินยักษ์ใกล้รั้วประตู ปตท. (ตอนหลังก็เป็นเส้นผ่านหน้าหอ 40 ปี นั่นแหละครับ)
จากการที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตปักใจว่าแฟนหนุ่มของผู้ตาย นายวุฒิชัย หรือ ปุ๊ หุ้นส่วนผับไอคอนิคของเชียงใหม่เป็นคนร้าย แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดชี้ชัด เมื่อเวลาผ่านไปปีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถสรุปสำนวนยื่นอัยการเพื่อส่งฟ้องได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ตำรวจหยุดการสืบสวนสอบสวน เมื่อคดีไม่มีความคืบหน้าพ่อผู้ตายจึงเข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความเชียงใหม่ แล้วเป็น โจกท์ยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตัวเอง โดยคำฟ้องนั้นอ้างเด็กเสิร์ฟที่ร้านข้าวต้ม เป็นพยานปากเอก เพื่อยืนยันว่านายวุฒิชัย เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตายก่อนพบเป็นศพในวันรุ่งขึ้น ร่วมกับพยานวัตถุ เป็นกากเพชรลักษณะเดียวกันที่ติดเข็มขัดของผู้ตายและในกระเป๋ากางเกงของแฟน หนุ่ม พร้อมกับอ้างถึงเศษเล็บ ที่มีการตรวจดีเอ็นเอแล้วพบว่าเป็นของนายวุฒิชัย ตกอยู่ในรถผู้ตาย
จากพยานหลักฐานที่นำสืบทั้งหมด และพฤติการณ์ในคดีนี้มีความโหดร้ายทารุณ เป็นคดีสะเทือนขวัญ ทำให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 ขณะที่ศาลอุทธรณ์ ก็พิพากษายืนในปี 2555 ด้วย ศาลชั้นต้นจึงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

ปลายปีที่ผ่านมา ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และรวบรวมหลักฐานพยานใหม่ส่งฎีกา อ้างถึงเหตุการณ์ในขณะนั้นว่ามีการแบ่งงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 และของจังหวัดเชียงใหม่สืบสวนสอบสวนไปพร้อมกัน โดยมีรูปคดีที่แตกต่างกัน ฝ่ายภาค 5 ชี้เป้าที่ ปุ๊ แต่ฝ่ายจังหวัดพุ่งเป้าที่ตัวละครใหม่คือ บอย (อยู่ตปท.เรียบร้อย) ซึ่งขัดแย้งกันแต่แรก แต่กลับไม่มีการสืบสวนในอีกแนวทางต่อ ประกอบกับหลักฐานที่อยู่ของนายวุฒิชัย ที่ยืนยันมั่นเหมาะว่าวันที่ 12 ธ.ค. 2548 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เจ้าตัวทำหน้าที่เปิดแผ่นเสียงอยู่ภายในร้านอาหารขันอาสา โดยมีรูปถ่ายเป็นตัวยืนยันชัดเจน เมื่อส่งไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าภาพดังกล่าวไม่ได้ตัดต่อ

รวมถึงพยานหลักฐานเศษเล็บที่พบเจอในรถผู้ตาย เมื่อตรวจดูใหม่ก็พบว่าเป็นเศษเล็บที่เกิดจากการตัด ไม่ได้ฉีกขาดจากการต่อสู้ แถมผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ก็บ่งชี้ว่าถูกตัดมาไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เศษเล็บดังกล่าวจะเกิดจากการต่อสู้ขัดขืน พร้อมกันนั้น นายวุฒิชัยยังขอให้ทีมทนายส่งภาพของตนเองที่ผ่านการตรวจร่างกายหลังวันเกิด เหตุ ซึ่งไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น อีกหลักฐานเด็ดคือผลตรวจสอบดีเอ็นเอ ที่ติดอยู่ในซอกเล็บ และผ้าที่ปิดปากศพติดกับต้นกระถิน ก็ไม่ปรากฏดีเอ็นเอของนายวุฒิชัยติดอยู่เลย ไม่ว่าจะตรงไหนก็ตาม
และเมื่อตรวจสอบหักล้างพยานที่เป็นเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้ม กลับไม่พบตัวพยานแล้ว แต่ไปพบร้านข้าวต้มอีกแห่งหนึ่ง ที่ระบุว่าจำได้ว่าเห็นเหยื่อสาวมากินอาหารพร้อมกับเพื่อนหญิงอีกคนและ ผู้ชาย 3 คน ก่อนจะหายตัวไปแล้วพบเป็นศพ

ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จนผู้ต้องหาถูกปล่อยตัวเมื่อสี่เดือนที่แล้วนี่เอง รวมยอดเบ็ดเสร็จ ใช้จ่ายเวลาในห้องขัง 3 ปีครึ่ง



 

อันดับ 2 : “ทนายสมชาย นีละไพจิตร”

ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว อาจจะพอคุ้นคดีอุ้มอันโด่งดังนี้อยู่บ้าง แม้คดีนี้อาจไม่ใช่การจับแพะที่เกี่ยวข้องกับตัวทนายสมชายโดยตรง แต่ก็มีความเกี่ยวเนื่องกันและเห็นว่าเป็นตัวอย่างของความอยุติธรรมในระบบยุติธรรมได้ดี จึงอยากเสนอรวมไว้ด้วย
เริ่มจากที่ทนายสมชายเองเป็นทนายน้ำดี ไม่คดไม่งอ เป็นประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและรับทำคดีที่อยู่ตรงข้ามกับคนมีสีมาหลากหลายคดี ตัวอย่างเช่น
คดีช๊อตไข่นายเอกวัต ศรีมันตะ โดยตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้รับสารภาพในคดีชิงทรัพย์ กรณีนี้ได้ถูกหยิบยกเข้าที่ประชุม ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งองค์การสหประชาชาติ เมืองเจนีวา เมื่อเดือนมีนาคม 2548 แต่สุดท้ายนายเอกวัตถอนฟ้องโดยให้การว่าเข้าใจผิด (?)
คดีวิสามัญฆาตกรรม โจ ด่านช้าง ซึ่งเป็นการจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ต้องหาถูกใส่กุญแจมือเดินออกมาจากบ้าน แต่แล้วตำรวจให้เดินหันหลังกลับไปในบ้านใหม่เพื่อทำแผน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกวิสามัญฆาตกรรมทั้งกุญแจมือ ทนายสมชายทำคดีให้เนื่องจากญาติมาขอให้สภาทนายความช่วย พบว่า ๒-๓ วันต่อมาบ้านที่เกิดเหตุถูกรื้อไปหมด ไปทำศาลาวัด การสืบสวนต้องร้องให้รื้อศาลาวัดเพื่อมาตรวจวิถีกระสุนและหาหลักฐาน ภายหลังญาติไปขอถอนแจ้งความ (?)

และก็มาถึงคดีชนวนเหตุ ที่เรียกกันว่าคดีเจไอ
ในปีพ.ศ.2547 เกิดความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลายเหตุการณ์ เช่นปล้นปืน เผาโรงเรียน ลอบวางระเบิด ในวันที่ ๔ มกราคม โรงเรียนกว่า 20 แห่งถูกลอบวางระเบิด และมีการบุกล้อมกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสฯ จ.นราธิวาส ปล้นปืนไปมากกว่า 400 กระบอก สมชายเข้าไปเป็นทนายให้แก่ 5 ผู้ต้องหาซึ่งถูกคุมตัว ถูกบังคับให้รับสารภาพและถูกตำรวจทำร้ายร่างกายอย่างน่าสังเวชที่โรงเรียน ตำรวจนครบาล นายสมชายได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก และล่ารายชื่อ 50000 ชื่อ เพื่อขอแก้ไขกฎหมายนี้
พร้อมกันนั้นก็ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานองค์กรต่างๆ โดยมีบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการสืบสวนผู้ต้องหาว่า

