หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เกร็ดความรู้ : เมื่อโลกของการติดต่อไร้สาย "Internet of Thing" จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรามากขึ้น

โพสท์โดย นางเบิร์ด

ในปัจจุบันการติดต่อสื่อสารก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตประจำวัน, ด้านการดำเนินธุรกิจ หรือด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ต (Internet) กลายเป็นส่วนที่ช่วยอำนวยความสะดวกในหลากหลายด้านไปแล้ว และยิ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงต้องอาศัยการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว สำหรับการประเมินผล หรือวางแผนต่อสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้คิดวิเคราะห์ได้อย่างทันท่วงที

ดังนั้นเมื่ออินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก ประจวบกับทรัพยากร, เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมเพรียบพร้อม จึงเกิดแนวคิดที่จะทำ "อินเทอร์เน็ตมีอยู่ในทุกสิ่งอย่าง" หรือ Internet of thing (IoT) ขึ้นมา และก็เชื่อว่าใครหลายคนคงคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว สำหรับอนาคตอันใกล้นี้เราก็คงจะได้ยิน หรือมีเรื่องราวเกี่ยวกับ IoT บ่อยมากขึ้น เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมถึงประเทศต่างๆ ทั้งหลายกำลังให้ความสำคัญต่อปัจจัยดังกล่าว

จากความสำคัญดังกล่าว เพราะฉะนั้นบทความนี้จึงจะพาไปรู้จักกับ Internet of thing (IoT) ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยบอกเล่าถึงที่มา, ความหมาย, ประโยชน์ และมันจะมีความสำคัญต่อโลกอนาคตของเราอย่างไร....?

ก่อนอื่นต้องบอกว่าแนวคิดเรื่องอินเทอร์เน็ตมีอยู่ในทุกสิ่งอย่างไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ซึ่งต้องย้อนกลับไปในยุค 80 และยุค 90 ที่เหล่านักวิศวกร รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้น พัฒนาเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาให้เชื่อมโยงกับอีกสิ่งหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการติดต่อสื่อสาร และการใช้ชีวิตประจำวัน 

ทว่าด้วยเทคโนโลยีในขณะนั้น ผนวกกับต้นทุนที่สูงจนเกินไป ทำให้แนวคิดดังกล่าวไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนัก ทว่าเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปก็เข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า การติดต่อสื่อสารของเครื่องไม้เครื่องมือระหว่างกันก็เริ่มประจักษ์ให้เห็นมากขึ้น จากการใช้ "คลื่น RFID" หรือที่รู้จักกันว่าคลื่นวิทยุนั่นเอง

สำหรับ RFID ก็มีจุดเริ่มต้นมาอย่างยาวนานเช่นกัน โดยต้องย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีนักฟิสิกส์ชาวสกอตแลนด์นามว่า Sir Robert Alexander Watson-Watt ได้คิดค้นเทคโนโลยีดังกล่าวขึ้นมา เพื่อตรวจจับเครื่องบิน และเตือนเมื่อมีเครื่องบินเข้ามา จากนั้นก็พัฒนาเรื่อยมาให้มีระยะไกลขึ้น รวมถึงมีความเที่ยงตรง ถูกต้องแม่นยำ ปลอดภัย ทนต่อสภาวะแวดล้อม และสุดท้ายก็ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม หรือธุรกิจต่างๆ อย่างแพร่หลายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั้งได้รับความนิยมไปทั่วโลก

และนั่นก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์ต่างๆ ก็คงไม่ผิด ทว่าในขณะนั้นหนึ่งในเทคโนโลยีหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง และจะปฏิวัติการติดต่อสื่อสารก็คืออินเทอร์เน็ต (internet) โดยเรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่าเทคโนโลยีนี้ก็ถูกคิดค้นในยุคของสงครามเย็นอีกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม "Internet" ก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ รวมถึงเริ่มแพร่หลายในชีวิตประจำวัน และด้านธุรกิจอย่างรวดเร็ว ด้วยประโยชน์ที่มี อาทิ ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร, ต้นทุนตํ่า, แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่, เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น ดังนั้นจึงเกิดคำถามที่ว่าทำไมสิ่งของรอบตัวจะสื่อสารกันเองไม่ได้ละ ผ่านเครือข่ายไร้สาย โดยที่มนุษย์ไม่ต้องเข้าไปเป็นผู้ควบคุมหรือสั่งการทุกกระบวนการหรือที่เราเรียกกันว่า Internet of thing...?

