เทวดาโปรยดอกไม้ทิพย์ลงร่างกลายเป็นธนบัตรใบละ 1000,500,100
เทวดาโปรยดอกไม้ทิพย์ลงร่างกลายเป็นธนบัตรใบละ 1000,500,100
เหตุการณ์นี้ ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งวันนั้น พระอาจารย์ชา มหิทธิโก ท่านล้มป่วยหนัก ถึงขั้นอาจทำให้ท่านมรณภาพดับขันธ์ลงได้ ถ้าไม่รีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วนด้วยวิธีการรักษา แบบถ่ายพลังลมปราณ จากพระอริยเจ้าระดับสกิทาคามี ขึ้นไปและจะต้องไม่เกินเวลาเที่ยงคืนของวันนั้นเพราะร่างกายของพระอาจารย์ ธาตุขันธ์ เกิดอาการรวนหมดแล้วเป็นเพราะสาเหตุที่ท่านลืมฉันยารักษาโรคประจำตัว ที่ต้องฉัน เป็นประจำทุกวัน โดยท่านขาดการฉัน ติดต่อกันถึงสองวัน เพราะก่อนหน้านี้ ท่านได้เดินทางจากวัดวังหอมฯที่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นไปกรุงเทพฯ ซึ่งในวันเดินทางนั้นท่านรีบจะไปขึ้นเครื่องให้ทันเพื่อไปออกรายการสดทางทีวี คือรายการพุทธจักรวาล ทางสถานีเอช พลัสแชนแนล เพราะออกจากวัดล่าช้า ท่านรีบขึ้นรถจึงลืมยาไว้ที่กุฏิ ไม่ได้นำมาที่กรุงเทพฯด้วย กว่ายาจะส่งตามไปให้ที่กรุงเทพฯก็อีกวันหนึ่งซึ่งไม่ทันการเสียแล้ว จึงทำให้ท่านป่วยหนักดังกล่าว
จึงสรุปลงที่หลวงมุก พระภิกษุณีกัลยา ณ สิริ เจ้าสำนักวังกัลยาณมิตตาราม อดีตภรรยาคู่บารมี ของพระอาจารย์ชา ซึ่งในวันนั้นท่านติดงานสำคัญที่สำนักภิกษุณี เกาะยอ จังหวัดสงขลา หลังเสร็จงานแล้ว จึงรีบบินด่วนไปกรุงเทพฯ เพื่อทำการรักษาพระอาจารย์ชา
กว่าหลวงมุกจะขึ้นเครื่องเดินทางไปถึงก็ประมาณเกือบสี่ทุ่ม แต่ก่อนหน้านั้นช่วงเวลาประมาณ ๑๖.๔๐น.ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ซึ่งศิษย์ใกล้ชิดที่เฝ้าดูแลพระอาจารย์อยู่ชื่อตูน ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ได้พบเห็นสิ่งที่มหัศจรรย์กับตาตัวเองกล่าวคือ เห็นพระอาจารย์ท่านนอนพูดภาษาอะไรไม่รู้คงเป็นภาษาเทพ สักครู่ท่านพนมมือระหว่างหน้าอก ต่อมาก็มีดอกไม้อะไรไม่รู้โปรยลงมาๆจากทางหัวนอนของพระอาจารย์แล้วกลายเป็นธนบัตรใบละพัน ใบละห้าร้อย ใบละร้อยเต็มไปหมดทั่วบริเวณ ตอนแรกกระจายๆต่อมาเหมือนมีใครกอบขึ้นไปกองอยู่บนตัวพระอาจารย์
จึงสอบถาม พระอาจารย์ท่านบอกว่า เมื่อสักครู่นี้มีเทวดาจากชั้นดุสิต ซึ่งเป็นเทวดาระดับชั้นสูงๆทั้งนั้นมาเยี่ยมท่านได้สนทนากันพอสมควร แล้วก่อนเทวดาจะกลับพระอาจารย์ท่านได้ให้พรเทวดา ต่อมาท่านเห็นเทวดาที่อยู่หัวแถวให้พรท่านกลับโดยการโปรยดอกไม้ทิพย์ดอกสีขาวๆใส่ตัวท่านซึ่งนอนอยู่ ตอนแรกก็นึกว่าดอกไม้เพราะเห็นอย่างนั้นไม่คิดว่าจะกลายเป็นธนบัตร จนกระทั่งตูนเข้ามาบอกและซักถามท่านนี่แหละ
