คำคมธรรมะ แบบเน้นๆ เต็มๆ เอาไว้เตือนใจ
คำคมธรรมะ แบบเน้นๆ เต็มๆ เอาไว้เตือนใจ เตือนสติ ให้รู้คิดรู้ทำ รู้ผิดชอบชั่วดี การที่เราจะกระทำสิ่งใดเราก็ควรจะตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ให้เราคิดทบทวนและเลือกในสิ่งที่ถูกต้องที่สิ่ง การที่เรามีสติจะทำให้เราไม่ประมาท ไม่ทำผิดไม่ทำชั่ว วันนี้ข้อความโดนๆ.com เลยถือโอกาศนี้รวบรวมเนื้อหาธรรมะดีๆ ที่โดนใจหลายๆคน คัดสรรเนื้อหาคำคมธรรมะโดนๆ เอาไว้เตือนสติคนที่ได้อ่าน หวังว่าทุกคนคงชอบกันนะค่ะ
คำสอน…ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
การไม่ทำจริง เป็นเหตุให้ไม่เกิดผล
เมื่อไม่เกิดผลก็ย่อมเกิดสนิมในใจ
คือ ความเบื่อหน่าย ท้อถอย เกียจคร้าน
แล้วในที่สุดก็เลิก….
คำสอน…หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
“โปรดอย่าห่วงที่เขาไม่รู้ว่าเราดี
แต่จงห่วงว่าเรานี้ดีจริงหรือเปล่า”
“บางครั้งการได้ทำประโยชน์กับผู้อื่นหรือสังคมบ้าง ก็ย่อมดีกว่าการปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า หาประโยชน์อันใดไม่ได้เลย”
“น้ำ” นี้มันไม่เคยง้อใครเลย ใครจะกินหรือไม่กิน จะอาบหรือไม่อาบ มันไม่เคนเรียกไม่เคยเชิญใครเลย หรือว่าใครจะนำมันไปล้างกระโถน ชักผ้าขี้ผ้าเยี่ยว มันก็ไม่เคยบ่น “ธรรม” ก็เหมือนกัน มันมีอยู่ตัวเรา ใครจะประพฤติปฏิบัติ ธรรมก็ไม่เคยเชิญใครไม่เคยง้อใคร ใครอยากพ้นทุกข์ อยากได้มรรคผลก็พยายามประพฤติปฏิบัติเองเถอะ
หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ
ทำบุญปฏิบัติธรรมด้วยใจกุศล….มนุษย์ไม่เห็น…..แต่เทพเทวดาเห็น…..จงหมั่นทำบุญรักษาศีลภาวนาเพื่อเข้าสู่หนทางหลุดพ้น
จุดสุดท้ายที่ภาวนาได้ คือ จิตเป็นกลางด้วยปัญญา เข้าใจในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลุดพ้น
วัดสระประสานสุข หลวงปู่บุญมี อุบล
คุณค่าของความทุกข์…..
1. ความทุกข์ทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น กินง่ายๆ อยู่ง่ายๆคนเราแค่มีปัจจัยสี่พอประมาณ มีสุขภาพเป็นปกติก็มีความสุขแล้ว สิ่งอื่นๆเป็นส่วนเกิน ยิ่งหา ยิ่งแบก ยิ่งมีภาระมาก
2. ความทุกข์สอนให้เรามีน้ำใจ คนที่ขาดแคลนเคยลำบากย่อมต้องมีจิตใจที่เข้าใจคนที่เคยมีความทุกข์ด้วยกัน ย่อมมีน้ำใจ อยากช่วยเหลือคนอื่น มากกว่าคนที่ไม่เคยลำบาก ชีวิตสุขสบาย ยิ่งเรายิ่งให้ได้มากเราก็ยิ่งมีความสุข
3. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนกตัญญู ทุกคนที่เคยช่วยเหลือเรา
จากความยากลำบาก ล้วนมีพระคุณที่เราควรตอบแทน
4. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนมีความอดทน ทนได้ต่อความทุกข์
ทนได้ต่อความยากลำบาก ทนได้ต่อช่วงเวลาที่ยาวนานของความทุกข์ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น ไปจากชีวิต
5. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนแกร่ง ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เหมือนเหล็กร้อนที่ผ่านไฟย่อมแข็งแกร่งขึ้น คนที่เคยลำบาก แล้วผ่านมาได้ด้วยความอดทนพยายาม จะไม่กลัวต่อความยากลำบาก เหมือนที่คนโบราณกล่าวว่า”ลำบากเสียให้เคย แล้วจะไม่ลำบากอีก”
6. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะว่าคนที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เคยลำบากมาก่อน ย่อมไม่คิดจะหลอกลวงใคร เพราะทุกคนก็ล้วนมีความทุกข์มากบ้างน้อยบ้าง ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย เราไม่อยากคดโกงผู้ใดให้เขาต้องทุกข์ขึ้นไปอีก การคดโกงในปัจจุบันแล้วทำให้ความสุขลดน้อยจากบาปในใจหรือต้องใช้กรรมในภายหลัง ไม่คุ้มกันเลย
7. ความทุกข์สอนว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืน ความทุกข์มาแล้วก็ไป ความสุขมาแล้วก็ไป ร่างกายนี้เป็นที่มาของความทุกข์ ความคิดความรู้สึกก็เป็นที่มาของความทุกข์ ความสุขแบบโลกๆ อยากได้อะไรแล้วก็ได้มา ก็เป็นแค่การบรรเทาทุกข์ที่มีให้น้อยลงไปแค่นั้นเอง สักพักก็ต้องอยากและมีความทุกข์อีก
8. เมื่อตกอยู่ในความทุกข์ ทุกอย่างเป็นจริงเป็นจังหนักหนาสาหัสถึงขั้นปลิดชีวิตเราได้ แต่เมื่อผ่านความทุกข์นั้นมา ความทุกข์นั้นก็เสมือนดังฝันร้ายไม่ได้เกิดขึ้นจริง แถมเมื่อมองย้อนกลับไปและตอบตัวเองอย่างมีสติ กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของความทุกข์เป็นความคิดแง่ลบและความวิตกกังวลเกินเหตุ การไม่เข้าใจโลกตามที่เป็นจริงมากกว่า
9. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนที่ไม่แสดงความกร่าง แสดงความยึดติดในความคิดของตัวเองมากจนเกินไป คนจนๆ คนไม่ค่อย
มีโอกาสในสังคม เป็นคนที่เจียมเนื้อเจียมตัว รู้จักกาลเทศะ รู้จักสิ่งที่ควรไม่ควรเสมอ
10. เงินทองและความสำเร็จในทางโลกเป็นแค่ปัจจัยในการอยู่ในสังคมแค่นั้น บุญกุศลและความสุขจากการภาวนา จึงจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง คนที่มีเงินร้อยล้านพันล้าน ที่กำลังใกล้ตาย ก็เอาเงินซื้อเวลาสักวินาทีก็ไม่ได้ ซื้อความสุขจากความทุกข์ทรมานก็ไม่ได้เลย ไม่มีใครช่วยเราได้เมื่อมีความทุกข์ การกระทำหรือบุญที่คิดถึงแล้วมีความสุขความสงบ จิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
ที่มา http://www.dhammathai.org/
นักปฏิบัติธรรม มักถูกทดสอบอยู่เสมอ ยิ่งปฏิบัติธรรมสูงขึ้นๆ ยิ่งถูกทดสอบว่า จริงๆแล้วสามารถลดละปล่อยวางจากกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงกามราคะได้จริงไหม ถ้ามีใครมาพูดยั่วยุให้โกรธแล้วยังโกรธอยู่ หรือมีใครนำสิ่งของเงินทองที่มีที่มาไม่บริสุทธิ์มามอบให้แล้วใจยังโลภอยู่ แสดงว่ายังห่างไกลจากการบรรลุ
ธรรมอีกมาก แต่ถ้าไม่ว่ามีใครหรืออะไรมายั่วยุให้โกรธ หรือมาทดสอบความโลภแล้วสามารถมีสติควบคุมใจให้วางเฉยได้ นั่นแสดงว่าบุคคลคนนั้นสอบผ่านและถ้าสามารถปฏิบัติตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนาตลอดจนควบคุมสติและใจไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งแปดประการได้แบบคงที่ตลอดเวลาแล้วละก็ บุคคลคนนั้นย่อมไม่ห่างไกลจากนิพพาน…
ที่มา:ครูอาจารย์ทางธรรม…
อย่าไปจมกับสิ่งหนึ่ง.. สิ่งใด
ไม่ว่าสิ่งนั้น จะเป็นสุข หรือ ทุกข์…
ระวังอย่าติดสิ่งใด…
ให้รู้ว่าสิ่งนั้นมันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้ว.. มันก็ดับไปเป็นธรรมดา..
