เผยชีวิตสุดทรหดของ 17 "มหาเศรษฐี" ระดับโลก ที่เริ่มต้นจากความยากจนข้นแค้น
คนเรามักคิดว่ามหาเศรษฐีพันล้านนั้นเกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะก่อร่างสร้างตัวจนกลายมาเป็นนักธุรกิจแนวหน้า นั่นเป็นเพราะเราเห็นแต่ชีวิตของพวกเขาในช่วงที่ประสบความสำเร็จ โดยลืมนึกไปว่าทุกคนย่อมผ่านอุปสรรค และกว่าจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ หลายคนก็เริ่มจากศูนย์หรือติดลบ
Roman Abramovich นักธุรกิจใหญ่ชาวรัสเซียผู้เป็นเจ้าของสมาคมฟุตบอลระดับโลกเชลซี
ทรัพย์สิน: 288,000 ล้านบาท
บ้านเกิดของเขาอยู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย Abramovich เป็นเด็กกำพร้าที่แสนยากจน จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 2 ขวบ ลุงและญาติๆ จึงรับตัวเขาไปเลี้ยงดู
ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่สถาบัน Moscow Auto Transport Institute ในปี 1987 เขาก็เริ่มกิจการผลิตของเล่นพลาสติกเล็กๆ ของตัวเอง ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ผันตัวมาทำธุรกิจน้ำมันและกลายเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก นอกจากนี้เขายังซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเชลซีในปี 2003 เป็นเจ้าของเรือยอชต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท
Mohed Altrad ประธานสโมสรรักบี้ Montpellier และนักธุรกิจแห่งปี
ทรัพย์สิน: 35,000 ล้านบาท
เขาเกิดมาในชนเผ่าร่อนเร่กลางทะเลทรายในซีเรีย แม่ซึ่งถูกข่มขืนโดยพ่อของเขาเองนั้นเสียชีวิตตั้งแต่เขาเกิด ยายจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก ยายห้ามไม่ให้เขาไปเรียนหนังสือ แต่ด้วยความใฝ่เรียนเขาจึงดั้นด้นหาทางเข้าโรงเรียนสำเร็จ Altrad ได้ย้ายไปเรียนในมหาวิทยาลัยฝรั่งเศสโดยไม่มีความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสแม้แต่น้อย
Altrad ต้องประทังชีวิตในแต่ละวันด้วยอาหารเพียงมื้อเดียว แต่จากนั้นเขาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำ และซื้อกิจการบริษัทแห่งหนึ่งจนก่อตั้งบริษัทซีเมนต์และอุปกรณ์ก่อสร้างของเขาเองได้สำเร็จ จนได้รับตำแหน่งนักธุรกิจแห่งปีของประเทศฝรั่งเศส
Kenny Troutt ผู้ก่อตั้ง Excel Communications
ทรัพย์สิน: 52,000 ล้านบาท
Troutt เติบโตขึ้นมากับพ่อที่มีอาชีพบาร์เทนเดอร์ เขาส่งเสียตัวเองเรียนในมหาวิทยาลัย Southern Illinois ด้วยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต
รายได้ปัจจุบันของเขาทั้งหมดมาจากบริษัท Excel Communications ที่ก่อตั้งในปี 1988 และเปิดขายหุ้นสาธารณะในปี 1996 และอีกสองปีต่อมาเขารวมบริษัทของตัวเองเข้ากับ Teleglobe ด้วยมูลค่า 123,000 ล้านบาท ปัจจุบันเขาวางมือทางด้านธุรกิจและผันตัวไปเป็นนักขี่ม้า
Howard Schultz CEO แห่ง Starbucks
ทรัพย์สิน: 102,000 ล้านบาท
บทสัมภาษณ์ของ Schultz ใน British tabloid Mirror มีใจความว่า “ผมรู้สึกมาตลอดในระหว่างที่กำลังเติบโตว่าตัวเองอาศัยอยู่ในด้านหนึ่งของสังคม โดยผู้คนในอีกด้านหนึ่งนั้นมีครอบครัวที่ดีพร้อม มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และมีเงินทองมากมาย ผมไม่รู้ว่าทำไมหรือทำได้อย่างไร แต่ผมจะต้องปีนข้ามรั้วที่กั้นอยู่และประสบความสำเร็จในสิ่งที่หลายคนบอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ตอนนี้ผมจะสวมสูทและมีชีวิตที่ดี แต่ผมรู้เสมอว่าตัวผมเองมาจากไหนและชีวิตในตอนนั้นเป็นอย่างไร”
เขาได้รับทุนการศึกษาจากกีฬาฟุตบอลในมหาวิทยาลัย Northern Michigan และได้เข้าทำงานกับบริษัท Xerox หลังจบการศึกษา จากนั้นไม่นานเขาก็เข้าครอบครองกิจการ Starbucks ที่ขณะนั้นมีเพียง 60 สาขา ในฐาน CEO Schultz เดินหน้าขยายกิจการ Starbucks จนในปัจจุบันมีมากกว่า 16,000 สาขาทั่วโลก
Ken Langone นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ
ทรัพย์สิน: 98,000 ล้านบาท
พ่อแม่ของเขาเป็นช่างประปาและทำงานในโรงอาหาร Langone ต้องทำงานพิเศษหลายงานเพื่อช่วยพ่อแม่หาเงินส่งเสียตัวเขาเองและเลี้ยงดูครอบครัวในขณะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย Bucknell