หลังจากที่เทวดากลับไป พระอาจารย์ก็มีอาการสดชื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย จึงบอกให้กลุ่มลูกศิษย์ที่ทยอยกันเดินทางมาเยี่ยมตรวจนับธนบัตรเหล่านั้น นับรวมยอดทั้งหมดเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๖,๐๐๐ บาท (สามหมื่นหกพันบาทถ้วน) เป็นแบงค์พันจำนวน ๒๗ ใบ แบงค์ห้าร้อย จำนวน ๑๔ ใบ แบงค์ ร้อยจำนวน ๒๐ ใบ พระอาจารย์บอกว่าเป็นแบงค์เทวดา ไม่อยากนำไปใช้ให้แลกเก็บไว้เป็นเงินขวัญถุงจะเป็นมงคลกว่า พระอาจารย์จึงลงยันต์ไว้ในธนบัตรเหล่านั้นทุกใบ โดยลงเป็นยันต์สองชนิดคือเป็นยันต์โชคลาภเรียกทรัพย์ และยันต์กักเก็บทรัพย์
จึงนำเงินดังกล่าวที่แลกเรียบร้อยหมดแล้วมาสมทบกับเงินทำบุญเพื่อทอดผ้าป่า ซึ่งขาดเงินอยู่ประมาณนั้นพอดีจะครบหนึ่งแสนบาท เพื่อมอบให้กับวัดมงคลนิมิต อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เพื่อซ่อมแซม เมรุเผาศพ ที่ชำรุด เพราะภัยจากแผ่นดินไหวที่ผ่านมา จึงทำให้เทวดาท่านได้อานิสงส์ในการร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย
ต่อมา เวลาประมาณสี่ทุ่ม หลวงมุกก็ทำการเดินลมปราณถ่ายพลังรักษาพระอาจารย์ชา โชคดีได้พระพุทธรูปหยกมรดกตกทอด จากประเทศจีน ที่ลูกศิษย์คนหนึ่งนำมา ช่วยเพิ่มพลังในการรักษาพระอาจารย์ในครั้งนี้ด้วย จึงทำให้หลวงมุกไม่เสียพลังวัตรมากนัก แต่กลับได้พลังบวกเพิ่ม เช้าวันรุ่งขึ้นพระอาจารย์ก็อาการสดชื่นดีขึ้นจนหายเป็นปกติ
หลังจากที่คณะศิษย์ได้แลกแบงค์เทวดาไปหมดแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่ได้ จึงมีผู้เสียสละบางท่านได้นำแบงค์ร้อยมาให้มีการประมูลกันทางไลน์กลุ่มศิษย์พระอาจารย์ชา เพื่อนำเงินรายได้จากการประมูลทำบุญเข้าวัด โดย แบงค์ร้อยใบแรกสามารถประมูลได้ถึง ๔,๐๐๐ บาท ส่วน แบงค์ร้อยใบที่สองสามารถประมูลได้ถึง ๔,๔๐๐ บาท และแบงค์พันประมูลได้ถึง ๑๐,๐๙๙ บาท
หลังจากนั้น ต่อมา พระอาจารย์ชาให้ทำประวัติคนที่มีแบงค์เทวดา ให้ลงชื่อนามสกุลและหมายเลขธนบัตร ไว้เพื่อกันปลอมเพราะโดยทั่วไปก็จะมีแบงค์ที่เหล่าคณะศิษย์และญาติธรรมนำมาให้ท่านเสกและลงยันต์อยู่บ้างเหมือนกัน เพื่อจะได้ไม่ปนกันและแยกออกเพราะในอนาคตท่านกล่าวว่า ต่อไปราคาของแบงค์เทวดาจะถีบสูงตัวขึ้นหลายเท่าตัวเพราะเป็นแบงค์เทวดาที่พระอาจารย์ท่านเสกและลงยันต์ ที่หายากและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกมนุษย์นี้