 

เรามาลองขยายความง่ายๆ ดูว่าสรุปแล้วคืออะไรกันแน่ สำหรับ Internet of Thing หมายถึง“Anything that can be connected, will be connected.” หรืออะไรที่สามารถเชื่อมต่อได้ ก็จะถูกเชื่อมต่อด้วยระบบอินเทอร์เน็ต อาทิ เครื่องทำกาแฟ, หม้อหุงข้าว, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, หลอดไฟ, นาฬิกาข้อมูล, โทรทัศน์, แว่นตา, แอร์, พัดลม รถยนต์, รองเท้า, จักรยาน, กระปุกออมสิน และอื่นๆ อีกมากมาย 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้สิ่งของเหล่านั้นต่างๆ มีความสามารถมากกว่าเดิม ซึ่งจะโต้ตอบได้ คอยอำนวยความสะดวกสบาย แนะนำหรือให้ข้อมูลในแง่การใช้ชีวิตประจำวัน ทว่าในส่วนของเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจก็จะมีผลประโยชน์อย่างมาก จากการมีข้อมูลจำนวนมากเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ (Big Data) ทำให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด รวมถึงคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจท้ายที่สุด

หรือด้านองค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ และภาคเอกชน ก็สามารถนำ Internet of Things มาประยุกต์ใช้ในการช่วยบริหารจัดการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล 

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องมีการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ, ซอฟต์แวร์, ระบบตรวจจับ (Sensor) และรูปแบบการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ให้ทำงานร่วมกันอย่างถูกต้องแม่นยำ ปลอดภัยเสียก่อน เพราะถึงแม้จะมีข้อดีมากมายนานับประการ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน อาทิ ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล, ภัยคุกคามจะมีความหลากหลาย และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

และเมื่อทราบถึงความหมาย และประโยชน์กันไปแล้ว ลำดับต่อไปมาดูกันว่ามันจะมีส่วนสำคัญอย่างไรต่อโลกอนาคต...?

เราอาจสังเกตเห็นว่าอุปกรณ์ทั้งหลาย อาทิ อุปกรณ์สวมใส่ หรือสมาร์ทโฟน เดี๋ยวนี้มีความฉลาดมากขึ้น สามารถรับรู้พฤติกรรม และจดจำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตัวเราโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างไรก็ดี ณ ตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่เพียงอุปกรณ์ แต่ยังมีพวก Smart Home, Smart City, Intelligent Vehicle, Smart Farming หรือ Smart Infrastructure เป็นต้น ที่กำลังเป็นเรื่องเด่น เรื่องน่าสนใจอยู่ เพราะฉะนั้นเราลองมาทำความรู้จักกันสักหน่อย ว่าแต่ละอย่างมันคืออะไร

เริ่มกันที่ Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะ ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจะทำให้บ้านของเราไม่ธรรมดาอีกต่อไป โดยการที่เจ้าของบ้านสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านได้บนสมาร์ทโฟน เช่น การเปิด/ปิดไฟ, การสั่งให้เครื่องเสียงทำงาน หรือการรักษาความปลอดภัย จากการที่กล้องทุกตัวภายในบ้าน แสดงผลแบบเรียลไทม์บนสมาร์ทโฟน

นอกจากนี้อุปกรณ์จำพวกไฟฟ้าก็สามารถปิด/เปิดเองโดยอัตโนมัติ จากการตรวจวัดด้วยเซ็นเซอร์ เช่น เมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาภายในบ้าน และสร้างความร้อนตามที่กำหนดไว้ ระบบก็จะสั่งปิดม่านโดยอัตโนมัติ

Smart City ถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน หรือประชาชนในการร่วมมือกันทำอย่างจริงจัง โดยจุดมุ่งหมายของ Smart City ก็คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการคมนาคม, ด้านสาธารณูปโภค, ด้านสิ่งแวดล้อม, ด้านการให้ข้อมูลหรือตรวจสอบสิทธิพื้นฐานของประชาชน, ด้านสุขภาพ และด้านความปลอดภัย 

Smart Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับ Smart City โดยต้องอาศัยการวางแผนที่ดี และเป็นระบบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า, ระบบประปา, ระบบอินเทอร์เน็ต ฯลฯ 