“ผู้ต้องหาที่ 1ถูกใช้ผ้าผูกตาทั้งสองข้าง และถูกเตะบริเวณปากและใบหน้า ผลักให้ผู้ต้องหาที่ 1 ล้มลงและใช้เท้าเหยียบหน้า และมีคนปัสสาวะใส่หน้าและปาก ใช้ไฟฟ้าช็อตบริเวณลำตัวและบริเวณอวัยวะเพศถึง 3 ครั้ง
ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้าง และเตะบริเวณลำตัว ใช้รองเท้าตบหน้าและบังคับให้นอน แล้วคนปัสสาวะรดหน้า
ผู้ต้องหาที่ 3 ถูกใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้าง ถูกเตะบริเวณลำตัวหลายแห่ง ใช้มือตบบริเวณกกหูทั้งสองข้าง ใส่กุญแจมือไพล่หลัง ใช้เชือกมัดข้อเท้าทั้งสองข้าง และใช้ไฟฟ้าช็อตตามลำตัวและหลัง
ผู้ต้องหาที่ 4 ถูกใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้าง บีบคอ ใส่กุญแจมือไพล่หลัง และใช้ไม้ตีด้านหลังจนศีรษะแตก ได้ใช้เชือกแขวนคอกับประตูห้องขัง ใช้มือทุบบริเวณลำตัวและได้ใช้ไฟฟ้าช็อตด้านหลัง
ผู้ต้องหาที่ 5 ถูกใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้าง และถูกตบด้วยเท้าบริเวณหน้าและปาก ตบบริเวณกกหู ต่อยท้อง และใช้ไฟฟ้าช็อตหลายครั้ง
ผลจากการกระทำดังกล่าว จำเลยทั้ง 5 คนต้องยอมรับสารภาพตามที่เจ้าพนักงานตำรวจประสงค์ เป็นการแสดงคำรับสารภาพและทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยการทำร้ายร่างกาย ข่มขู่บังคับ มิได้รับการเยี่ยมญาติ และไม่มีโอกาสให้ได้พบทนายความในขณะสอบปากคำ ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาทั้งสิ้น”

ไม่นานหลังจากนั้น ทนายสมชายก็ถูกอุ้มหายตัวไปและสาบสูญจนถึงวันนี้
คดีอุ้มดำเนินไปสองปี และจบลงด้วยผู้ต้องหาระดับบิ๊กตำรวจ 5 ราย ซึ่งถูกตัดสินให้ต้องรับโทษเพียงคนเดียว (พ.ต.ต เงิน ทองสุก) แต่หลังจากอยูในเรือนจำได้ปีเศษ ก็ได้รับการปล่อยตัวและขอกลับเข้าทำงานตามปกติเช่นคนอื่นๆ (?) แต่หลังจากออกจากคุกมาไม่นาน ก็เสียชีวิตที่แม่น้ำแควน้อย กาญจนบุรี

ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รื้อฟื้นคดีเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2552
คดีนี้ใช้เวลายาวนานและเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่แม้จะตัดสินคดีไปแล้วก็ยังมีข้อสงสัยอีกหลายจุด ที่น่าสังเกตุคือมีชื่อของอดีตนายกแม้วมาเอี่ยวด้วย ใครสนใจลองไปตามหาอ่านดูนะครับ อาจจะได้เห็นอะไรบางอย่าง“ชัด”ขึ้น





มาถึงอันดับสุดท้ายแล้ว เดาไม่ยากใช่ไหมครับ
ไม่ใช่คดีอื่นที่ไหน
อันดับ 1 : “เชอร์รี่แอน ดันแคน”



โคตรอภิมหากาพย์ตำนานแพะ คดีฆาตกรรม เด็กสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ16 ปี เชอรี่แอน ดันแคน  เมื่อ 25 กรกฎาคม 2529 ที่ยังคงทิ้งร่องบาปอัปยศไว้บน .. (แล้วแต่ท่านจะคิดเถิด) ของวงการ “สีกากี” มาจวบจนทุกวันนี้ด้วยสกอร์แพะสี่ตัวเหน่งๆ (เริ่มแรกห้า ยกฟ้องหนึ่ง) ทั้งสี่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่ญาติได้พยายามดิ้นรนหาทางต่อสู้คดีมาโดยตลอด  จนกระทั่งในปี 2536  และยอดจำคุกมากกว่าหกปี ศาลฎีกาให้ยกฟ้อง ผลลัพธ์คือเสียชีวิตในคุก 1 ราย อีก 2 รายก็ตามไปติดๆหลังจากออกจากคุกไม่นาน เนื่องจากติดโรคจากในคุก ส่วนคนสุดท้ายรอดแบบพิกลพิการ เมื่อออกมาก็พบว่าครอบครัวที่เคยอยู่กินก็ไม่เหลือ ลูกสาวถูกข่มขืนฆ่า ลูกชายหาย เมียตาย ล่าสุดแพะรายสุดท้ายของคดีนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อสองปีก่อน (กระแสร์ พลอยกุ่ม)

