หลวงปู่เจ้าขา ทำไมศาสนาพุทธถึงต้องบริจาคให้ทานเต็มไปหมด ทำบุญแล้วต้องเสียเงินทองค่ะ?
โยม : หลวงปู่เจ้าขา ทำไมศาสนาพุทธถึงมีแต่ให้ทาน เดี๋ยวก็ถวาย เดี๋ยวก็ถวาย นี่อย่างวันนี้ก็ถวายเทียน ถวายผ้าอาบน้ำฝน ถวายผ้าป่า กฐิน มีแต่ถวายเต็มไปหมด แสดงว่าจะได้บุญมา ต้องเสียเงินเสียทองสิเจ้าคะ
หลวงปู่ : อือ บุญเป็นชื่อของความสุข ทำแล้วทุกข์ อย่าทำ
โยม : โยมก็ไม่ได้ทุกข์ แค่สงสัยว่า ทำไมศาสนามีแต่การให้ทาน
หลวงปู่ : การทำบุญในพระศาสนาน่ะมีหลายแบบ มีหลายระดับ ระดับทาน ระดับศีล ระดับภาวนา คนใจยังไม่สูง ก็มัววุ่นอยู่กับทานอย่างเดียว คนใจสูงมาอีกหน่อย ก็ทำบุญเรื่องศีล เมื่อใจถึงระดับแล้วเขาจะทำบุญด้วยการภาวนา เพราะทานกำจัดกิเลสอย่างหยาบ ศีลกำจัดกิเลสอย่างกลาง ภาวนากำจัดกิเลสอย่างละเอียด
บางคนทำบุญ แล้วไม่รู้เรื่องบุญ ก็มัวแต่หาว่า มีแต่ทาน แต่ทาน คนบ้าทานก็ทำทานเอาหน้า ทำทานเอาตรา ทำทานเพื่อโฆษณา แท้จริงแล้ว การทำทานมีจุดประสงค์ เพื่อละตัวเรา เพื่อละของเรา อาศัยสิ่งของ เพื่อละความเห็นแก่ตัว ละความถือตัวถือตน
บางคนทำบุญทานไม่เป็น ให้แล้วยังถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา บางคนทำทานแล้วประสงค์นั่น อธิษฐานนี่ วุ่นวายไปหมดอันนี้ให้ทานเอาตัณหา ให้ทานเอาโลก ให้ทานเอากิเลส ทานที่แท้จริงต้องทานเพื่อละ เพื่อทิ้ง
เอาของมาทานให้หลวงปู่แล้ว มาให้หลวงปู่เสกนั่น เป่านี่อธิษฐานเอานั่นเอานี่ เหมือนหลวงปู่จะบันดาลให้ได้ คนที่เอาข้าวให้หมากิน เขายังได้อานิสงส์มากกว่าคนพวกนี้ เพราะเขาให้ทานเพื่อละ ให้ทานเพื่ออนุเคราะห์สัตว์ตกยาก เขาให้ทานโดยไม่มีความเป็นตัวเป็นตน ไม่อธิษฐานเอานั้นเอานี่จากหมา ไม่ต้องบอกหมาว่าต้องฉันของโยม ของหนู ของฉัน นั่นคนพวกนั้นเขาทานเพื่อละเพื่อวาง
คนที่วางตัววางตน ก็ไม่มีตัว ไม่มีตน คนไม่มีตัว ไม่มีตน มันจะทุกข์มาจากไหน เพราะมีตัว อะไรก็ของตัว ได้ – ตัวก็ได้ เสีย- ตัวก็เสีย กระทบอะไร – ตัวก็กระทบ มันจึงทุกข์จึงยาก แต่ละตัวละตนเสียแล้วจะทุกข์กับอะไร
ถ้าคุณเข้าใจอย่างนี้ หลวงปู่เรียกคนเหล่านั้นว่าเขาทำทานเพื่อพึ่งพา ให้ทานเพื่อละ เพื่อวาง เขาจะไม่ทุกข์กับการให้ทาน เขาเป็นนักทานที่แท้จริง
เข้าใจนะ
ทานกำจัดกิเลสอย่างหยาบ
ศีลกำจัดกิเลสอย่างกลาง
ภาวนากำจัดกิเลสอย่างละเอียด
โอวาทธรรมพระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)
โดยคุณ Supong Chan