ในปี 1968 เขาทำงานร่วมกับ Ross Perot ผู้ก่อตั้งบริษัท Electronic Data Systems (ซึ่งต่อมาถูกเทคโอเวอร์โดย HP) สองปีหลังจากนั้นเขาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ Bernard Marcus เพื่อก่อตั้งกิจการ Home Depot
Oprah Winfrey พิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20
ทรัพย์สิน: 105,000 ล้านบาท
เธอเกิดในครอบครัวที่ยากจนซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐมิสซิสซิปปี Winfrey เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเทนเนสซี และได้รับทุนการศึกษาจนเรียนจบ เธอเป็นนักข่าวหญิงเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกเมื่อมีอายุเพียง 19 ปี
ในปี 1983 เธอย้ายไปชิคาโกเพื่อทำงานกับรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง AM ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Oprah Winfrey Show
John Paul DeJoria เจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและ Patron Tequila
ทรัพย์สิน: 102,000 ล้านบาท
ในวัย 10 ขวบ เขาทำงานหาเงินด้วยการขายการ์ดคริสต์มาสและหนังสือพิมพ์เพื่อช่วยเหลือครอบครัว เขาถูกส่งไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเข้าร่วมแกงค์วัยรุ่นก่อนที่จะไปประจำการเป็นทหารในกองทัพ
DeJoria กู้ยืมเงินประมาณ 25,000 บาทเพื่อมาประกอบกิจการ John Paul Mitchell Systems เพื่อขายแชมพูถึงหน้าประตูบ้านของลูกค้าในระหว่างที่ใช้รถยนต์ของตัวเองเป็นที่นอน หลังจากนั้นเขาเริ่มกิจการ Patron Tequila ซึ่งเป็นหนึ่งในเตกีล่าที่ดีที่สุดของโลก
Shahid Khan หนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของโลก
ทรัพย์สิน: 154,000 ล้านบาท
ตอนที่ย้ายมาจากปากีสถานเพื่อมาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ เขาทำงานเป็นคนล้างจานที่ได้รับค่าจ้างเพียงชั่วโมงละ 42 บาทพร้อมกับศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ไปด้วย
ปัจจุบัน Khan เป็นเจ้าของบริษัท Flex-N-Gate หนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อดังใน NFL Jacksonville Jaguars และทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกส์ Fulham
Do Won Chang ผู้ก่อตั้งบริษัท Forever 21
หลังจากย้ายถิ่นฐานจากเกาหลีใต้มาอยู่ในสหรัฐฯ Do Won Chang และภรรยา Jin Sook ต้องผ่านความยากลำบากมากมาย โดยเขาทำงานมาหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็น ภารโรง เด็กปั๊ม และพนักงานในร้านกาแฟ
ต่อมาในปี 1984 เขาก็เปิดกิจการร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเป็นของตัวเองและก่อตั้ง Forever 21 ได้สำเร็จ ปัจจุบันร้านของเขามีสาขากว่า 480 สาขาทั่วโลกและทำรายได้ถึง 105,000 ล้านบาทต่อปี
แฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลก Ralph Lauren
ทรัพย์สิน: 240,000 ล้านบาท
เขาจบการศึกษาระดับไฮสคูลในเขตบรองซ์ นครนิวยอร์ก หลังจากนั้นก็ลาออกจากระดับมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพ และเขาก็มาทำงานเป็นเสมียนให้กับ Brooks Brothers
เขารู้สึกว่าควรมีการดีไซน์ออกแบบเนคไทของผู้ชายที่หลายหลายและสร้างสรรค์กว่านี้ ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเขาก็ทำตามฝันได้สำเร็จ ในปี 1967 เขาขายเนคไทได้เงินกว่า 17 ล้านบาทและเริ่มกิจการ Polo
Lakshmi Mittal CEO และประธานบริษัท ArcelorMittal
ทรัพย์สิน: 432,000 ล้านบาท
ในปี 2009 BBC ได้เปิดเผยชีวิตของนักธุรกิจเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กที่ยิ่งใหญ่คนนี้่ว่า เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนในรัฐราชสถานของอินเดีย เขาก่อตั้งบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กและใช้เวลามากกว่า 20 ปีในการขยายกิจการ จนปัจจุบันบริษัทของเขากลายเป็นอุตสาหกรรมเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Francois Pinault ประธานบริษัทสินค้าและเสื้อผ้าแฟชั่น Kering
