หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"บิ๊กตู่" สวน UNHCR ลั่นไทยช่วยโรฮีนจามากกว่าพูด!!

โพสท์โดย Marcus

ติดตามความเคลื่อนไหวกับประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ซึ่งจากการที่ทาง UNHCR ต้องการให้ไทยนั้น ดูแลชาวโรฮิงญาโดยไม่อยากให้ผลักดันออกนอกประเทศ ล่าสุดทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ก็ออกมาระบุว่า ประเทศไทยนั้นดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว ซึ่งหากเข้ามาอย่างผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีตามกฎ พร้อมทั้งระบุว่าจะไม่มีการสร้างศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาเป็นการถาวร แต่จะเป็นการหาพื้นที่เพิ่มเติมในการควบคุมดูแล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ UNSCR ต้องการให้ไทยดูแลชาวโรฮิงญาโดยไม่อยากให้ผลักดันออกนอกประเทศ ว่า ไทยดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว แต่หากเข้ามาอย่างผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีตามกฎหาย ซึ่งขณะนี้ไทยยังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหา โดยเตรียมหารือร่วมกับ 15 ประเทศใน วันที่ 29 พ.ค.นี้ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถที่จะรับผิดชอบแก้ปัญหาได้เพียงลำพัง แต่หากพบและจับกุมชาวโรฮิงญาได้ในประเทศไทยก็ดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งไทยมีศูนย์ควบคุมดูแลอยู่แล้วถึง 9 ศูนย์ มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ 4-5 แสนคน และได้ดำเนินการส่งกลับประเทศไปแล้วจนเหลืออยู่อีกราว 1 แสนคน ซึ่งไทยต้องจัดสรรงบประมาณของประเทศเข้าไปดูแลบุคคลเหล่านี้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไทยจะไม่มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาเป็นการถาวร แต่จะเป็นการหาพื้นที่เพิ่มเติมในการควบคุมดูแลในการดำเนินคดีและการส่งกลับประเทศ ทั้งนี้หากจะดำเนินการจะจัดตั้งศูนย์พักพิงเพิ่มเฉพาะหน้า เพื่อแก้ปัญหาในขณะนี้ ยังต้องหารือกันต่อไป เพราะหากทำการจัดตั้งศูนย์พักพิงแล้วและมีการของบประมาณจากสหประชาชาติ(UN) ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาชาวโรฮิงญาต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะบางเรื่องเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ หากพูดขยายความมากอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้ และหากพูดกระทบถึงประเทศอื่นก็อาจจะไม่ได้รับความร่วมมือ โดยขณะนี้ไทยกำลังแก้ปัญหาต่างๆ ในประเทศ ทั้งเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประเทศอื่นด้วย แต่หากมีการประโคมข่าวเรื่องทั้งหมด สุดท้ายไทยก็จะกลายเป็นศูนย์กลางความเลวร้ายทั้งหมดในอาเซียน

ซึ่งจากประเด็นที่ทาง UNHCR เรียกร้องให้ไทยไม่ผลักดันชาวโรฮีนจาออกนอกประเทศนี่เอง ทำให้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โปสเตอร์ตัดต่อภาพของ นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นเบื้องสูง ป.อาญา มาตรา 112 และแฟนสาว ซึ่งขณะนี้เข้าพำนักอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ในฐานะผู้ลี้ภัย ด้วยความช่วยเหลือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) เมื่อช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา โดยนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มโรฮีนจา (Rohingya) ที่ปัจจุบันถูกผลักดันออกนอกประเทศ กลายเป็นคนไร้ถิ่นฐานที่อยู่อาศัย ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยการลักลอบเดินทางลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม จนนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเขียนข้อความระบุว่า"ตั้ง อาชีวะ หมิ่นสถาบัน UNHCR ช่วยหนีและเปลี่ยนสัญชาติ ชาวโรฮิงญา (Rohingya) อยากถามว่า UNHCR where are you when we needed you the most? ซึ่งก็แปลว่า UNHCR คุณอยู่ที่ไหน เมื่อเราต้องการ คุณมากที่สุด

ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่อาวุโสจากประเทศที่ได้รับผลกระทบ 15 ประเทศ ร่วมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาขบวนการการค้ามนุษย์และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายร่วมกัน ซึ่งคาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี และจะทำให้มีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ไทยจะใช้โอกาสนี้ยืนยันถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อนานาประเทศด้วย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงกรณีพบหลุมศพชาวโรฮีนจาจำนวนมากใน จ.สงขลา ว่า จะไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แต่ในทางกลับกันกลับเป็นผลดีที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของรัฐบาลไทยที่จะกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ในไทยให้หมดสิ้นไป

ส่วนกรณีการตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาในไทยนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถตั้งศูนย์พักพิงอย่างเป็นทางการให้แก่ชาวโรฮีนจาได้ แต่ยินดีให้ความช่วยเหลือชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรม

ขณะที่ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนประจำประเทศไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจาว่า แนวทางเบื้องต้นที่รัฐบาลไทยทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว คือการปราบปราม แต่ที่ต้องเพิ่มคือการดูแลความพร้อมของศูนย์พักพิง โดยเสนอให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าดูแลเพื่อแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐหาประโยชน์จากกลุ่มคนดังกล่าว ส่วนชาวโรฮีนจาที่หลบหนีอยู่ในทะเลนั้น มองว่า 3 ประเทศที่เกี่ยวข้อง คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ควรร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยคาดว่าน่าจะมีชาวโรฮีนจาอยู่ราว 10,000 คน

ขณะที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธา นายสุริยันต์ จิรสัตย์สุนทร นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะได้ไปเยี่ยมหญิงชาวโรฮิงญาที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกลวงและถูกเจ้าหน้าที่ไทยช่วยเหลือมาได้ถูกนำตัวส่งมาพักที่บ้านศรีสุราษฎร์แห่งนี้จำนวน 93 คน แยกเป็นผู้หญิง 50 คนและเด็ก 43 คน

ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีได้นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล นิคมสร้างตนเอง (รพ.สต.นิคมสร้างตนเอง)ไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด

ขณะที่ความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวการขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาก็ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในเครือข่ายค้ามนุษย์ได้แล้ว 26 คน พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์รวมมูลค่ากว่า 204 ล้านบาท

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนสอบสวนได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาในเครือข่ายค้ามนุษย์ได้แล้ว 26 คน จากที่ออกหมายจับไป 61 คน ผู้ต้องหารายล่าสุดที่เข้ามอบตัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามี 2 คน คือ นายสุรียา อาหะหมัด หรือ โกชัย เครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.สตูล และนายสุไลหมาน หมัดอะดำ คนส่งเสบียงเครือข่ายพื้นที่ปาดังเบซาร์ ยังคงเหลือผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 35 คน รวมทั้ง นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ตัวการใหญ่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์ใน 3 จังหวัดประกอบด้วย จ.ระนอง สตูล และนครศรีธรรมราช รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดและอายัดกว่า 204 ล้านบาท แยกเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ จ.ระนอง กว่า 100 ล้านบาท จ.สตูล 29 ล้านบาท และ จ.นครศรีธรรมราช 75 ล้านบาท และหากผู้ต้องหาไม่สามารถนำหลักฐานมาชี้แจงได้ ก็จะตกเป็นของแผ่นดิน

ด้านการสืบสวนขณะนี้ สอบพยานไปแล้ว 23 ปาก รวมทั้งยังได้นำชาวต่างด้าวที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์มาสอบอีก 63 คน แต่สอบไปได้เพียง 6 คน เนื่องจากต้องใช้ล่าม ส่วนศพที่พบบนเทือกเขาแก้วจำนวน 36 ศพ ได้ตรวจพิสูจน์เสร็จแล้ว 33 ศพ หลักฐานและพยานต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น และคาดว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม

ส่วนตัวเลขจำนวนคนต่างด้าวที่ช่วยเหลือได้แล้ว ขณะนี้มีจำนวน 312 คน แยกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ 63 คน และผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 249 คน ขณะที่การตรวจพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาแก้วที่พบแหล่งพักพิงเพิ่มเติมเป็นแคมป์ 7 หลัง และหอสังเกตการณ์ 1 หอ

พล.ต.อ.เอก กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ทราบเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกันทั้ง 3 จังหวัดหมดแล้ว ตั้งแต่ต้นทาง จ.ระนอง สตูล และปลายทางที่สงขลา ส่วนผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวทั้งหมดจะถูกส่งฟ้องศาลพร้อมกัน และจากการสอบสวน นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกอบต.ปูยู จ.สตูล ที่เข้ามอบตัวเมื่อวานนี้ พบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์เมื่อปี 47 และอยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล หลังจากร่วมกับนายอานัส หะยีมะแซ ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในศาลจังหวัดสงขลา จับตัวชาวโรฮีนจาเรียกค่าไถ่จำนวน 6 หมื่นบาท และถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา จับกุมได้ที่สถานีขนส่ง อ.หาดใหญ่

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ อาทิ ตำรวจภูธรภาค7, 8, 9, ตำรวจน้ำ, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, กองปราบปราม และตำรวจสากล ร่วมกันดูแลวางมาตรการในการสกัดกั้นการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการขนย้ายหรือลักลอบเข้าเมืองของชาวโรฮีนจา

ส่วนกรณีการติดตามตัว นายปัจจุบัน หรือ โกโต้ง อังโชติพันธ์ ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยังหลบหนีอยู่ ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่าโกโต้งอยู่ที่ใด แต่อาจจะมีการติดต่อขอเข้ามอบตัวในเร็ว ๆ นี้ โดยยืนยันไม่มีการต่อรองกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ของทั้งประเทศไทยและมาเลเซีย ผ่านไปได้ด้วยดี โดยทางมาเลเซียก็ประสบปัญหาในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นประเทศปลายทางในการขนแรงงานชาวโรฮีนจา ซึ่งอาจจะมีการจัดตั้งทีมงานร่วมกันในการจัดทำและพิจารณาในส่วนของปัญหานี้ เพราะถือว่าเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีการโยกย้ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลในพื้นที่ไปช่วยราชการนั้น หากการตรวจสอบพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือไม่ได้มีเจตนาละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะต้องคืนความชอบธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าในการช่วยเหลือเหยือค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องจับตาในวันที่ 29 พ.ค.นี้ กับการจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีการเชิญหลากหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบกับการค้ามนุษย์มาร่วมประชุม ซึ่งก็ต้องรอดูว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Marcus's profile


โพสท์โดย: Marcus
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: คุณกินไง จะใครละ, Tabebuia, nkart
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
คอนเสิร์ต AREA 52 "แบมแบม" สุดยิ่งใหญ่ ราชมังแตกเลยจ้ารวมความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการอาบน้ำ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นะหนุ่มสงสัย? ทำไมฝรั่งถึงไม่นิยมใส่ทองคำ และของมีค่าเวลาไปเที่ยว!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เงินดิจิตอล 10,000 บาท ช้อปปิ้งอะไรคุ้ม? เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้ฮือฮาทั้งโซเชียล พระเอกเกาหลีพูดชื่อเต็มกรุงเทพฯ ชัดมาก "Frankly Speaking พูดตรงๆ คงต้องรัก""แสวง" เลขาฯ กกต. ไม่ห้ามสื่อเสนอข่าว-จัดเวทีฯ ขู่จับตาดูผู้สมัคร ชี้ "ธนาธร" ทำได้ชวนลง สว."แจ็คแฟนฉัน" แจกพัดลมให้พี่น้องชาวไทย300ตัว"ลุงดอนใจดี" ย้ำอาหารที่ร้านไม่แพง และยังคงขายราคาเดิม
ตั้งกระทู้ใหม่