ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับพายุสิวจนถึงกับตั้งตัวไม่ติด และเมื่อทำการรักษาบรรดาสิวพวกนั้นจนหายสนิทแล้ว แต่กลับเหมือร่องรอยอารยธรรมไว้ให้เราสะเทือนใจซะนื่ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับรอยสิวนั้น รักษาได้ยากว่าสิวด้วยซ้ำไป แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่หาย
ซึ่งวิธีการในการลบรอยแผลเป็นจากสิวนั้นไม่จำเป็นที่เราจะต้องเสี่ยงกับ สารเคมีเสมอไป เพราะเราสามารถที่จะเลือกใช้สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาตินี่แหละมาช่วยในการลบ รอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างชะงัดนัก ส่วนจะใช้อะไรบ้างไปชมกันเลยดีกว่า
1.ว่านหางจระเข้
เจลจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติที่อ่อนโยน และสามารถใช้ในการลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้เป็นอย่างดี โดยที่เราไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดอาการแพ้หรือ ไม่ ซึ่งวิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในการลบรอยแผลเป็นจากสิวนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่หาว่านหางจระเข้มาปลูกไว้ที่บ้านของเราซัก 1 กอเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างแน่ในว่าจะไม่มีสารแปลกปลอมอย่างยาฆ่าแมลง
จากนั้นก็ให้เด็ดเอาใบว่านหางจระเข้มา 1 ใบ ลอกเอาเปลือกออก เหลือไว้แต่เพียงวุ้นใสๆ ของว่านหางจระเข้ จากนั้นก็นำมาพอกประคบ และทานวดบริเวณที่มีรอบสิว หรือ หากไม่สะดวกที่จะใช้แบบสดๆ เดี๋ยวนี้ก็มีการนำเอาวุ้นว่านหางจระเข้มาบรรจุในรูปแบบกระปุก หรือ หลอดจำหน่ายตามร้านขายยาอย่างแพร่หลาย ก่อนนำมาใช้ก็แช่ตู้เย็นซักหน่อย นอกจากจะได้ผิวสวยแล้วยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย
2.เบกกิ้งโซดา หรือ ผงฟู
นอกจากจะเอาไว้ทำเบเกอรี่แล้ว เบกกิ้งโซดายังมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยรักษารอยแผลเป็น และขัดทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด เพียงแค่ผสมเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยกับน้ำสะอาด จากนั้นก็นำมานวดหน้าประมาณ 2-3 นาทีโดย เน้นบริเวณที่มีรอยแผลเป็นจากสิว จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด และบำรุงผิวด้วยโลชัน หรือน้ำมันจากธรรมชาติอย่างน้ำมันโรสฮิป น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือ โจโจ้บาร์ออล์ย ก็ได้
3.น้ำมันมะพร้าว
จัดเป็นมอยเจอร์ไรซิ่งอันดับแรกๆที่เราจะนึกถึง และนอกจากนี้แล้วยังมีคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้เป็น อย่างดี โดยการนำเอาน้ำมันมะพร้าวปริมาณ ¼ ช้อนชา มาเทใส่ผ่ามือแล้วนวดเบาๆ เพื่อให้อุณภูมิร่างกายของเราช่วยวอร์มให้น้ำมันมะพร้าวสามารถที่จะซึมเข้า ผิวได้ดีขึ้น จากนั้นก็นำมานวดที่ใบหน้าของเราแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้วิตามิน และกรดไขมันที่จำเป็นในน้ำมันมะพร้าวได้ทำงานอย่างเต็มที่ก่อนที่จะล้างออก ให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
4.แตงกวา
