หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

AK-47 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่รู้ก่อน

โพสท์โดย สุมาอี้

 

1. AK-47 กระบอกแรกถูกผลิตเมื่อปี 1947 และได้รับเข้าประจำการในกองทัพโซเวียตตั้งแต่ปี 1949 โดยผู้ออกแบบ นาย Mikhail Kalashnikov ได้รับรางวัล Stalin Prize และ Red Star จากผลการออกแบบปืนนี้

 

2. AK-47 มีความทนทานสูง สามารถใช้งานได้ในสภาพภูมิอากาศที่เลวร้าย และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ทำให้มันประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง คาดว่าในปัจจุบันมี AK-47 กว่า 100 ล้านกระบอกถูกใช้งานอยู่ทั่วโลก

 

3. ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจาก AK-47 กว่า 250,000 รายทั่วโลก

 

4. ในปัจจุบัน AK-47 ถูกผลิตมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีประเทศจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด

 

5. ต้นทุนของไรเฟิล AK-47 ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่ผลิต โดยต้นทุนที่ต่ำสุดคาดว่าเพียงแค่ 10 ดอลลาร์ หรือ 300 บาทต่อกระบอกเท่านั้น โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่กระบอกละ 100-300 ดอลลาร์

 

6. พ่อแม่ในบางประเทศในทวีปแอฟริกา ตั้งชื่อลูกของตนว่า "Kalash" ซึ่งเป็นชื่อเล่นของปืน AK-47

 

ชายคนนี้ถือAKs47ไปเลี้ยวัวด้วยทุกครั้งรับประกันว่าไม่มีใครกล้าขโมยวัวของเค้าเเน่นอน

 

7. หนังสือพิมพ์ Liberation ของฝรั่งเศสยกให้ AK-47 เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษ ซึ่งสำคัญมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ หรือกระสวยอวกาศเสียอีก

 

ชายคนนี้ถือAK-47ติดดาบปลายปืน

 

AK-47 ปืนยอดนิยมของผู้ร้าย

- เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าปืนเล็กยาวเป็นอาวุธประจำกายของทหารราบ ทหารต้องพึ่งพามันได้ยามเข้าสมรภูมิ ไม่ว่าภูมิประเทศ และภูมิอากาสจะเป็นอย่างไร กลไกของปืนต้องทำงานได้ดีไม่ติดขัด ความขัดข้องแม้เพียงน้อยนิดหมายถึงชีวิตของทหารผู้ถือปืนกระบอกนั้น
- หากมีใครตั้งคำถามว่ามีปืนเล็กยาวแบบนั้นอยู่ในโลกหรือเปล่า คำตอบก็คือมี และมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 
แล้วในชื่อ AK-47 
จากชื่อเต็ม Avtomat Kalashnikova obraztsova:goda 1947 
ในชื่ออันคุ้นเคยว่า “อาก้า”




Mikhail Timofeevich Kalashnikov

บิดาผู้ให้กำเนิดปืน AK-47


- ปืนเล็กยาวจากฝีมือการออกแบบของนายทหารชาวรัสเซียผู้ใช้นามสกุลของตนเป็น ชื่อย่อของปืน ร้อยเอกมิคาอิล คาลาชนิคอฟ ก่อนจะแตกรุ่นออกไปมากมาย และเป็นที่นิยมใช้ในกองทัพทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
- ประวัติศาสตร์หน้าแรกของอาก้าเริ่มขึ้นในดินแดนของศัตรูเมื่อสงครามโลกครั้ง ที่ 2 จากการวิจัยของกองทัพบกเยอรมันที่พบว่าระยะยิงปืนเล็กยาวหวังผลได้ดีที่สุด คือ 300 เมตร ตรงนั้นคือระยะไกลที่สุดที่ทหารมองเห็นด้วยตาเปล่า  และสามารถทำลายเป้าหมายได้ด้วยอาวุธประจำกาย นำกระสุนเข้าสนามรบได้อย่างพอเพียง เพื่อให้ใช้ปืนได้ง่ายมันต้องมีระบบการทำงานไม่ซับซ้อน มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยที่สุดเพื่อง่ายต่อการบำรุงรักษาในสนาม
- ผลการวิจัยของเยอรมันทำให้ต้องรื้อแนวความคิดในการสร้างอาวุธประจำกายทหาร ราบใหม่ทั้งหมดรวมถึงกระสุน เพื่อให้ยิงหวังผลได้ในระยะ 300 เมตร 
กระสุน เดิมขนาด 7.92x57 ม.ม. ของเมาเซอร์ที่ใหญ่ และหนักเกินความจำเป็น
จึงถูก ตัดท้ายให้สั้นลงเป็น 7.92x33 ม.ม. มีชื่อเล่นว่า “คูร์ซ” (Kurz)
ผลพลอย ได้คือราคาถูกลง และผลิตได้มากกว่า