อย่าไปดูดรั้งให้มันอยู่นาน.. อย่าไปผลักต้านให้มันหายไป…
เพราะใจ… จะเป็นทุกข์…
เห็นธรรมชาติของมัน… เห็นตามจริงในความเป็นเช่นนั้นเอง…
ใจก็จะไม่ติดสุข หรือ ติดทุกข์… ใจจะเป็นกลาง.. สงบไม่วุ่นวาย..
ท่ามกลางปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง… มันก็จะเย็นได้อย่างนี้เอง…
ความจริงแล้วพื้นฐานจิตใจของคนเราก็เหมือนกับท้องฟ้า
ที่มักจะสดใสและร่าเริงอยู่เสมอ
เพียงแต่..ในบางครั้งอาจจะมีคนมองว่านิสัยของเราเป็นแบบนั้นหรือแบบนี้ ก็เพราะ..มีเมฆที่บดบังเราอยู่
เมื่อวันหนึ่งที่เราเจอกับบางเรื่องที่เลวร้าย ก็เหมือนกับวันที่ท้องฟ้ามีฝนตก
และเมื่อเมฆฝนผ่านไป เราก็จะเห็นท้องฟ้าที่สดใสเหมือนเช่นเคย…..♥
พุทธศาสนสุภาษิต
เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส
พึงเจริญเมตตา เพื่อละความพยาบาท
ทำบาปด้วยความจำเป็น
ปัญหา บางครั้งบางคราว คนเราจำต้องทำความชั่ว เพราะความจำเป็น เช่น กระทำเพราะเห็นแก่มารดาบิดาผู้มีอุปการคุณ เป็นต้นในกรณีเช่นนั้น จะจัดว่าเป็นบาปหรือไม่?
พระสารีบุตรตอบ “…..ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบิดามารดา นายนิริยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนาหรือว่า เราเป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรมประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบิดามารดา ขอนายนิริยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปสู่นรกเลย หรือมารดาบิดาของผู้นั้นจะพึงได้ตามปรารถนาหรือว่าผู้นี้เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรมประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งการทั้งหลาย ขอนายนิริยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย
“…..ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบุตรและภริยา…. เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกร และคนรับใช้…… เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์……. เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต……. เพราะเหตุแห่งแขก….. เพราะเหตุแห่งปุพพเปตชน…… เพราะเหตุแห่งเทวดา….. เพราะเหตุแห่งพระราชา…… เพราะเหตุแห่งการเลี้ยงกาย…… เพราะเหตุทำนุบำรุงกาย นายนิริยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก……เขาจะพึงได้ตามความปรารถนาหรือว่า เราประพฤติไม่ชอบธรรม…… เพราะเหตุแห่งการเลี้ยงกาย……. ขอนายนิริยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปสู่นรกเลย หรือมารดาบิดาของผู้นั้นจะพึงได้ตามปรารถนาหรือว่าผู้นี้เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม….. เพราะเหตุแห่งการเลี้ยงกาย ขอนายนิริยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย
“…..ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม……. เพราะเหตุแห่งบิดามารดา กับบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา ไหนจะประเสริฐกว่ากัน
“…..ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม เป็นเครื่องให้บุคคลอาจเลี้ยงมารดาบิดาได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่ฯ”
ธนัญชานิสูตร ม. ม. (๖๗๖-๖๘๖)
ตบ. ๑๓ : ๖๒๕-๖๒๙ ตท.๑๓ : ๕๐๙-๕๑๓
ตอ. MLS. II : ๓๗๓-๓๗๕
“การทำความดี”
นั้นอย่าได้คาดหวังคำชื่นชม
หรือคำสรรเสริญเยินยอ ทำแล้วปิติเบิกบานใจเท่านั้นพอ….
เมื่อมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์….
แต่ไม่ใช้โอกาสที่มีนี้สร้างกุศลกรรมความดี….
ช่างน่าเสียเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก….
ท่านเคยสังเกตตนเองไหมว่า ในทุกครั้งที่ท่านทำความชั่วหรือสร้างอกุศลกรรม ท่านจะมีแต่ความไม่สบายใจ หาความสงบสุขไม่ได้เลย แต่ในทางตรงกันข้ามนั้น ในทุกครั้งที่ท่านทำความดีหรือสร้างกุศลกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ท่านจะปิติสุขใจไปตลอดทั้งวัน นึกถึงทีไรก็ชื่นใจเสมอ….