ด้วยวิตามินที่มีอยู่อย่างมากมายทั้ง วิตามินA,C และแมกนีเซียม ทำให้แตงกวาได้รับเลือกให้เป็นผลไม้สำหรับการประทินผิว และสำหรับคนที่ต้องการลบรอยแผลเป็นจากสิวด้วยแตงกวาสามารถที่จะทำได้แบบ ง่ายๆด้วยการนำแตงกวามาล้างให้สะอาด จากนั้นก็หั่นเป็นแผ่นบางๆ ตามขวาง แล้วนำมาแปะตามบริเวณต่างๆบนใบหน้า ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วจึงล้างออก
5.น้ำผึ้ง
อีกหนึ่งสุดยอดเครื่องประทินผิวจากธรรมชาติที่อาจจะหาได้ไม่ง่ายนักใน ปัจจุบัน เพราะหากจะให้เห็นผลดีที่สุดควรเลือกใช้น้ำผึ้งดิบ แต่หากหาไม่ได้จริงๆ ก็น้ำผึ้งที่ขายตามห้างสรรพสินค้านี่แหละ วิธีการใช้ไม่ยากเลยเพียงแค่นำน้ำผึ้งจำนวนเล็กน้อยมานวดที่ใบหน้าของเรา แล้วจะพบกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น หรือ หากต้องการให้มีการทำความสะอาดผิวภายในตัวสามารถที่จะนำเอาผงอบเชยมาผสม แล้วนวดหน้าก็ได้
6.มะนาว
ผลไม้ที่มีกรดธรรมชาติอย่าง AHA ค่อนข้างสูง นอกจากจะช่วยในการลบรอยแผลเป็นแล้วยังช่วยให้ผิวหน้าของเราขาวใสได้อีกด้วย แค่บีบน้ำมะนาวใส่ถ้วยเล็กๆ จากนั้นก็นำมาเช็ดที่หน้าของเรา แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที แต่หากคุณเป็นคนที่ผิวบอบบางมาก แนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำมะนาวมาเช็ดหน้า แล้วปล่อยให้แห้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นทันที ที่สำคัญคือ อย่าลืมว่ากรด AHA ในน้ำมะนาวนอกจากจะช่วยในการลบรอยแผลเป็นจากสิวแล้ว ยังอาจจะทำให้ผิวของเราไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นระหว่างที่รักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยวิธีนี้อย่าลืมทาครีมกันแดดเป็น ประจำด้วย
7.มันฝรั่งสด
นอกจากจะนำมาทำอาหารได้อร่อยแล้ว มันฝรั่งยังมีวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อผิวหน้าของเราไม่น้อย ที่สำคัญคือ สามารถใช้ลบรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างรวดเร็วด้วยการนำเอามันฝรั่งมาล้างให้ สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นนำชิ้นมันฝรั่งก็ได้มาแปะที่หน้าของเรา และถูอย่างน้อย 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
8.นำมันโรสฮิบ
น้ำมันจากผลโรสฮิบมีกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อผิวของเราอย่างมากมาย และแน่นอนว่าหากนำเอาน้ำมันโรสฮิปแบบสกัดเย็นมาทาที่บริเวณที่มีรอยสิวเป็น ประจำจะช่วยลบรอยแผลเป็นจากสิวได้เป็นอย่างดี
9.สครับจากน้ำตาล
สำหรับคนที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติ อย่างน้ำตาลอ้อย 100% อยู่ที่บ้าน คุณอาจจะไม่รู้มาก่อนว่าในน้ำตาลธรรมชาติเหล่านี้อุดมไปด้วยไกลโคลิกที่มี ประโยชน์อย่างมากมายต่อร่างกายและผิวพรรณ โดยเฉพาะในเรื่องของการลบเลือนรอบสิว ให้หายไป สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำเอาน้ำตาลอ้อย หรือ น้ำตาลที่ไม่ขัดสีก็ได้มาผสมกับน้ำมันมะกอก และน้ำมะนาว จากนั้นก็ขัดบริเวณที่รีสิวเสี้ยน หรือ รอยดำจากสิว เพียง 2-3 วันต่อครั้ง รับรองได้เลยว่าหน้าของคุณจะใสขึ้นมาอย่างแน่นอน
10.วิตามิน E
วิธีนี้อาจจะสะดวกสำหรับคนที่อยู่ในเมือง หรือไม่สามารถที่จะหาของข้างบนได้ทัน เพราะแค่เดินเข้าร้านขายยาเราก็สามารถซื้อวิตามิน E แบบเจลได้ในราคาแค่ไม่กี่บาทเท่านั้นวิธีการก็ไม่ยากเลย เพียงแค่เจาะแคปซูลแล้วเอาวิตามินE มาทาที่ใบหน้าของเราเป็นประจำ หรือ เอาวิตามิน E มาผสมกับครีมที่ใช้อยู่เป็นประจำก็ได้เหมือนกัน