MP44 ต้นแบบของAK47



- ผลการวิจัยของเยอรมันทำให้เกิดปืนเล็กยาวเพื่อรองรับแนวความคิด และกระสุน “ชทวร์มเกแวร์ 44” (Sturmgewehr 44 ชื่อเดียวกับ MP44)  โดยการนำข้อดีของปืนอีกสองสัญชาติมาดัดแปลงคือปืน เชอิ-ริก็อตตี (Cei-Rigotti) ของอิตารี และเฟโดรอฟ อัฟโตมัต (Fedorov Avtomat) ของรัสเซียคู่สงครามในขณะนั้น แล้วผลิตออกมามากในปี ค.ศ. 1944 เพื่อส่งเข้าแนวรบด้านตะวันออกที่ตนกำลังเพลี่ยงพล้ำให้ยันการรุกของกองทัพ แดง
- ถึงจะได้ชื่อว่าผลิตออกมามากเพราะสร้างได้เร็วจาการปั๊มโลหะขึ้นรูป แต่ StG44 ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของสงครามได้ เยอรมันแพ้สงครามในปีถัดมาก็จริง แต่รัสเซียได้รับผลกระทบจากปืนแบบนี้ไปเต็มๆเพราะถูกทิ้งไว้เกลื่อนกลาดรวม ทั้งที่ยึดได้อีกมาก
- โลกคงไม่รู้จัก มิคาอิล คาลาชนิคอฟ หากเข้าเสียชีวิตในสมรภูมิเมืองไบรยันสก์ ปราการขวางกองทัพเยอรมันสู่กรุงมอสโกที่ทหารของกองทัพแดงถูกสังหารถึง 80,000 นาย และอีก 50,000 นาย ตกเป็นเชลย
- คาลาชนิคอฟได้รับบาดเจ็บที่นี่ระหว่างทำหน้าที่ผู้บังคับรถถังในกองพลยาน เกราะที่ 12 ด้วยยศสิบเอก และการเผชิญหน้ากับเยอรมันด้วยยานเกราะ และบางครั้งก็ปะทะกันแบบทหารราบ คาลาชนิคอฟจึงเข้าใจดีถึงความต้องการอาวุธประจำกายของทหาร
- เขาเบนเข็มจากทหารในหน่วยรบสู่นักออกแบบ และพัฒนาอาวุธหลังออกจากโรงพยาบาล ด้วยความคิด่าจะนำประสบการณ์ และความรู้ของตนมาช่วยกองทัพ ให้ทหารมีอาวุธดีๆ ใช้และกองทัพแดงไม่เป็นรองใคร
- อาวุธประจำกายพลิกประวัติศาสตร์ฝีมือ มิคาอิล คาลาชนิคอฟ จึงเกิดขึ้น จากแนวความคิดให้ตอบสนองความต้องการของทหารราบมากที่สุด ต้องผลิตได้เร็วมาก ยิงแม่นพอประมาณด้วยกระสุน  7.62x39 ม.ม. ที่เล็กกว่าแต่ให้แรงขับมากกว่ากระสุนต้นแบบของเยอรมันเล็กน้อย



- ทหารถอดทำความสะอาดได้รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ใช้งานได้ในทุกภูมิประเภท และภูมิอากาศ
- เมื่อปืนเล็กยาว และปืนกลมือในขณะนั้นต่างก็มีข้อดีแตกต่างไป ปืนของ คาลาชนิคอฟ จึงเกิดการนำข้อดีของปืนเหล่านั้นมารวมกันด้วยเดือยเหล็กลำกล้องคู่จาก M1 “กาแรนด์” (Garand) ของสหรัฐ เรือนเครื่องลั่นไก และกลไกนิรภัยจากปืนเล็กยาวเรมิงตันโมเดล 8 และระบบการทำงานด้วยแก๊ซกับรูปแบบการวางเรียงชิ้นส่วนจาก StG44 ของเยอรมัน
- ระบบทั้งหมดถูกนำมายำโดยไม่ต้องคิดค้นอะไรใหม่ให้มากความ
- ถึง คาลาชนิคอฟ จะบอกว่าไม่ได้เอาแนวคิดของเยอรมันมาใช้ (เพราะตอนนั้นเป็นศัตรูกัน ใครจะไปยอมรับว่าเป็นปืนของข้าศึกดีกว่าจนต้องลอกเลียน) แต่หลักฐานที่ปรากฏนั้นเป็นไปคนละทิศละทาง
- AK-47 คล้ายคลึงกับ StG44 เหมือนปืนแบบเดียวกันแต่แตกรุ่น ด้วยพานท้ายไม้ลาดต่ำโครงปืนเหล็กปั๊มขึ้นรูป ซองกระสุนโค้งเพื่อจุกระสุนได้มาก ทำงานด้วยแรงดันแก๊ซผลักลูกเลื่อนถอยหลังคัดปลอก มีคันบังคับการยิงอยู่ด้านขวาของตัวปืนเหมือนกัน
- ทั้งที่ปืนเล็กยาวของค่ายตะวันตก และสหรัฐฯต่างวางตำแหน่งกึ่งอัตโนมัติ (semi) ให้เลือกยิงได้ก่อนอัตโนมัติ (auto) แต่คาลาชนิคอฟกลับเลือกระบบของการยิงปืนตนเองกลับข้างกัน  ให้เลือกยิงอัตโนมัติได้ก่อนผลักสวิชท์ไปยิงกึ่งอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อให้กลุ่มกระสุนกดหัวข้าศึกไว้ก่อนแล้วจึงเปลี่ยนระบบการ ยิง
- เป็นการเลือกระบบการยิงที่ฉลาด และเป็นไปตามสถานการณ์จริง
- เมื่อเกิดเหตุการณ์ขับขันทหารมักเลือกยิงอัตโนมัติให้กลุ่มกระสุนกดหัวฝ่าย ตรงข้ามไว้ก่อนจะเข้าที่กำบัง และเล็งประณีตต่อด้วยระบบกึ่งอัตโนมัติ
 - แนวคิดเริ่มต้นของ AK-47 เกิดขึ้นในปลายปี ค.ศ. 1941 จริง แต่กว่าจะพัฒนา และทดสอบจนพอใจได้ ก็ล่วงถึง ค.ศ. 1944 กว่าจะชนะการประกวดให้เป็นปืนในโครงการทดลองของกองทัพโซเวียตได้ต้องใช้เวลา อีกสองปี และถัดมาอีกปีคือ ค.ศ. 1947
- มันจึงได้เข้าประจำการในฐานะอาวุธประจำกายทหารบางหน่วย ก่อนจะประจำการในฐานะอาวุธพื้นฐานของทหารราบทั้งหมดของโซเวียตในปี ค.ศ. 1949 ตามด้วยกลุ่มประเทศกติกาสัญญาวอร์ซอร์ และบริวาร
- มีให้เลือกทั้งแบบพานท้ายไม้ปกติสำหรับหน่วยรบภาคพื้นดิน และพานท้ายเหล็กพับเก็บได้เพื่อความคล่องตัวสำหรับทหารประจำยานรบ และหน่วยรบพิเศษ ก่อนจะแตกรุ่น และแบบออกไปปอีก
- ความโดดเด่นของ AK-47 นอกจากที่กล่าวข้างต้น คือมันราคาถูก ถอดรื้อทำความสะอาดชิ้นส่วนง่ายแม้ทหารสวมถุงมือ เพื่อตอบสนองความต้องการของทหารโซเวียตที่ประจำการในเขตอากาศหนาวของรัสเซีย และขั้วโลกเหนือส่วนใหญ่




