ชีวิตเยี่ยงทาส 22 ปี ไม่นึกว่าได้มีวันกลับมาเจอหน้าแม่อีกครั้ง!!!
เผยชีวิตอันรันทดสุดหดหู่ของ นายมะหยิ่น เนียง ชาวพม่า แรงงานประมงที่จากบ้านเกิดไปนานกว่า 22 ปี ดิ้นรนเอาชีวิตแทบไม่รอดกว่าจะได้กลับมาพบหน้าแม่บังเกิดเกล้าอีกครั้งในรัฐมอญ เรื่องราวของนายมะหยิ่น เริ่มขึ้นเมื่อปี 2533 ครอบครัวที่ต้องสูญเสียคุณพ่อที่เป็นชาวประมงท้องถิ่น เสาหลักผู้หาเลี้ยงครอบครัว ทำให้บทหนักตกหนักอยู่ที่นายมะหยิ่น ซึ่งเป็นลูกชายคนโตตั้งแต่อายุ 15 ปี ต้องช่วยนางขิ่น ตาน ผู้เป็นแม่ทำอาหาร ซักผ้า และดูแลน้อยชาย 4 คนกับน้องสาวอีก 2 คน ต่อมาเมื่อนายมะหยิ่นมีอายุ 18 ปี ได้พบกับนายหน้าที่มาเสนองานให้ทำบนเรือประมงในน่านน้ำไทยไม่กี่เดือนแลกกับเงิน 300 ดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 บาทซึ่งเงินจำนวนนี้มากพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของตนได้ทั้งปี ถึงแม้ว่านางขิ่น ผู้เป็นแม่จะไม่ไว้วางใจนายหน้าผู้นี้ แต่นายมะหยิ่นเองก็ตื้อขอไปจนได้ ไปโดยที่ไม่มีโอกาสบอกลาผู้เป็นแม่ที่ออกไปทำงานข้างนอก
แต่เส้นทางที่นายมะหยิ่น วาดฝันไว้นั้นกลับไปเป็นอย่างที่คิด หลังจากนายมะหยิ่นได้เดินทางผ่านพรมแดนไทยได้ก็ถูกนำตัวไปขังไว้ที่กระท่อมเล็กๆ นานหลายเดือน โดยแทบไม่มีอาหาร ก่อนถูกส่งตัวไปลงเรือประมงนาน 15 วันซึ่งกัปตันเรือที่เป็นชาวไทย ได้พูดประโยคที่นายมะหยิ่นไม่มีวันลืม “ข้าซื้อพวกเอ็งมา พวกพม่าอย่างเอ็งไม่มีวันจะได้กลับบ้าน และไม่มีใครที่เขาจะมาช่วยพวกเอ็ง”
ชีวิตในเรือของนายมะหยิ่นและแรงงานคนอื่นๆ ถูกใช้งานอย่างหนัก บางครั้งต้องทำงานตลอด 24 ชม. กลางทะเลนานหลายสัปดาห์ด้วยค่าจ้างเพียง 10 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 300 บาทต่อเดือน และบางครั้งก็ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง มีเพียงข้าว เศษปลาทะเล และน้ำทะเลต้มที่มีกลิ่นสาบรุนแรงประทังชีวิต แรงงานคนใดที่เหนื่อย ทำงานช้า แอบหยุดพัก คิดหนี หรือป่วยจะถูกทุบตีอย่างทารุณ ถูกหวดด้วยหางปลากระเบนที่มีพิษ บางทีถูกช๊อตด้วยไฟฟ้า ซึ่งหากมีการเสียชีวิตกัปตันเรือจะนำศพแรงงานที่เสียชีวิตหมกไว้ในตู้แช่แข็งปลาที่จับได้ บางคนที่ทนไม่ไหวก็กระโดดลงจากเรือไปเสียชีวิตอยู่กลางทะเล
ส่วนนายมะหยิ่นเองนั้น ก็เคยพยายามหลบหนีถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหนีมาอยู่กับครอบครัวชาวอินโดนีเซียบนเกาะแห่งหนึ่งนานถึง 5 ปี ก่อนจะกลับไปติดกับเดิมเพราะหลงเชื่อว่าจะพากลับบ้าน ครั้งที่ 2 โดยต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคระบบประสาท โดยจะมีอาการหนาวสั่น และแขนขาอ่อนแรง ซึ่งนายมะหยิ่นเองต้องทนคิดถึงบ้านและแม่ที่นายมะหยิ่นแทบจะจำหน้าไม่ได้
จากรายการสถานการณ์ค้ามนุษย์ของสหรัฐทำให้ทางการอินโดนีเซียปราบปรามขบวนการค้าแรงงานเถื่อน และช้วยเหลือแรงงานพลักถิ่น ทำให้นายมะหยิ่นได้มีโอากสนั่งเครื่องบินกลับมายังพม่าบ้านเกิด นายมะหยิ่งถึงกับร้องไห้โฮออกมาหลังย่างเท้ากลับเข้าสู่ชุมชนเดิม เข้าโผกอดแม่ และน้องสาวด้วยความคิดถึง “ชีวิตผมมันอนาถเหลือเกิน คิดทีไรแล้วมันปวดใจทุกที ผม…คิดถึงแม่” นายมะหยิ่นกล่าวทั้งน้ำตา