เมื่อร่างกายเรา "รับสารพิษมาสะสม" อยู่ตลอดเวลา
การกินอยู่ของคนไทยในปัจจุบัน ต้องเสี่ยงต่อการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทางอาหาร อากาศ น้ำ เครื่องสำอาง หรือความเครียดจากการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ การสะสมสารพิษในร่างกายที่ต่อเนื่องมานับเป็นเวลา 10 ปี ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้ เกิดริ้วรอยก่อนวัย หรือการก่อให้เกิดซีสต์ เนื้องอก หรือมะเร็ง เป็นต้น การดูดซึมสารพิษหลักๆ จากสาเหตุในข้างต้น มาจาก 3 ทางคือ ทางปาก หรือระบบทางเดินอาหาร ทางจมูก หรือระบบทางเดินหายใจ และทางผิวหนัง
นพ.สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน ศัลยแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ และผู้ก่อตั้ง Eternity Clinic (อีเทอร์นิตี คลินิก) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวสารพิษที่สะสมในร่างกายของคนเราสามารถแยกออกมาได้หลายประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. สารพิษจากยา / สารเคมี ได้แก่ สารพิษจากยา (แผนปัจจุบัน) สารปรุงแต่งในอาหาร (สี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น ลิปสติก ยาทาเล็บ แชมพู ยาย้อมผม ที่สามารถเข้าทางปาก ทางเล็บ ทางศีรษะที่ผ่านเข้าทางเส้นเลือดฝอย วิ่งตรงเข้าสู่ตับ เป็นต้น สารพิษเมื่อเข้าไปสะสมที่ตับจะทำให้ปวดเมื่อยร่างกาย ง่วงนอนบ่อย อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง ขอบตาดำคล้ำ ผมร่วง เล็บเปราะเป็นต้น
- สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ สารพิษจากสารตะกั่ว โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง (ดีดีที) ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมน้ำประปาต้มโดยไม่ผ่านการกรอง เป็นต้น สารพิษประเภทนี้จะไปสะสมที่ตับเช่นกัน อาการที่แสดงให้เห็นจะมีอาการทางสมองร่วมด้วย เช่น สมองมึนงง เฉื่อยชา เป็นต้น
- สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ น้ำแข็ง อาหารทะเลแช่แข็ง ผักผลไม้ที่สดและกรอบเกินไป น้ำจากขวดพลาสติกที่ใช้ซ้ำๆ ภาชนะถ้วยชามพลาสติก/เมลามีน ถุงร้อนใส่กับข้าว มาใส่อาหารร้อนๆ จะก่อให้เกิดสารพิษประเภทฟอร์มาลีนสะสมซึมลึกในร่างกาย สารพิษประเภทนี้ จะทำให้เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืดตาลาย ปวดท้องจี๊ดๆ มีเนื้องอกเปะปะ โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ เกิดกรดไหลย้อน และเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง เป็นต้น
นพ.สืบพงษ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพทย์แผนปัจจุบันล่าสุด ที่เป็นวิธีการล้างพิษในร่างกายของเราที่เรียกว่า “Chelation therapy (คีเลชั่น เทอราพี)” ซึ่งเป็นวิธีการขจัดของเสียจากร่างกายโดยเฉพาะโลหะหนัก ซึ่งใช้สารเคมีที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายโดยผ่านกระบวนการต่างๆ ที่แพทย์แนะนำให้ใช้ตามความเหมาะสม เช่น ผ่านการกิน (DMSA) ผ่านการเหน็บทางทวารหนัก และการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ สารประกอบทางเคมีที่ให้เป็นประเภทกรดอะมิโนที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนักเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อและพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเราแล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้งประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือสามารถพักผ่อน ดูโทรทัศ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ปกติ ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม
โลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้ง น้ำ และอากาศ ดิน อาหาร ทุกอย่างล้วนมี โอกาสที่จะปนเปื้อนสารพิษ โลหะหนักได้ สารพิษโลหะหนักพบได้ในวัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ยารักษาโรค อาหารที่ผ่านกระบวนการ ต่าง ๆ แหล่งเชื้อเพลิงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ ก่อให้เกิดความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเซลล์ทำให้ความสามารถในการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
Chelation therapy เป็นการลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศทั้งชายเเละหญิง ช่วยให้ร่างกายเเข็งเเรง สดชื่น ลดความเสี่ยง โรคร้าย มะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน อีกทั้งยังช่วยในการล้างสารพิษโลหะหนัก ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ลดอาการ อักเสบของผิวหนัง ลดปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการชราก่อนวัยอันควร ขจัดสารพิษตกข้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด ที่สำคัญช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงการทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
โดย Chelation therapy เหมาะแก่ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง)ที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ชราก่อนวัยอันควร เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการเวียนหัวง่าย รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น แม้กระทั่งผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือด ตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัวและ ต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต แม้จะเป็นการแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นเทคนิคฟื้นฟูหลอดเลือด ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ทำหน้าที่กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบทั้งในสมองและหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยแก้ไขและบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามหนุ่มๆสาวๆ ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้โดยเฉพาะ และรู้จริงเกี่ยวกับการนำเทคนิคมาใช้ในการรักษา เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ความสวยที่มั่นใจ และปลอดภัย อีกทั้งยังผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นที่เรียบร้อย จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงในวงการชะลอวัยอีกครั้ง ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด