หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รักจำพรากหลังวังมังกร

โพสท์โดย mata

"ฝ่าบาท หม่อมฉันในชาติหน้าขอมีวาสนาให้พบพระองค์อีก".....

คนที่เป็นถึงสมเด็จพระมเหสี น่าจะมีอำนาจวาสนายิ่งใหญ่ จนสามารถแผ้วถางทางเดินชีวิตของตนเองให้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่สำหรับสมเด็จพระมเหสีเจิน แห่งราชวงศ์แมนจู ตำแหน่งมเหสีกลับเป็นเพียงสายลมวูบเดียวที่ผ่ผิดสมัยานมาแล้วก็ผ่านไป ความผิดหนึ่งเดียวของพระนางอยู่ที่เลือกเกิดผิดยุคผิดสมัยไปเกิดในสมัยที่ ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงชื่อ "พระนางซูสีไทเฮา"


พระสนมเจินเฟย ประสูติเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2419 ทรงเป็นพระสนมตั้งแต่มีชันษาได้เพียง 13 ปี พร้อมกับพี่สาวอีกคนหนึ่งชื่อว่าพระสนมจิน สภาพการของราชวงศ์ชิงในเวลานั้น มีซูสีไทเฮาทรงกุมอำนาจการปกครองเอาไว้ทั้งหมด หลังจากที่จักรพรรดิถงจื้อ จักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ลง พระนางซูสีก็ได้เลือกองค์ชายกวางสู หลานชายแท้ๆ ของตัวเองซึ่งอายุเพียง 3 ขวบ มาสถาปนาเป็นจักรพรรดิ โดยมีตัวพระนางเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

จนกระทั่งจักรพรรดิกวางสีมีพระชนมายุ 16 พรรษา ตามราชประเพณีถือว่าทรงบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายแล้ว พระนางซูสีไม่มีทางเลือก จึงจำต้องยอมให้มีพิธีขึ้นครองราชย์สมบัติอย่างเป็นทางการ แต่ลับหลังก็ยังไม่วายกุมบังเ...ยนอำนาจไว้คนเดียวเหมือนเดิม อำนาจของพระนางซูสีที่มีเหนือองค์จักรพรรดิ กินความไปถึงทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือการมุ้ง อย่างเมื่อองค์จักรพรรดิจะถึงวัยที่จะมีฮองเฮา พระนางไทเฮาก็ทรงจัดแจงคัดเลือกกุลสตรีไฮโซจากตระกูลสูง 3 นางที่พระนางซูสีเลือกมา คนหนึ่งเป็นหลานสาวของพระนางเอง หรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของจักรพรรดิกวางสีนั่นล่ะ นามว่าคุณหนูหรงยู่ ส่วนอีกสองคนเป็นคุณหนูจากสกุลตาตาลา ได้แก่ พระสนมเจิน และพระสนมจิน สองศรีพี่น้อง

จักรพรรดิกวางสีทรงพอพระทัยในความงามของสนมเจินมาก แต่ก็จำต้องเลือกหรงยู่เป็นฮองเฮาตามใบสั่งของพระนางซูสี แต่เมื่ออภิเษกเรียบร้อยแล้ว องค์จักรพรรรดิก็แทบไม่ได้เสด็จไปหาฮองเฮาเลย เพราะความรักทั้งหมดของพระองค์มีให้สนมจินเพียงคนเดียว พระสนมเจินนั้นทรงมีสิริโฉมงดงามมากถึงขนาดมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า "พระสนมไข่มุก" แต่เสน่ห์ที่แท้จริงของนางอยู่ที่ความฉลาด มีหัวคิดก้าวหน้า สนใจการศึกษาแผนใหม่ของตะวันตก นางกลายเป็นแรงผลักดันให้จักรพรรดิกวางสี ทรงหันมาเรียนรู้วิชาการปกครองของตะวันตกไปด้วย ในวังต้องห้ามที่ไม่เคยต้อนรับชาวต่างชาติ ก็เริ่มมีชาวตะวันตกเข้ามาสอนวิทยาการใหม่ๆ ให้องค์จักรพรรดิ ผ่านการแนะนำของพระสนม

แต่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ โดยเฉพาะเสือสาวที่ต้องใช้สามีร่วมกัน เมื่อฮ่องเต้ไปขลุกอยู่กับเมียอื่นทั้งวัน ไม่หันมาสนใจไยดีตัวเองเลย ฮองเฮาหรงยู่ก็ทนอกไหม้ไส้ขมอยู่ไม่ไหว จึงเสด็จไปฟ้องพระนางซูสีไทเฮา พร้อมกับไส่ไฟเมียน้อยไปชุดใหญ่ หารู้ไม่ว่าพระนางซูสีนั้นทรงรอเวลาจะยุยงให้ผัวเมียเขาแตกคอกันอยู่แล้ว เมื่อฮองเฮาเอาโอกาสใส่พานมาถวายถึงที่ พระนางไทเฮาก็รีบสานต่อ จัดการปั่นหัวจนฮองเฮาหรงยู่น้อยเนื้อต่ำใจ คิดชิงชังความลำเอียงของพระสวามี จนตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ภักดีกับผู้ชายใจดำคนนี้อีกต่อไป

ที่ซูสีไทเฮาทรงทำอย่างนี้เพราะรู้ดีว่าอำนาจอันหอมหวานที่เชยชมอยู่ทุก วันนี้ ไม่ได้เป็นของพระนางอย่างแท้จริง วันไหนจักรพรรดิกวางสีปีกกล้าขาแข็ง ก็อาจจะร่วมแรงร่วมใจกับฮองเฮา ลุกขึ้นมาทวงบัลลังก์มังกรคืนไปก็ได้ พระนางจึงต้องหาทางริดรอนแขนขาขององค์จักรพรรดิเสียก่อน ด้วยการยุแยงตะแคงรั่วให้ผัวเมียเป็นศัตรูกัน หลังจากนั้น หรงยู่ฮองเฮาก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระสวามี คอยเอาความเคลื่อนไหวขององค์จักรพรรดิไปทูลพระนางซูสีไทเฮาอยู่ทุกฝีก้าว

แต่ด้วยความที่เป็นเมีย จะอย่างไรก็อดหึงผัวไม่ได้ เวลาจักรพรรดิกวางสีไม่อยู่ ฮองเฮาหรงยู่ก็มักจะเสด็จไปกระแนะกระแหนพระสนมเจิน เพื่อระบายไฟแค้นที่สุมอกอยู่เป็นประจำ แต่ปะเหมาะเคราะห์ร้าย วันหนึ่งทนงมัวแกล้งเพลินจนลืมเวลา บังเอิญจักพรรดิกวางสีเสด็จมาหาสนมสุดที่รักพอดี จึงได้เห็นเหตุการณ์เมียหลวงปะทะเมียน้อยเข้าเต็มสองตา ปกติจักรพรรดิกวางสีเกรงใจฮองเฮามาก ในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันและเป็นคนโปรดของพระนางซูสีไทเฮาด้วย แต่คราวนี้ทรงกริ้วจัดที่คนรักถูกรังแก เลยลืมตัวตบฮองเฮาไปฉาดหนึ่ง เรื่องนี้ยิ่งทำให้ฮองเฮาทรงหมดเยื่อใยในพระสวามี และเข่นเขี้ยวว่าจะเป็นศัตรูกับองค์จักรพรรดิให้ถึงที่สุด

มาถึงปี 1894 จักรพรรดิกวางสีทรงมีพระชนมายุ 18 ชันษาแล้ว แต่ซูสีไทเฮาก็ยังกดพระองค์ไว้ใต้ฝ่าเท้าไม่เลิก องค์จักรพรรดิกับพระสนมเจินจึงแอบคิดกันว่าจะก่อรัฐประหารแย่งอำนาจการ ปกครองกลับมาเสียที แต่ความลับในวังมังกรไม่เคยเป็นความลับ แผนการดำเนินไปได้แค่ 100 วัน ก็ถูกหูตาสับปะรดของพระนางซูสีไทเฮาพบเข้าจนได้ ซูสีไทเฮารีบเสด็จมาตำหนักของพระสนมเจิน ด่าทอบริภาษต่างๆ นานา ในข้อหาที่บังอาจยุยงให้จักรพรรดิแข็งข้อกับพระาง จากนั้นก็รับสั่งให้ขันทีโบยสนมเจินจนแตกยับทั้งตัว แล้วจับไปขังไว้ในตำหนักเย็น ให้ประทับอยู่ในห้องเล็กๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มีช่องให้ส่งข้าวส่งน้ำพอไม่ให้อดตายช่องเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่นั้น สนมเจินกับจักรพรรดิกวางสีก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย...ตราบชั่วชีวิต