Smart Farming เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยในปัจจุบันเกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยที่ตํ่า เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจ และก็ขาดข้อมูลเชิงลึกด้านการวางแผนเพาะปลูก เพราะฉะนั้นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ลดต้นทุน ผลผลิตสูง

Smart Device คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของใครหลายคนไปแล้ว เพราะขนาดที่เล็กพกพาสะดวกไปได้ทุกที่ แต่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติต่างๆ มากมายที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายคนก็อาจจะคุ้นเคยกับคำว่า "สมาร์ทโฟน, แฟบเล็ต และแท็บเล็ต"

แต่เทคโนโลยีก็ทำลายกำแพงข้อกีดกั้นไปได้หมด เมื่อโทรทัศน์, กล้องดิจิตอล, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, เตาอบ, แอร์ ฯลฯ ก็สามารถแจ้งข้อมูล หรือควบคุมการทำงานได้ด้วยตนเอง เช่น ตู้เย็นบอกได้ว่าตอนนี้มีอะไรเหลืออยู่บ้าง, เครื่องซักผ้าวิเคราะห์ว่าควรใช้ระะเวลาเท่าใดในการซัก เป็นต้น

Wearable Device ใครจะไปคาดคิดว่าอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหลาย อาทิ เสื้อผ้า, นาฬิกา, รองเท้า หรือแว่นตา สามารถบอกข้อมูลที่เราต้องการทราบได้ เช่น จำนวนแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญไปในการออกกำลังกาย และในตลาดตอนนี้เอง นอกจากส่วนของสมาร์ทโฟนแล้ว อุปกรณ์สวมใส่เหล่านี้กลายเป็นโอกาสการดำเนินธุรกิจใหม่ที่ร้อนแรงเลยทีเดียว

Intelligent Vehicle เชื่อว่าใครหลายคนก็คงเคยได้ยินข่าวคราว ในเรื่องของการพัฒนารถให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น ชาญฉลาด ทำได้มากกว่าแค่การขับขี่ โดยจะสามารถค้นหาเส้นทางให้ผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติ หรือระบบควบคุมการขับขี่ที่สั่งการเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนตอบสนองอย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จะคอยแจ้งเตือน รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่

หลังจากรู้ความหมาย และประโยชน์ไปแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า Internet of thing (IoT) นั้นจะเป็นส่วนสำคัญในโลกของอนาคตจริงๆ เพราะนอกจากช่วยอำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสาร ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการที่มีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าหากันอย่างง่ายดาย สุดท้ายเราคงต้องติดตามกันว่าอีก 5 - 7 ปีข้างหน้า ว่าโลกของเราจะสุดลํ้าขนาดไหน

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
นางเบิร์ด's profile


โพสท์โดย: นางเบิร์ด
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: ken, AdamS JaideE, Chawap, PRP
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ขำสุดซอย..ฮาก๊าก..คลายเครียด!เตือนแล้วไม่ฟัง ต้องบังให้มิดนอร์เวย์: ดินแดนแห่งสวัสดิการ "เงินก้อนโตตั้งแต่เกิด" จริงหรือ?อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรก3 นักษัตรที่การเงินเด่น มีโชคด้านการลงทุน เสี่ยงดวงช่วงนี้สื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ด้าน "แขก คำผกา"เคลื่อนไหวแล้ว เผยนาทีระทึก "พายุฤดูร้อน" ถล่มเชียงราย..ทำเอากำแพงล้มระเนระนาด!ถอนหมายจับ สนธิญา แจงเหตุไม่ไปศาล อ้างจำวันผิด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ป่วน ! 3 จว.ใต้ ใบปลิวเกลื่อนยะลา ขณะที่ชาวบ้านไปละหมาดวันศุกร์มารู้จัก "แบม สราลี" ผู้รับบท "ม.ล.ปกเกศ"..ในดวงใจเทวพรหม ตอน "ขวัญฤทัย"สื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ด้าน "แขก คำผกา"เคลื่อนไหวแล้ว 4 ราศีที่ชอบเล่นตลกแกล้งคน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Huawei ทวงคืนบัลลังก์! ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง"ภาวะโลกเดือด" การปรับตัวในยุคที่ท้าทายสุดขีดของมนุษย์!!วิธีใช้ " ปลั๊กพ่วง " ให้ถูกวิธีกินอย่างไรไม่ให้เป็น (เบาหวาน)
ตั้งกระทู้ใหม่