ปมปัญหามาจากความหึงหวง มีความรักและความริษยาเป็นส่วนผสม ฆาตกรก็หนีไม่พ้นผู้ตกบ่วงของรักสีดำๆ รายละเอียดในคดีนี้หาค่อนข้างมากและสลับซับซ้อน มีผู้เกี่ยวข้องหลายคนและใช้เวลาพิจารณาความนาน แต่ก็สามารถสืบค้นได้ง่ายครับ เชิญไปเสิร์จหาอ่านต่อกันตามอัธยาศัย เป็นคดีที่หากจัดอันดับคดีประวัติศาสตร์ไทยต้องมีติดอันดับแน่นอน ผมเลยจะขอ(อู้)ไม่ลงรายละเอียดมาก
อย่างไรก็ดี คดีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการรับฟังพยานบุคคลในกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย“เยียวยา”แพะ อันกระท่อนกระแท่นที่ถูกใช้มาจนปัจจุบันนี้ (และยังคงความกระท่อนกระแท่นไว้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย)



หมายเหตุเพิ่มเติม

ที่นำเสนอเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และเน้นไปที่การ "ฆาตกรรม" เท่านั้น ไม่ต้องลายตาหากคุณไปสืบค้นเองแล้วพบว่า "แพะ" ในคดียาเสพติด หรือปลอมแปลงเอกสาร มีให้อ่านจนตาลาย

คดีอื่นที่ยังไม่ได้ขอสรุปไม่ขอลงไว้ แต่ก็มีไม่น้อยที่น่าสนใจ เช่น คดีพ่อค้าหมูนายเพลิน ชื่นภิรมณ์ คดีช๊อตไข่นายธนกร หรือเบิ้ม อังสุมาลีย์กุล
คดีของนายเกียรติศักดิ์ ตันยิกุล คดีของนายภาสกร สิงคิ เป็นต้น

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
80 VOTES (4/5 จาก 20 คน)
VOTED: WhiteJester, ชิวชิว, จอมยุทธอินดี้, บังไค, ธนาคม, Zaab, บันคี, เรืองแสง, ผีเสื้อน้อย, Tabebuia, FORFAME, นายตัวดำ, ลูกสาวอบตกลับมาแล้ว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"เมร่อน" ทำให้ "ไอซ์ ปรีชญา" กลับมาสดใสอีกครั้ง..หลังผ่านมรสุมมานาน 9 ปีiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!ชาวเน็ตท้าหนุ่มกินกาแฟทุกยี่ห้อ..ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาจะรับคำท้าเช้านี้อิสราเอลยิงขีปนาวุธ โจมตีอิหร่านแล้ววว!! คำทำนายวันสิ้นโลกจาก"นักวิทยาศาสตร์"5 วิธีใช้แอร์ผิดๆ ที่ทำให้เปลืองไฟและแอร์พังเร็ว!หนูอายเพื่อน!! ลูกสาวถึงกับร้องไห้ หลังคุณพ่อสายแฟ (ชั่น) มารับที่โรงเรียน ถึงกับถาม “พ่อไม่มีชุดธรรมดาปกติกับเค้าบ้างเหรอ” 😆สาวพม่ารีวิว! ค่าใช้จ่ายในการมาเรียนที่ประเทศไทย?นกอันตรายที่สุดในโลก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เช้านี้อิสราเอลยิงขีปนาวุธ โจมตีอิหร่านแล้ววว!! "เมร่อน" ทำให้ "ไอซ์ ปรีชญา" กลับมาสดใสอีกครั้ง..หลังผ่านมรสุมมานาน 9 ปีหนูอายเพื่อน!! ลูกสาวถึงกับร้องไห้ หลังคุณพ่อสายแฟ (ชั่น) มารับที่โรงเรียน ถึงกับถาม “พ่อไม่มีชุดธรรมดาปกติกับเค้าบ้างเหรอ” 😆เขมรอ้างศิลปะป้องกันตัว "โบกาตอ" มีมากว่า 2,000 ปีแล้ว! หลักฐานจากภาพสลักโบราณโดยบรรพบุรุษเขมร?นกอันตรายที่สุดในโลก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
5 วิธีใช้แอร์ผิดๆ ที่ทำให้เปลืองไฟและแอร์พังเร็ว!unpredictable: คาดการณ์ไม่ได้ ทายไม่ถูกนกอันตรายที่สุดในโลกหวังลดโลกร้อน!! สิงคโปร์เเจกเงิน 8,000 บาท ทุกครัวเรือน ให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม ที่สามารถใช้ได้ยาว ๆ ถึงปี 2570 😉
ตั้งกระทู้ใหม่