7 ชั่วโคตร มีที่มาอย่างไร
คำว่า7 ชั่วโคตร น่าจะเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะในห้วงสมัยกรุงศรีอยุธยามีกษัตริย์ครองนครถึง 33 พระองค์ ยาวนานถึง 417 ปี และกษัติย์ทั้งหมดมีถึง 5 ราชวงศ์ (คือ 5 ตระกูล ) เริ่มจากราชวงศ์ อู่ทองมี 3 พระองค์,ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มี 13 พระองค์, ราชวงศ์ สุโขทัยมี 7 พระองค์, ราชวงศ์ปราสาททองมี 4 พระองค์, และราชวงศ์บ้านพลูหลวงมี 6 พระองค์ ในห้วงรัชการต่างๆ ได้มีคนคิดล้มอำนาจของพระมหากษัติย์ที่ครองราชย์อยู่ขณะนั้น จึงมีการตรากฏหมายว่าใครที่คิดขบถต้องประหาร 7 ชั่วโคตร เพื่อมิให้เหลือเผ่าพันธุ์ของผู้คิดขบถนั้นอยู่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป
ผู้ที่คิดขบถคงต้องเป็นผู้ใหญ่พอ แล้วมีอำนาจบารมีไม่น้อยที่จะทำการใหญ่ได้ ดังนั้นหากกระทำการไม่สำเร็จ จึงมีการป้องปราบ( อย่างราบคาบ) ด้วยตรากฏหมายนี้ว่า หากผู้คิดขบถ กระทำการขบถไม่สำเร็จ จำต้องถูกประหาร 7 ชั่วโคตร นับจากญาติขึ้นข้างบน 3 ชั่วอายุคน และนับลงล่าง 3 ชั่วอายุคน
นั่นคือมีการประหารผู้ขบถ เมียผู้ขบถ พี่น้องของผู้ขบถ และพี่น้องของเมียผู้ขบถทุกคน นี่เป็นชั้นของผู้ขบถเอง
ชั้นบรรพบุรุษ 3 ชั่วอายุคนขึ้นไปคือ พ่อตัวแม่ตัว พ่อตาแม่ยาย / ปู่ย่าตายาย / ทวดทางพ่อทวดทางแม่
ชั้นลูกหลานลงไป 3 ชั่วอายุคนคือ ลูกทุกคน รวมทั้งเขยและสะใภ้ / หลานทุกคน / เหลนทุกคน
รวมทั้งสิ้น 7 ชั่วโคตร แต่นั่นเป็นเพียงการกำหนดเป็นกฎหมายไว้ปรามผู้ที่คิดขบถ ยังไม่มีหลักฐานใดอ้างอิงได้ว่า มีการใช้กฏหมายนี้เกิดขึ้นในสมัยใหนบ้าง
ส่วนในภาษาอังกฤษก็มีคำที่หมายถึง "โคตร" นะคะ ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Lineage อธิบายว่า หมายถึง จำนวนบุคคลในครอบครัวที่มีความสัมพันธุ์กับบุคคลนั้นๆ และยังมีชีวิตอยู่ยืนยาวกว่าบุคคลนั้น.
... อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกันใหมคะ? เราว่านะ คำแปลของภาษาอังกฤษเราชอบล่ะ ดูใจกว้างและทันสมัยดี เพราะ ของที่เกิดก่อนว่าไม่ได้ เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วแก้ไขดัดแปลงก้อไม่คือ*..(ภาษาอีสาน= ไม่เหมือน,ไม่ถูก ) ส่วนไอ้รุ่นหลังนี่ บางทีก็มีผ่าเหล่าผ่ากอไปเยอะ ดีก้อน่านับว่าญาติหรอก แต่เวลา "เฉี้ย"มานี่ ไม่รุ ลูกใครเน้าะ...(ฮา)