ทหารหน่วยพิเศษของรัสเซียSpetnaz กับDragunov SVD



- การสร้างให้ลูกสูบใหญ่มีช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนเคลื่อนไหวหลวมๆ และปลายปลอกกระสุนเรียวแหลม (เป็นเหตุให้ต้องสร้างซองกระสุนโค้งรับสรีระของกระสุน) ทำให้ปืนทนทานต่อสิ่งแปลกปลอมที่พยายามแทรกตัวเข้าสู่กลไก
- มันจึงทำงานได้เป็นปกติแม้หลังจากการแช่น้ำ หมกโคลน หรือฝังทรายไว้ครั้งละหลายๆวันบางครั้งนานเป็นเดือน ขุดขึ้นมายิงกลไกยังทำงานได้เรียบร้อยเหมือนใหม่
- ทั้งที่ดูแลง่าย ซ่อมง่าย ทนทานไม่เกี่ยงลมฟ้าอากาศ แต่ AK-47 ก็มีจุดอ่อนคือความแม่นยำต่ำ เป็นผลจากการประกอบชิ้นส่วนไว้หลวมๆ แสดงถึงแนวความคิดของทหารราบโซเวียตขณะนั้น ที่มุ่งใช้ปืนเล็กยาวยิงกดเพื่อคลุมพื้นที่เป็นหลักก่อนการเคลื่อนที่ของ หน่วยรบ และเป็นไปตามหลักนิยมของกองทัพโซเวียตตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ว่า “ปริมาณคือคุณภาพ”
- ปรัชญานี้สะท้อนให้เห็นด้วยการเน้นปริมาณยุทโธปกรณ์แบบต่างๆ นอกจากปืน เช่น รถถัง เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ และอื่นๆ
- ประมาณว่าปัจจุบันมี AK-47 อยู่กว่าร้อยล้านกระบอกทั่วโลกทั้งจากโรงงานในโซเวียต(ในอดีต) และ (รัสเซีย) ปัจจุบันเฉพาะที่มีซีเรียลนัมเบอร์จากโรงงานในรัสเซียประมาณ 10 ล้านกระบอก นอกเหนือจากนั้นคือ การผลิตภายใต้สิทธิบัตรในจีน, ยูโกสลาเวีย, สาธารณรัฐเช็ก และรัฐที่เคยอยู่ใต้อาณัติของโซเวียต
- ปัจจุบันนอกจากรัสเซีย, จีน และประเทศในกลุ่มกติกาสัญญาวอร์ซอว์ AK-47 ยังมีใช้งานในกองทัพทั่วโลก ที่พบเป็นหลักคือ เป็นอาวุธประจำกายของกองโจรต่างๆ  และผู้ก่อการร้ายโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง เป็นที่นิยมเพราะลูกสูบของปืนแบบนี้ไม่กลัวทรายใช้งานในทะเลทรายได้โดยไม่ ต้องปรนนิบัติมาก
- ใครที่เคยสัมผัส AK-47 จริงๆมาแล้วจะพบว่าหลังจากเปิดโครงปืนด้านบนดูกลไกแล้วแทบไม่พบชิ้นส่วน เคลื่อนไหวใดๆเลย มันประกอบขึ้นด้วยเหล็กเพียงไม่กี่ชิ้น สปริงลูกสูบ และลำกล้อง แต่ใช้งานได้ลื่นไหลไม่ติดขัด
- เพราะความง่ายนี้เองกองกำลังส่วนใหญ่ที่ไม่เน้นการฝึกยุทธวิธีจริงจังแต่ เน้นปริมารหน่วยติดอาวุธ จึงนึกถึงมันก่อนปืนแบบอื่น

 

- ในตลาดอาวุธปัจจุบันนี้ถือว่า AK-47 เป็นที่ต้องการของนักรบ และนักสะสม ราคาค่างวดของมันมีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยจนถึงหลักแสนดอลลาร์ AK-47 เคลือบทองคือปืนประจำตัวของ ซัดดาม ฮูเซน ส่วนรุ่นลำกล้องตัดสั้นพับฐานคือปืนที่เห็นได้บ่อยๆในภาพข่าว วีดีโอ ของ โอซามา บิน ลาเดน ที่ปรากฏเป็นฉากหลังของผู้นำกลุ่มก่อการร้ายตัวกลั่นคนนี้บ่อย จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้า

 

 

- ย้ำเตือนให้นึกถึงกลุ่มอัล-ไคดา, กองกำลังทาลีบัน และความรุนแรงอื่นๆในตะวันออกกลาง ถ้าเข้าช่องทางถูกถึงไม่ใช่ทหารก็อาจหาซื้อมันได้แถบตะเข็บชายแดน ในราคาเพียงกระบอกละ 2,000-5,000 บาทตามสภาพ
- AK-47 จึงเป็นอาวุธประจำกายทหารราบจริงๆ เท่าที่โลกเคยรู้จัก เล็งง่าย ยิงง่าย แทบไม่ต้องดูแลรักษา นอกจากถอดชิ้นส่วนมาหยอดน้ำมัน และเช็คเป็นครั้งคราว คว้าขึ้นมาดึงคันรั้งลูกเลื่อนแล้วยิงได้เลยแทบไม่ต้องคิด อายุใช้งานแต่ละกระบอกยาวนาน 20-40 ปี
- คุรสมบัติของปืนดังกล่าวนั้นถือว่าไม่เกินจริงเลย เมื่อวัดปริมาณอันมหาศาลของมันในกองทัพทั่วโลก เป็นปืนของทหารราบเพื่อทหารราบ ออกแบบโดยทหารแท้ๆ ตอกย้ำความหมายนี้หนักแน่นด้วยคำพูดของ มิคาอิล คาลาชนิคอฟ ครั้งหนึ่งว่า..





“ทหาร โซเวียตหลายคนเคยถามผมเรื่องการออกแบบ และสร้างปืนใหม่ขึ้นมา  เป็นคำถามที่ตอบยากเพราะปืนแต่ละแบบ ย่อมมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้คือ ก่อนจะสร้างปืนใหม่ขึ้นมาสักแบบ การเข้าใจระบบการทำงานของปืนเก่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ประสบการณืหลาๆครั้งของผมได้แสดงให้เห็นแล้วว่าจริง”
- คำพูดของคาลาชนิคอฟ เป็นจริงหรือไม่ ประวัติอันโชกโชนของ “อาก้า” ได้พิสูจน์ตัวเองชัดแล้ว

 

 

 


 

พรีเซนเตอร์ชื่อดังกะ AK47 U/AKs47

Eนี้ใช้มาเเล้วนายจ๋ารัวหูดับตับไหม้เลยน่ะนายจ๋า

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
สุมาอี้'s profile


โพสท์โดย: สุมาอี้
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
64 VOTES (4/5 จาก 16 คน)
VOTED: thanatan, B NuttiCha, Marcus, kleoland, นายกระดุ๊บ, njack, d o k a p o n, rawi
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
โรงแรมขนาดใหญ่ที่สุด และมีจำนวนห้องมากที่สุดในประเทศไทยรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แป๊บเดียวก็เป็นวันพุธแล้ว อีกสองวันก็จะได้พักแล้วน๊าเตือนเเรง 4 ปีชง 2568 โดย ริว จิตสัมผัส! ความท้าทายที่ต้องระวังให้ดีในปีนี้"กานต์" เมีย "เสก โลโซ" ลั่น! "เบิร์ด ธงไชย" ไม่ใช่พ่อ..เพราะ Gู คือชาวร็อคสื่อเยอรมันลงข่าวนายกแพทองธาร ชีวิตติดหรูกระเป๋าแบรนด์เนม 200 ใบ เเละทรัพย์สินระดับพันล้านดวงดีปี 2568: หมอช้างเผย 5 ราศีดวงเด่น การงานรุ่ง และโชคดีตลอดปี!ระทึกกลางพิษณุโลก! ไล่ล่าผู้ต้องหาค้ายๅ พุ่งชนรถแม่ "ตั๊ก ลีลา" เสียหายเจ้าของบ้านผวา! ซักผ้าเจองูสิงดงยักษ์ ซุกราวตากผ้า กู้ภัยจับมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ที่จะลดการเซ็นเซอร์เนื้อหาบน Facebook และ Instagramประเทศที่มีพื้นที่ป่าไม้ หนาแน่นมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลกตกต่ำรถ EV จีน ??!! ไม่มีแบตเตอร์รี่ให้เปลี่ยน วิ่งลดลงเหลือ 40 กม. จากเดิม 401 กม. ภายใน 1.5 ปีทะเลไทยโคตรแจ่ม สาวอังกฤษใจละลาย ยกให้ไทยชนะฟิลิปปินส์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ความจริงอันโหดร้าย เกี่ยวกับผู้หญิง"กานต์" เมีย "เสก โลโซ" ลั่น! "เบิร์ด ธงไชย" ไม่ใช่พ่อ..เพราะ Gู คือชาวร็อคเจ้าของบ้านผวา! ซักผ้าเจองูสิงดงยักษ์ ซุกราวตากผ้า กู้ภัยจับมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ที่จะลดการเซ็นเซอร์เนื้อหาบน Facebook และ Instagramเตือนเเรง 4 ปีชง 2568 โดย ริว จิตสัมผัส! ความท้าทายที่ต้องระวังให้ดีในปีนี้มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ Facebook และ Instagram จะเลิกเซ็นเซอร์ เพราะเรากำลังอยู่ในโลกยุคใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่