ทรัพย์สิน: 500,000 ล้านบาท
ในอดีต เขาเป็นนักเรียนที่ไม่จบการศึกษาและลาออกจากโรงเรียนเนื่องจากถูกรังแกและกลั่นแกล้งเพราะความยากจน แต่ปัจจุบันเขากลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่มีเทคนิคการทำธุรกิจด้วยการซื้อกิจการเล็กๆ ทั้งหลายเพื่อควบคุมราคาของตลาด นอกจากนี้เขายังก่อตั้ง PPR ธุรกิจแฟชั่นระดับสูงที่ครอบคลุมแบรนด์ Gucci, Stella McCartney, Alexander McQueen และ Yves Saint Laurent
Leonardo Del Vecchio เจ้าของกิจการแว่นตาระดับโลก Ray-Ban และ Oakley
ทรัพย์สิน: 847,000 ล้านบาท
Del Vecchio เกิดมาพร้อมกับพี่น้อง 5 คน ในครอบครัวที่ยากจน เขาถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเนื่องจากแม่ผู้เป็นแม่ม่ายนั้นไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้ทั้งหมด เขาเข้าทำงานกับโรงงานผลิตแว่นตาซึ่งทำให้เขาสูญเสียบางส่วนของนิ้วมือไป จากนั้นเมื่ออายุ 23 ปีเขาก็เปิดกิจการหล่อแบบแว่นตาของตัวเองและเดินหน้าพัฒนาธุรกิจจนกลายเป็นกิจการแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
George Soros พ่อมดการเงินผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
ทรัพย์สิน: 850,000 ล้านบาท
เขาเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี เป็นนักวิเคราะห์ค่าเงิน นักลงทุนหุ้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Soros Fund Management และสถาบัน Open Society Institute
เขาออกจากบ้านเกิดที่ประเทศฮังการีแบบเสื่อผืนหมอนใบเมื่ออายุ 17 ปี เขาทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าและอยู่แบบอดมื้อกินมื้อในประเทศอังกฤษ แต่ก็อดทนจนสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้ก่อนกำหนด และย้ายไปทำงานอย่างหนักในสหรัฐฯ จนประสบความสำเร็จ
Li Ka-shing ประธานบริษัท Cheung Kong Industries และเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์
ทรัพย์สิน: 952,000 ล้านบาท
ครอบครัวของ Li Ka-shing ย้ายออกจากบ้านเกิดในจีนไปอาศัยอยู่ในฮ่องกงในปี 1940 พ่อของเขาเสียชีวิตในขณะที่เขามีอายุเพียง 15 ปี และทิ้งภาระอันหนักอึ้งในการดูแลครอบครัวให้แก่เขา ในปี 1950 เขาเริ่มก่อร่างสร้างตัวในกิจการของตัวเองโดยการก่อตั้งบริษัทพลาสติก จากนั้นก็ขยายธุรกิจไปทางด้านอสังหาริมทรัพย์
Sheldon Adelson เจ้าของคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก Las Vegas Sands
ทรัพย์สิน: 1.03 ล้านล้านบาท
Adelson เป็นลูกชายของคนขับแท็กซี่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เขาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการขายหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อายุ 12 ปี หลังจากนั้นเขาก็ลาออกจากโรงเรียน แล้วไปเร่ขายสินค้าตามท้องถนน ขายโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ประกอบธุรกิจเล็กๆ หลายแห่ง จนถึงกิจการคอนโด
เขาเคยสูญเสียทรัยพ์สินทั้งหมดในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้อีกครั้งและกลายมาเป็นเจ้าของกิจการคาสิโนในลาสเวกัส
Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle Corporation
ทรัพย์สิน: 1.75 ล้านล้านบาท
บ้านเกิดของเขาอยู่ที่บรูกลิน นิวยอร์ก กับแม่ผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่เขาถูกเลี้ยงดูโดยป้าและลุงในชิคาโก หลังจากป้าผู้เป็นแม่เลี้ยงของเขาเสียชีวิต เขาก็ลาออกจากโรงเรียนและเดินทางไปยังแคลิฟอร์เนียเพื่อทำงานรับจ้างหลายอย่างเป็นเวลาถึง 8 ปี
เขาก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Oracle ในปี 1977 ปัจจุบันเขาตั้งใจจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO เพื่อเป็น CTO และประธานบริหาร
กว่าจะประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐีระดับแนวหน้าของโลก หลายคนมีชีวิตที่เริ่มต้นจากความยากจนข้นแค้น แต่พวกเขาไม่เคยย่อท้อและหมดหวัง แต่ใช้ความลำบากเป็นแรงผลักดันให้มุมานะสู่ความสำเร็จในที่สุด
ที่มา: BusinessInsider