ทัศนคติของแม่พลอยในสี่แผ่นดินต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้านาย
ในเรื่อง "สี่แผ่นดิน" ตัวละครของพลอย คือ ตัวแทนของผู้ถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีสิ่งใดที่จะมากระทบต่อความศรัทธา และความรักที่พลอยมีต่อเจ้าเหนือชีวิตของตนได้เลย
ครั้งหนึ่ง "คุณเปรม" คุยกับพลอยเรื่องการถวายตัวกับพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระคู่หมั้นในรัชกาลที่ 6
"แม่พลอย ไม่คิดเข้าเฝ้าถวายตัวพระวรกัญญากับเขาบ้างหรือ"
"อย่าเพิ่งเลยคุณเปรม" พลอยตอบ "ฉันเคยเห็นของอย่างนี้มามาก รอๆไว้ก่อนเถิด"
คุณเปรมสั่นหัวช้าๆ มองดูหน้าพลอยแล้วก็พูดขึ้นอย่างหนักใจว่า
"แม่พลอยนี่ทำไมชอบเป็นคนขืนโลกเสียจริง"
แต่พลอยตอบคุณเปรมได้อย่างน่าประทับใจว่า
"ไม่ใช่ฉันขืนโลกหรอกคุณเปรม" พลอยตอบอย่างอารมณ์เย็น "แต่ฉันไม่ชอบคนหัวประจบ เมื่อไม่ชอบแล้ว ก็ไม่อยากทำเอง คนที่วิ่งเข้าประจบผู้มีบุญวาสนานั้น ฉันเคยเห็นมาแล้วหนักต่อหนัก แต่ฉันรู้ว่าไม่มีความจริงใจอะไร เวลามีบุญก็เข้าหา หมดบุญก็หายหน้าไปตามๆกัน คนที่จะมาเป็นพระมเหสีเทวีต่อไปนั้น ถึงอย่างไรคนอย่างคุณเปรม อย่างฉันก็จะต้องเป็นข้าท่านอยู่วันยังค่ำ เพราะเราไม่ได้เป็นข้าแต่ตัว แต่เป็นมาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย เมื่อเราเป็นข้าในหลวง เราก็ต้องเป็นข้าลูกเมียของท่าน ฉันยังไม่เห็นจำเป็นจะต้องเข้าไปถวายตัว เป็นขององค์นั้นองค์นี้แต่เจ้าของเดียว"
"คนที่จะมาเป็นพระมเหสีเทวีต่อไปนั้น ถึงอย่างไรคนอย่างคุณเปรม อย่างฉันก็จะต้องเป็นข้าท่านอยู่วันยังค่ำ เพราะเราไม่ได้เป็นข้าแต่ตัว แต่เป็นมาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย เมื่อเราเป็นข้าในหลวง เราก็ต้องเป็นข้าลูกเมียของท่าน ฉันยังไม่เห็นจำเป็นจะต้องเข้าไปถวายตัว เป็นขององค์นั้นองค์นี้แต่เจ้าของเดียว"
แอบมาฟัง แม่ช้อยกับแม่พลอย จากเรื่อง "สี่แผ่นดิน" กระซิบกันเรื่องเจ้านายพระองค์หนึ่งทรง "ตก" เสียแล้ว สำหรับคนอย่างเราๆ อาจดูเป็นเรื่องชวนให้ตื่นๆ อยู่บ้าง แต่สำหรับสาวชาววังสองคนนี้ ดูเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินสำหรับราชสำนักฝ่ายใน
"พลอยได้ยินเรื่องอะไรหรือยัง มีคนเขามาเล่าให้ฟังเมื่อเช้านี่เอง"
"เรื่องอะไรช้อย" พลอยถาม "ฉันอยู่แต่กับบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรกับเขาหรอก"
"อ้าวก็เรื่องพระวรกัญญาอย่างไรล่ะ" ช้อยลดเสียงลงเป็นกระซิบ "เขาลือกันว่าตกเสียแล้ว ในหลวงท่านทรงถอนหมั้น"
"จริงหรือนี่ !" พลอยยกมือลูบอก แล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความสนใจ "ก็ไหนเตรียมกันว่าจะอภิเษกเป็นงานใหญ่ เห็นคุณเปรมว่า จะถึงเชิญเจ้าฝรั่งมังค่าเข้ามาในงาน ยังไม่ทันไรเลยตกเสียแล้วหรือ ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยช้อย"
"คนที่เขามาเล่าเขาว่าจริงนะพลอย" ช้อยตอบ "เขาว่าเขารู้มาจากข้างในสุดทีเดียว ยังไม่มีใครรู้กัน เท่าไรหรอก"
"บางทีท่านจะกลับดีกันได้กระมังช้อย" พลอยพูดอย่างมีหวัง "ก็คงเหมือนสมัยเราน่ะแหละ ประเดี๋ยวก็โปรดองค์โน้น ประเดี๋ยวก็โปรดองค์นี้ ประเดี๋ยวคนนั้นก็ขึ้น แล้วก็ตก แล้วก็กลับขึ้นอีก"
"ก็แต่ก่อนนี้ท่านหมั้นกันอย่างเดี๋ยวนี้เสียเมื่อไรล่ะ" ช้อยพูด
"คนเคยเห็นๆ เดินกระทบไหล่กันอยู่ พอเราเผลอๆไปหน่อยเดียว กลายเป็นเจ้าจอมไปแล้วก็มี แต่ก็ดีไปอย่างหนึ่ง ที่พอเป็นเจ้าจอมแล้ว ต่อไปถึงจะขึ้นจะตกก็ยังเป็นเจ้าจอมอยู่นั่นเอง เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ท่านมีหมั้นมีหมายกัน ไม่ได้เรียกขึ้นเองง่ายๆเหมือนสมัยเรา ฉันไปกินใจอีตรงคำว่าหมั้นนี่แหละพลอย ถ้าท่านถอนหมั้นแล้วก็คงแปลว่าเลิกเลย ไม่ขึ้นระวางอย่างแต่ก่อน"
"จริงซีช้อย" พลอยปรารภขึ้น "คิดๆไปฉันก็สงสาร เพราะฉันเห็นว่า พระวรกัญญาท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ดี น่านับถือ กราบไหว้ลง ต่อไปนี้จะเป็นอย่างไรกัน"
"ข้อนั้นพลอยไม่ต้องวิตกไปหรอก" ช้อยตอบยิ้มๆ "คนที่เขาเล่าให้ฉันฟังเขาบอกด้วยว่าถึงองค์นี้จะตก อีกองค์หนึ่งก็กำลังขึ้น"
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ในบางประเด็นในทางที่ไม่เหมาะสม ที่ผมยกบทสนทนานี้ขึ้นมา ก็เพื่อจะแสดงให้หลายๆ ท่านเห็นว่า เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในพระราชสำนักมาตั้งแต่อดีต มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ หรือไม่มีแบบอย่างธรรมเนียมมาก่อน หรือเป็นเรื่องที่จะต้องตีโพยตีพายกันให้วุ่นวาย เพียงแต่เราเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในพระราชสำนักแล้ว ก็จะได้ปล่อยวาง และเข้าใจธรรมดาของโลกว่า มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ และกงล้อแห่งประวัติศาสตร์มักจะหมุนกลับมาเสมอ
* ขออนุญาติปิดคอมเม้นท์ *
เรื่องเล่าของรอยใบลาน