3 เรื่องที่ควรรู้เพื่อให้คุณเลิก MULTITASKING
แม้ว่าใน Job Description ของงานในปัจจุบันมักจะบอกว่าให้พนักงานสามารถทำงานแบบ Multitasking ได้
จนกลายเป็นความคิดกันว่ามันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของคนในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว Multitasking นั้น
กลับไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกแนะนำเสียเท่าไรนัก แถมออกจะเป็นสิ่งที่หนังสือพัฒนาตัวเองหรือสอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพบอก ให้เลิกทำเสียด้วย
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ผมลองรวบรวมข้อคิดต่างๆ ที่ผมประสบกับตัวเองและอ่านหนังสือมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
1. Multitasking คือการทำงานแบบไม่โฟกัส
บางคนจะคิดว่าการทำงานแบบ Multitasking นั้นดีเพราะสามารถทำได้หลายๆ งานพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นน่าจะหมายความว่าเราสามารถทำงานให้เสร็จพร้อมๆ กันได้แทนที่จะทำเสร็จไปทีละงาน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่หลายๆ คนก็พอจะรู้กันอยู่ก็คือการทำงานแบบโฟกัสทีละงานนั้นได้ผลดีกว่า การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า ได้งานที่มีคุณภาพมากกว่า แถมใช้เวลาน้อยกว่าการทำงานแบบ Multitasking เสียอีก ทั้งนี้เพราะในช่วงเวลาที่เรากำลังโฟกัสกับงานนั้น ทำให้สมองของเราถูกใช้งานอย่างเต็มที่ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ สามารถนำไปสู่การคิดที่ลึกซึ้งและมองรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่าการมองทั่วๆ ไป และแน่นอนว่านั่นทำให้งานที่เกิดขึ้นจากการโฟกัสจะได้ผลดีกว่าเป็นไหนๆ แถมพอไม่ต้องคิดๆ หยุดๆ แล้วก็ทำให้ความคิดต่างๆ ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยกว่าทำงานแบบต้องทำๆ หยุดๆ นั่นแหละ
2. การทำงานหลายๆ โปรเจคพร้อมกันไม่ได้แปลว่าทำงานแบบ Multitasking
เราอาจจะเห็นคนเก่งๆ หลายคนสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาทำงานทุกอย่างพร้อมๆ กัน อันที่จริงถ้าเราไปดูพฤติกรรมของพวกเขาแล้วมันจะออกไปในทางลักษณะทำทีละงาน ได้อย่างรวดเร็วและค่อยไปสู่โปรเจคถัดไป ซึ่งพอกระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วก็เลยดูเหมือนว่าใน แต่ละวันนั้นพวกเขาสามารถทำงานได้หลายโปรเจค สามารถรับงานได้มากกว่าคนทั่วๆ ไป
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไปดูคนที่ทำงานแบบ Multitasking ประเภททำทุกๆ อย่างพร้อมกัน เดี๋ยวไอ้นั่นมาขัด เดี๋ยวสลับหัวไปคุยงานนั้น สุดท้ายก็จะกลายเป็นว่าทำงานแบบพอเสร็จไปได้แต่ก็ไม่ได้งานที่ดีสักเท่าไร นัก
3. มีไม่กี่คนที่ทำงาน Multitasking ได้ดีจริงๆ
ยังจำไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นข้อมูลจากไหน แต่มีการพูดกันทำนองว่าในสัก 100 คนจะมีไม่ถึง 10 คนที่สามารถทำงาน Multitasking แล้ว “ได้ดี” จริงๆ ทั้งนี้เพราะพวกเขามีการถูกฝึกและปรับสมองให้สามารถรองรับการทำงานแบบนี้ได้
แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปนั้น เราเป็นคนประเภทที่เหมาะกับการทำงานแบบใช้สมาธิมากกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบันนั้นเรามีสิ่งเร้าและสิ่งกวนใจอยู่ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์เด้งเตือน แชทต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้เราคุ้นเคยกับการทำตัวเองให้ใช้ชีวิตแบบ Multitasking จนดูเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถทำมันอย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด
พอเป็นแบบนี้แล้ว เราอาจจะต้องปรับวิธีคิดในการทำงานกันใหม่เพราะ Multitasking อาจจะเป็นสกิลที่ไม่ได้ทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพอย่างที่หลายๆ คนคิด มันอาจจะเป็นนิสัยพื้นฐานของคนปัจจุบันแต่ก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน ไปพร้อมๆ กันด้วย
ถ้าใครเจอภาวะที่ต้องทำงานหลายๆ โปรเจค มีหลายงานเข้ามาพร้อมๆ กัน สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่การทำมันทุกงานไปพร้อมๆ กัน แต่มันคือการโฟกัสและจัดการไป “ทีละเรื่อง” นั่นแหละครับ
ภาพโดย http://ameblo.jp/commu-training/entry-11560885762.html
www.jobsugoi.com