องค์จักรพรรดิทรงขมขื่นพระทัยมากที่ต้องพรากจากคนรัก ทรงโทษตัวเองที่เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ แต่กลับเป็นได้แค่...ระดาษไม่มีอำนาจจะไปบังคับบัญชาใคร แม้แต่ผู้หญิงที่ทรงรักสุดหัวใจก็ยังปกป้องคุ้มครองไม่ได้ และตัวพระองค์เอง หลังจากแผนการล่มก็ถูกซูสีไทเฮากักให้อยู่แต่ในตำหนักมีสภาพไม่ต่างจากนัก โทษชั้นดีคนหนึ่งเท่านั้น สองหนุ่มสาวถูกขังอยู่อย่างนั้นถึง 6 ปีเต็ม จนกระทั่งปี 1900 ราชวงศ์ชิงต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองรอบด้าน ทั้งจากประชาชนที่ทนระบบการปกครองหัวโบราณไม่ไหว และจากรุกรานของชาติตะวันตก ในที่สุดพระนางซูสีก็จำต้องเสด็จหนีจากเมืองหลวงไปประทับที่เมืองซีอานชั่ว คราว แต่ก่อนจะไปก็ทรงไม่วายคิดถึงอดีตเสี้ยนหนามที่ชื่อสนมเจินขึ้นมาได้ จึงรับสั่งให้เบิกตัวนางมา ตรัสว่า "เมื่อแรก เราตั้งใจจะนำเจ้าไปกับเราด้วย แต่เจ้านั้นยังอ่อนวัยและจิ้มลิ้มนัก เกรงว่าจะถูกพวกทหารต่างชาติกระทำทารุณข่มขืนเอาได้ ดังนั้น เราเชื่อว่าเจ้าคงเข้าใจว่า ควรทำเช่นไรต่อไป"

คำที่คนที่มีชีวิตอยู่ในวังต้องห้ามทุกคนกลัวที่สุด ก็คือคำว่า "เจ้าคงเข้าใจว่าควรทำเช่นไรต่อไป" นี่ล่ะ พอพระสนมเจินได้ยินรับสั่งก็เข้าใจได้ทันทีว่า พระนางซูสีต้องการให้นางฆ่าตัวตายเสียเอง ให้หมดเรื่องหมดราว เหตุการณ์ตอนนี้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนเขียนไว้ไม่อยจะตรงกันนัก บ้างก็ว่าพระสนมเจินยอมรับชะตากรรมอย่างสงบ แต่ก่อนจะตายนางได้ขอร้องให้พระนางซูสีทรงปล่อยจักรพรรดิกวางสีเป็นอิสระ ทำให้พระนางกริ้วมาก มีรับสั่งให้ขันทีจับสนมเจินโยนลงไปในบ่อน้ำนอกตำหนักหนิงเซี่ย แต่บางบันทึกก็บอกว่า สนมเจินไม่ยอมตายง่ายๆ ทรงลุกขึ้นมาด่าว่าพระนางซูสีเสียไม่มีดี และยังตะโกนร้องหาจะพบหน้าจักรพรรดิกวางสีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกขันทีรุมจับตัวโยนลงบ่อไป

ก่อนจะถูกทิ้งลงบ่อ สนมเจินได้ตรัสอาลัยถึงชายคนรักว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันในชาติหน้าขอมีวาสนาให้พบพระองค์อีก" ส่วนองค์จักรพรรดิก็เป็นนักโทษของพระนางซูสีไทเฮาอีกหลายปี และในที่สุดก็ถูกพระนางวางยาพิษสิ้นพระชนม์ในตำหนักความรักของสองหนุ่มสาว ที่เกิดมาอย่างสูงส่ง แต่อาภัพวาสนาจึงต้องจบลงอย่างแสนเศร้า แต่ยืนยงในฐานะตำนานรักที่ลูกหลานจีนรุ่นหลังยังเล่าขานกันมาถึงทุกวันนี้

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
100 VOTES (4/5 จาก 25 คน)
VOTED: Saisiamasia, PRP, B u s, โก๊ะทอง, Art peter, Crystal Maiden, บางครั้งฟังแจ๊ซ, jarasporn, sweet eyes, amzabzaa, Tikker, aominroom, ลูกเป็ดยักษ์พเนจร, Phunnuch, ดีเจ ซูกัส, ปุ้มได้ไหม, Darius, rawi, เคโร๊ะ เคโร๊ะ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เพชรปากปลาร้าหน้าเป๊ะ ลองทาลิปสติกบนปาก ทำเอาทัวร์ลงสนั่น ร้านค้ารับเรื่อง สั่งให้โละยกแผงเลย!เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!
ตั้งกระทู้ใหม่