ทำไมเราต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ไทย
** ไม่ใช่โฆษณา เพราะไม่มีใครจ้างให้เขียนนะ ค้นคว้ามาเป็นวิทยาทานก่อนจะจ่ายเงินขึ้นเขียงฉีดอะไรเข้าหน้าครับ *
ในกระทู้นี้ ทิมมี่จะพูดเฉพาะสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ไทยแล้วเท่านั้นนะครับ ซึ่งราคาไม่ถูกแน่นอน เพราะเป็นราคาค่อนข้างสากล เว้นแต่ว่าจะสั่งมาล๊อตใหญ่แล้วแบ่งต่อๆ ไปตามสถาบันเสริมความงาม เมื่อสั่งมามากย่อมได้ราคาถูกลง แต่ก็ไม่ถูกเท่าของจีนแดงนะครับ อันนั้นไม่มีการรับรองความปลอดภัย ตัวใครตัวมัน
สารเติมเต็ม คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Fillers) แปลว่าสารเติมเต็ม คือสารประกอบน้ำตาลเชิงซ้อน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผิวหนังของคนเราตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติเป็นสารอุ้มน้ำเข้าไปทดแทนคอลลาเจนธรรมชาติบนใบหน้า ทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาเติมเต็ม ผลการรักษาที่ได้รับนอกจากใบหน้าที่ยกกระชับแล้วยังทำให้ใบหน้าแลดูอวบอิ่ม เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ Hyaluronic acid เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้เอง จึงไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ ไม่เกิดพังผืด มีระยะเวลาการสลายตัวอยู่ที่ 6 เดือน - 2 ปี แตกต่างกันขึ้นกับโครงสร้างโมเลกุลแต่ละชนิด
ทำไปเพื่อ
เพื่อจะลดปัญหาจากเนื้อหรือคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายที่ลดลง( Volumn loss ) เมื่ออายุมากขึ้น หรือกรณีบางคนที่มีปัญหา อยากเพิ่ม อยากเติมให้ดูอวบอิ่ม มากขึ้นจากของเดิมที่ไม่มี เช่นการฉีดฟิลเลอร์เติมร่องแก้มที่ลึก การฉีดฟิลเลอร์ร่องตาที่ลึก การฉีดฟิลเลอร์เสริมดั้งจมูก การฉีดฟิลเลอร์ให้ริมฝีปากอวบอิ่ม การฉีดฟิลเลอร์เสริมคาง
แตกต่างจากโบท๊อกซ์
ซึ่งความลึกตื้นในการฉีดส่วนใหญ่จะฉีดในชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นส่วนใหญ่ซึ่งอยุ่เหนือชั้นไขมัน และกล้ามเนื้อ จึงแตกต่างจากโบทอกซ์ ตรงที่โบทอกซ์จะฉีดในชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ เช่น ลดริ้วรอยจากการขยับของตีนกาเวลายิ้ม การย่นหน้าผาก การย่นเวลาขมวดคิ้ว หรือกล้ามเนื้อกรามใหญ่ฉีดกล้ามเนื้อให้หน้าเรียวเล็ก
ฟิลเลอร์มีหลากหลายแบบในท้องตลาด จะเลือกอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง
ฟิลเลอร์ในปัจจุบันที่ปลอดภัย และแพทย์นิยมใช้กัน จะต้องเป็นกลุ่มสารไฮยาเท่านั้น (Hyaluronic acid-HA) และต้องเป็นสารไฮยาที่ไม่ได้สกัดจากสัตว์ จึงมีโอกาสแพ้น้อย ขบวนการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนิกนี้จะมีลักษณะโมเลกุลคล้ายกับสารไฮยาลูรอนิกใน ร่างกายมนุษย์ และขอย้ำว่าเท่านั้นนะครับ และมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อที่ผ่านอย.เมืองไทย ชนิด ตัวอย่างของสารเติมเต็มที่ผ่าน อย.ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 Esthelis Basic, Esthelis Soft, Fortelis Extra, Modelis
- กลุ่มที่ 2 Juvederm Forma , Juvederm Refine, Juvederm Ultra, Juvederm Ultra XC, Juvederm Ultra Plus, Juvederm Ultra Plus XC
-กลุ่มที่ 3 Restylane, Restylane Lipp, Restylane Perlane, Restylane Sub Q, Restylane Touch, Restylane Vital Light ,Restylane Vital Light Injector, Revanesse Ultra
-กลุ่มที่ 4 Perfectha Subskin,Perfectha Deep,Perfectha Derm.
