ใครเคยเป็นบ้าง "เริม" โรคกวนใจแต่ไม่อันตราย
โรคเริม มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Herpes Simplex เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส มีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกทำให้เกิดแผลบริเวณ ริมฝีปากทั้งบนและล่างหรือมุมปาก ส่วนประเภทที่สอง มักจะพบบริเวณอวัยวะเพศโดยในที่นี่ เราจะแนะนำให้รู้จักกับโรคเริมชนิดที่ขึ้นอยู่บนริมฝีปาก
โรคเริมที่เกิดบริเวณริมฝีปาก เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex Virus Type I : HSV-I โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายประมาณ 6-8 วัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดตุ่มน้ำพองใสเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 2-10 เม็ด ผู้ป่วยจะมีอาการคันหรือเจ็บยิบ ๆ หรือแสบร้อนรอบ ๆ ตุ่มใส โดยตุ่มเหล่านี้จะรวมตัวกันอยู่บนริมฝีปากประมาณ 1-2 วัน แต่บางรายอาจมีอาการนานถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งต่อมาจะแตกออกเป็นแผลตื้น ๆ หลายแผลติดกัน ตกสะเก็ด และหายไปในที่สุด แต่ไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น โดยโรคนี้เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ทางการสัมผัสโดยตรง เช่น ใช้แก้วน้ำร่วมกัน หรือ การจูบ รวมทั้งการสัมผัสสิ่งของของผู้ที่มีเชื้อด้วย ซึ่งมักพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เชื้อไวรัสเริมไม่สามารถกำจัดได้อย่างเด็ดขาด แต่เชื้อจะมีระยะพักตัว โดยเชื้อไวรัสนี้จะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท และอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเสมอ ในตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นหรือใกล้เคียง
ส่วนสาเหตุการเป็นโรคเริมนั้นอาจเกิดมาจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด วิตกกังวลจากการเรียนหรือการทำงาน หรือในช่วงที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานลดลง ไม่ค่อยสบาย ในรายของหญิงสาวอาจเกิดช่วงระหว่างมีประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยวิธีรักษา มีทั้งยากินและยาทา ยารับประทานมีให้เลือก 3 ตัว คือ Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ไม่ได้ทำให้อาการของโรคหายขาด ใช้เพียงแค่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็นเท่านั้น สำหรับยาทา ช่วยลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็ว ยาที่นิยมใช้คือ Acyclovir แต่ทางที่ดีควรจะพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดโรคนี้ขึ้นดีกว่า.