น้ำเกลือ : พลังงานแห่งโลกอนาคต
รถแห่งโลกอนาคตจะใช้พลังงานอะไร น้ำมันเบนซิน ดีเซล ไฮโดรเจน หรือไฟฟ้า ไม่แน่ว่า คำตอบอาจจะเป็นน้ำทะเล ก่อนที่คุณจะหัวเราะ ลองดูข้อมูลนี้เสียก่อน : รถซูเปอร์คาร์สี่ที่นั่งคันนี้ เร็วเท่ากับรถแมคลาเรน พี1 ระดับไอเสียเป็นศูนย์ และแน่นอน รถคันนี้ใช้น้ำเค็มเป็นพลังงาน มันคือรถ ควอนท์ อี-สปอร์ตลิมูซีน ซึ่งเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้ขับขี่บนท้องถนนจริงในยุโรป
อี-สปอร์ตลิมูซีน เป็นรถไฟฟ้า เพียงแต่แหล่งพลังงานของมันไม่ใช่แบตเตอรีทั่วไป แต่เป็นเทคโนโลยี นาโน โฟลว์เซลล์ ซึ่งขั้นตอนการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าของมัน เริ่มจากอิเล็กโทรไลท์ไหลเวียนผ่านเซลล์สองเซลล์ที่แยกจากกัน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "การเผาไหม้เย็น" ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชั่นและรีดัคชั่น และกลายเป็นพลังงานไฟฟ้า
ผู้ผลิตรถคันนี้ คุยว่า เทคโนโลยีดังกล่าว แรกเริ่มเดิมทีพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับองค์การนาซา โดยมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เพียงแต่ของเหลวที่ใช้ในการสะสมพลังงานเป็นน้ำเค็ม
เทคโนโลยีนาโน โฟลว์เซลล์
รถอี-สปอร์ตลิมูซีน เก็บแหล่งพลังงานของมันไว้ในถังขนาด 200 ลิตร สองถัง นั่นก็คือ น้ำเกลือ และเนื่องจากว่าโลกของเราประกอบด้วยน้ำถึง 71 % นั่นหมายความว่า ควอนท์สามารถแก้ปัญหาแหล่งพลังงานของรถได้แล้ว..หรือไม่ใช่?
วิ่งได้อย่างถูกกฎหมาย
รถคันนี้ไม่ใช่รถต้นแบบ หรือรถคอนเซ็พท์คาร์ เพราะมันเพิ่งได้ใบอนุญาตให้วิ่งได้บนท้องถนนในยุโรปอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งก็ต้องรอดูว่า ควอนท์จะสามารถผลิตรถรุ่นนี้ออกมาในเชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ระบบโฟลว์เซลล์มีศักยภาพที่จะเป็นเทคโนโลยีพลิกโลกยานยนต์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ขุมพลังล้นเหลือ
ควอนท์ คุยว่า รถของพวกเขาเร็วไม่แพ้ซูเปอร์คาร์คันไหนๆ ด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าสี่ตัว ซึ่งปลดปล่อยขุมพลังรวมกัน 925 แรงม้า แน่นอน พลังของมันเหนือกว่า แมคลาเรน พี1 ไฮเปอร์คาร์ แต่ในการใช้งานจริง รถคันนี้จะให้พลัง 653 แรงม้า ซึ่งนั่นก็มากจนล้นแล้วล่ะ
สมรรถนะ
เสน่ห์ของเครื่องยนต์ไฟฟ้าคือ พลังและแรงบิดของมันสามารถเรียกใช้งานได้ทันที เครื่องยนต์ไฟฟ้าแต่ละตัวของรถคันนี้ ให้แรงบิด 1,844 ฟุต/ปอนด์ รวมทั้งหมด 7,376 ฟุต/ปอนด์ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่รถคันนี้ สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กม.ต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาแค่ 2.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 342 กม.ต่อชั่วโมง
ปลอดมลพิษ
นอกจากสมรรถนะอันน่าทึ่งแล้ว ซูเปอร์คาร์พลังน้ำเกลือคันนี้ ยังปลอดจากไอเสียอย่างสิ้นเชิง ด้วยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กม. ทำให้ผู้ขับรถคันนี้ไม่ต้องเสียภาษีการใช้ถนน และไม่ต้องเสียค่าปรับการสร้างปัญหาการจราจรแออัดในอังกฤษอีกด้วย
ไกลแค่ไหน
ความโดดเด่นอีกอย่างของ อี-สปอร์ตลิมูซีน คือ มันสามารถวิ่งได้ไกลถึง 373 ไมล์ ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และเนื่องจากรถคันนี้ มีถังบรรจุน้ำเกลือสองถัง ทำให้มันไม่ต้องรอชาร์จไฟแบตเตอรีก่อนการใช้งาน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังไฟฟ้า
รูปลักษณ์
เมื่อมองจากภายนอก รถอี-สปอร์ตลิมูซีน ดูโดดเด่นแปลกตา ด้วยเส้นสายและส่วนโค้งเว้าที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานโดนเฉพาะ
ความสะดวกสบาย
สำหรับงานอินทีเรียร์ หรือภายในห้องโดยสาร สอดคล้องกับชื่อของมัน คือ สปอร์ตลิมูซีน ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสไตล์โฉบเฉี่ยวแบบรถสปอร์ต แผงคอนโซลกลางและประตูทำจากไม้ มีการแบ่งแยกส่วนคนขับและผู้โดยสาร ขณะที่จอดิจิตัลขนาดใหญ่ให้ข้อมูลครบถ้วนที่ต้องการ ทั้งความเร็ว ระบบนำทาง ระบบปรับอากาศ และมัลติมีเดีย
คู่แข่งของเมอร์ซีเดส-เบนซ์ เอส-คลาส
ด้วยความยาวของรถ 5 เมตร ทำให้ อี-สปอร์ตลิมูซีน มีพื้นที่เหลือเฟือ ขณะที่เครื่องยนต์ไฟฟ้า ก็ทำให้รถคันนี้แทบจะเงียบสงัด
พันธมิตรแข็งแกร่ง
รถคันนี้ เปิดตัวครั้งแรกในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2014 แต่ก่อนหน้านั้น ควอนท์เริ่มพัฒนารถแนวคิดนี้ โดยร่วมมือกับผู้ผลิตรถซูเปอร์คาร์ชั้นนำอย่าง โคนิกเซกก์ ทำให้ไม่แปลกใจเลย อี-สปอร์ตลิมูซีน จะเพียบพร้อมด้วยความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพที่โดดเด่น
คาร์บอนไฟเบอร์
อย่างที่คาดไว้ รถคันนี้ใช้วัสดุพิเศษหลายชิ้น เพื่อผลทางด้านสมรรถนะ แชสซีของรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่วัสดุน้ำหนักเบาหลายอย่างถูกนำมาใช้เพื่อลดน้ำหนักของรถจนเหลือ 2,300 กก. (รวมน้ำหนักถังเชื้อเพลิงบรรจุเต็ม)
เรียบเรียงใหม่เองนะจ๊ะ