ไม่ว่าเราจะทำอะไร..ก็ยากที่จะถูกใจคนทุกคนได้…ดังนั้นหากเราคิดว่าเราทำความดีด้วยจิตบริสุทธิ์ใครจะพูดอย่างไร..ไม่ต้องสนใจ…ไม่อย่างนั้นเราจะทำความดีเพื่อสะสมบุญบารมีเป็นเสบียงบุญไม่ได้เลย…
หมั่นสร้างสมแต่คุณงามความดีไว้เถิด….
แล้วชีวิตของท่านจะพานพบแต่สิ่งที่ดีงามอันเป็นศิริมงคลแห่งชีวิต…ตลอดไป…
ขอเพียงเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์…
อยู่ในหัวใจ เราย่อมรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยในทุกสถานการณ์เสมอ..
จงอดทน ต่อความทุกข์ยากหรือความลำบาก ด้วยความมานะบากบั่นขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานบนความวิริยะอุตสาหะด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเข้มแข็ง อดทนถึงที่ ได้ดีแน่นอน…
นักปฏิบัติธรรมย่อมมีจิตใจอันประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เห็นใครทำดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ตาม ก็ยินดีกับเขาไปทั้งหมด จะไม่ขัดใคร ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ศาสนาไหน โมทนาบุญกับบุคคลที่ทำความดีทุกคน จะไม่ขัดคอใครเลย…
เมื่อความโลภเดินผ่านมา สติปัญญาและความดีงามมักหายไป พึงระมัดระวัง…
ในทุกครั้งที่ท่านคาดหวัง ท่านมักจะผิดหวังเสมอ การมีชีวิตอยู่โดยไม่คาดหวัง อะไรจะเกิด ก็สามารถยอมรับได้หมดอย่างเข้า
ใจหากใครทำได้ คนคนนั้นจะสงบและไม่ทุกข์เลย…
หากเราไม่ชอบการนินทาว่าร้าย เราก็อย่านินทาว่าร้ายคนอื่น
หากเราไม่ชอบคนมักโกรธ เราก็อย่าโกรธใครๆ
หากเราชอบคนใจดียิ้มแย้มแจ่มใสมีแต่ความเมตตากรุณา เราก็จงเป็นคนเช่นนั้น
หากเราไม่ชอบคนเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว เราก็อย่าทำเสียเอง
ในบางครั้งถ้าเราหาคำตอบที่ดีหรือเหมาะสมไม่ได้ การนิ่งเงียบก็คือทางออกที่ดีที่สุดที่พึงกระทำ…
ชีวิตที่มีความสงบสุข…
ที่แท้จริงคือ”ชีวิตที่อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา”
“มนุษย์จะมีความสงบสุขมากขึ้น หากใส่ใจหรือยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคนอื่นให้น้อยลง แล้วนำเวลามาใส่ใจการเจริญสติหรือภาวนาให้มากขึ้น”
“…เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้
ที่แก้ได้คือตัวเราแก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก
แต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม…”
คำสอน…หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
บุคคลที่มุ่งแต่ทางโลก ย่อมเสาะแสวงหาแต่เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ แบบไม่มีวันสิ้นสุด แต่บุคคลที่มุ่งมาทางธรรมจะไม่ยินดีในลาภยศสรรเสริญเงินทอง สละได้ในทุกสรรพสิ่งอันอุดม
ไปด้วยกิเลสตัณหาด้วยการปล่อยวาง..
อันความดี คนชั่วไม่ทำ….
อันความชั่ว คนดีจะไม่มีวันทำ…
ยิ่งท่านแสดงอาการโกรธหรือด่าว่าหรือนินทาผู้อื่น ท่านยิ่งไร้คนนับถือหรือศรัทธา คนเจ้าปัญญาย่อมนิ่งเงียบสงวนคำ พูดแต่ละคำล้วนมีประโยชน์ จึงมีแต่คนนับถือและศรัทธา..
ท่านเคยสังเกตตนเองไหมว่า ในทุกครั้งที่ท่านทำความชั่วหรือสร้างอกุศลกรรม ท่านจะมีแต่ความไม่สบายใจ หาความสงบสุขไม่ได้เลย แต่ในทางตรงกันข้ามนั้น ในทุกครั้งที่ท่านทำความดีหรือสร้างกุศลกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ท่านจะปิติสุขใจไปตลอดทั้งวัน นึกถึงทีไรก็ชื่นใจเสมอ….