ฟูลมูนปาร์ตี้เป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งของไทย ใครได้ประโยชน์?
ฟูลมูนปาร์ตี้ เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ไร้ความเป็นอารยะแบบหนึ่ง ซึ่งเชิดหน้าชูตาประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
ฟูลมูนปาร์ตี้ คืออะไร?
จะอธิบายง่ายๆให้เห็นภาพก็คือ การจัดงานรื่นเริง เปิดเพลงเสียงดังคับหาด ให้คนมากินเหล้า เมาหยำเป แล้วกิจกรรมเสื่อมๆ อย่างอื่นก็จะตามมา แล้วแต่เบื้องลึกของกมลสันดานคนที่มาท่องเที่ยว จะนำพาไป ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด เซ็กส์เพื่อความสนุกชั่วคืน ทะเลาะเบาะแว้ง อาชญากรรม แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลจากเม็ดเงินท่องเที่ยว นับวันจึงยิ่งมีการฉายภาพ นำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจของ ฟูลมูนปาร์ตี้ แบบปากต่อปาก หรือจนกระทั่งสร้างคลิปวีีดีโอ อันหน้าตื่นตาตื่นใจ เพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยเบื้องหลังเกิดจากกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งมากและน้อย ไม่ว่าจะเป็นบรรดาบริษัทเหล้าเบียร์เครื่องดื่มมึนเมา
ร้านค้า หน่วยงานรัฐบาล ต่างร่วมมือกัน โหมและกระตุ้นให้กระแสฟูลมูนปาร์ตี้ แพร่กระจายไปทั่ว จนทั่วโลกได้รับรู้แล้วว่า ถ้าอยากเมา อยากมั่วเซ็กส์ อยากมั่วยา อยากมันส์หลุดโลก ต้องมาที่ ฟูลมูนปาร์ตี้ ประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว มีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่คงไม่ได้ว่าความว่าเราจะยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เรายกย่องบูชาแทบจะกราบไหว้ ให้มาทำอะไรตามอำเภอใจ ประเทศไทยเรามีศิลปะแลัววัฒนธรรมที่แสดงความเป็นอารยะ ที่ฝรั่งทั่วโลกแอบอิจฉาเงียบๆ แต่น่าเสียดายการท่องเที่ยวแบบนี้ มันทำกำไรได้น้อย มันไม่เหมือนกันขายเหล้ายาปลาปิ้ง หรือขายเนื้อสด มันทำกำไรเยอะกว่า ผู้บริหารประเทศก็เลยต้องปล่อยให้มันเลยตามเลย หารู้ไม่ว่า เม็ดเงินที่ได้รับเข้ามาจากการท่องเที่ยวแบบเสื่อมๆ มันไม่คุ้มเลยกับความเสียหาย ที่จะต้องไปเยียวยาในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็กและเยาวชน ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาอาชญกรรม และ อื่นๆอีกมากมาย
ประเทศไทยจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลบางที่อาจมากกว่ารายได้ ซึ่งเกิดจากการท่องเที่ยวด้วยซ้ำไป เพื่อที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้
ดังนั้น เราควรจะลดความสำคัญของการเที่ยวประเภท 3S คือ Sun Sound และ Sex ให้ลดลง และหมดไปในที่สุดให้ได้ แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในรูปแบบนี้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ โดยมีการให้ความเข้าใจ เพื่อการเตรียมตัวปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลที่กำลังดำเนินการปฏิรูปประเทศอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีศักยภาพพอที่จะดำเนินการแก้ไข และวางมาตรการป้องกันมิให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก ซึ่งมีแนวทางดังนี้
1. กำหนดแนวทางการพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยใหม่ เน้นการท่องเที่ยวแบบอารยะ สร้างสรรค์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
2. ศิปลปะและวัฒนธรรมของชาติ คือจุดแข็ง และจุดขายที่จะต้องส่งเสริม ผลักดัน ไม่ใช่การขาย เหล้า ยา เซ็กส์ เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับเอกชน โดยเฉพาะพวกบริษัทเหล้านี่แหละตัวดี
3. ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติให้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะ เช่น ชายหาด และภูเขา อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
4. ควบคุมและปราบปรามสถานบันเทิงที่มีพฤติกรรมส่อเค้าทำลายวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของชาติเพื่อเอาใจลูกค้าประเภทสุขนิยม และแสวงหาความสุขจากเนื้อหนัง รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีการแสดงโชว์ลามกอนาจาร และมีการนำยาเสพติดมาเกี่ยวข้องด้วย
แน่นอนว่าการปฏิรูปการท่องเที่ยวแบบนี้ย่อมต้องมีผลกระทบกันผู้ประกอบการอยู่ไม่น้อย แต่เป็นสิ่งจำเป็น และสามารถทำได้อย่างเป็นขั้นตอน และให้เวลาปรับเปลี่ยนเตรียมรับมือ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกรายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลง แต่เมื่อเทียบกับรายจ่ายในการแก้ไขป้องกันปัญหาอันเกิดจากนักท่องเที่ยวโดยรวมแล้ว น่าจะคุ้มกันหรือมีกำไรด้วยซ้ำ
รายได้เราอาจจะลดลงในช่วงแรก แต่เชื่อเถอะว่า เรากำลังเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ เราจะเลิกบริการพวกไร้ความเป็นอารยะ เราจะต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ที่แสวงหาศิลปะวัฒนธรรม ความดีงาม นักท่องเที่ยวที่ชื่นชมนิยมความเป็นอารยะ ความงดงามแห่งศิลปวัฒนธรรมก็จะหลั่งไหลเข้า แทนนักท่องเที่ยวประเภท มาเฟีย อาชญกรข้ามชาติ ฟอกเงิน ค้ายา ค้ามนุษย์ หรือพวกชอบซื้อบริการทางเพศกับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวประเภทแสวงหาความสุขจากการเที่ยวชมความงามของธรรมชาติ เรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรมก็จะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการท่องเที่ยวเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพอาจเข้ามาแทนทัวร์แบบสุขนิยมได้ในที่สุด
หวังว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงเจตนาดีในการปรับปรุงประเทศในหลายๆ ด้าน จะได้ให้ความสำคัญในด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกสักด้าน
** รบกวนคุณตำรวจไปจัดการพวกนี้ด้วยนะครับ ไม่ใช่เน้นจับแต่ซาวน่าเกย์ ผับเกย์ **