ผ่านการรับรองจากอย.ไทยแล้วทุกยี่ห้อ ได้แก่ Restylane, Perlane, Esthelis, Modelis, Juvederm, Revanesse
-โดยท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลของสารเติมเต็มที่ได้ อย. ได้ที่เว็บไซต์
http://drug.fda.moph.go.th/zone_service/files/new_gen_list_July.pdfhttp://fdaolap.fda.moph.go.th/logistics/drgdrug/Dserch.asp
ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและผ่านอย.เมืองไทยนี้ จัดว่ามีชื่อเสียงและใช้กันแพร่หลายทั้งในยุโรป อเมริกา ในแต่ละ Brand ของฟิลเลอร์ Brand ดังๆ นี้ ยังแบ่งย่อยออกไปอีกตามความหนืด ขนาดโมเลกุล หรือจำนวน Cross-Link ของสาร HA อีก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์นอกจากจะต้องเลือก Brands ที่ดี มีชื่อเสียง ผ่านอย.แล้ว ยังต้องเลือกลึกลงไปอีกว่า ในแต่ละ Brand จะเลือกชนิดของกลุ่มย่อยๆ ตัวไหน ความหนืดแค่ไหน ขนาดโมเลกุล หรือจำนวน Cross-Link ของสาร HA เท่าไหร่ เพื่อจะฉีดตรงตำแหน่งที่ต้องการ เพราะความหนาบางของชั้นหนังแท้ แต่ละบริเวณแตกต่างกัน เช่นถ้าฉีดเพิ่มดั้งจมูก หรือเสริมคาง ต้องเลือกชนิดที่แข็งหน่อย ไม่ไหลง่าย จับตัวเป็นรูปร่างดี แต่ถ้าร่องแก้ม ร่องตาลึก ต้องเลือกชนิดที่นุ่มไม่จับเป็นก้อน ปั้นทรงได้ง่าย ฉีดริมฝีปาก ต้องเลือกที่นุ่มมาก ๆ ฉีดแล้วเหมือนริมฝีปากธรรมชาติไม่ใช่ฉีดแล้วเป็นก้อน เห็นมั้ยครับ การฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลดี สวยงาม เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ท่านจะเดินไปฉีดกับใครก็ได้
ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้กับทุกคนหรือไม่
- ไม่สามารถจะฉีดได้กับทุกคนนะครับ พวกที่แพ้สารไฮยา ฉีดไม่ได้เด็ดขาด สำหรับสตรีมีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร
ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย ควรเลี่ยงนะครับ
ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่มีความหย่อนคล้อยมากๆ ผิวหน้าบาง พวกนี้ต้องระวังและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่ละเอียด เพราะเสี่ยงต่อการเป็นก้อน ดูไม่ธรรมชาติได้
ส่วนกรณีที่เป็นเริม หรืองูสวัดอยู่ อย่าเพิ่งฉีดฟิลเลอร์นะครับ อาจจะทำให้อาการกำเริบมากขึ้นได้ แต่ถ้าเคยเป็นและหายแล้ว ฉีดได้ไม่มีปัญหา
-ผลข้างเคียงจากการฉีดสารเติมเต็ม พอจะสรุปได้ดังนี้
1. ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง เช่นฉีดตื้นหรือลึกเกินไป ทำให้ไม่ได้ผล
2. ถ้าเกิดฉีดฟิลเลอร์เติมร่องใต้ตา แล้วเกิดไปอุดตันทางเดินน้ำเหลือง จะทำให้ตาดูบวมๆคล้ายถุงใต้ตา
3. เป็นก้อนๆหรือตะปุ่มตะป่ำ อันนี้พบได้บ่อย โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มหรือใต้ตาที่ฉีดตื้นเกินไป
4. บริเวณที่ฉีดมีเส้นเลือดฝอยแดงเกิดขึ้น เป็นผลจากอนุภาคสารเติมเต็มไปอุดตันเส้นเลือดฝอยในจุดนั้น มักพบได้บ่อยในกรณีที่ต้องการฉีดเสริมปลายจมูก
5. เนื้อเยื่อข้างเคียงตาย จากการที่อนุภาคของสารเติมเต็มไปอุดตันเส้นเลือดขนาดกลาง พบได้บริเวณข้างและปีกจมูกจากการเติมร่องแก้มหรือการฉีดเสริมจมูก
6. เกิดการอักเสบติดเชื้อ พบได้บ่อยมากขึ้นในกรณีที่ฉีดเติมปลายจมูกให้ยาวขึ้นหรือเพื่อเป็นหยดน้ำใน จมูกที่มีแท่งซิลิโคนอยู่แล้ว กรณีนี้ต้องถอดแท่งซิิลิโคนออกเท่านั้นจึงจะดีขึ้น
7. จมูกโตขึ้นเรื่อยๆ มักพบในคนที่ฉีดสารเติมเต็มหลายๆครั้ง
8. ตาบอด อันนี้สาหัสสุด มักเกิดจากการฉีดเสริมจมูกอย่างผิดวิธีทำให้อนุภาคของสารเติมเต็มหลุดเข้าไป อุดตันเส้นเลือดที่ดวงตา ซึ่งเราคงเคยได้ข่าวมาบ้างแล้วในเมืองไทย
ปัญหาที่ประสบมากับตัวเอง คือ
1. ถึงมีป้ายและคำโฆษณาประชาสัมพันธ์บอกว่าใช้ ฟิลเลอร์ผ่าน อย. แต่เวลาฉีดจริงนั้น เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ใช่ของแท้หรือเปล่า
2. สิ่งที่พอป้องกันไว้ก่อนคือ เลือกทำกับคุณหมอจริงๆ ที่มีประวัติการฉีด มีชื่อเสียงด้านดี มีชื่อเป็นหมอจริงๆ และยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย
3. อย่าหลงเชื่อกับคำชวนจิ้มหน้าให้มากนัก เมื่อตั้งใจจะทำเพียงจมูกก็แค่นั้น อย่าลามต่อไปทำส่วนอื่น ให้รอดูผลสัก เดือน 2 เดือน หลังจากหายหน้าบวมและฟิลเลอร์เข้าที่แล้ว ถ้าไม่พอใจก็ไปเพิ่มเติมครับ
4. เทคนิคการฉีดของหมอแต่ละคน ไม่เหมือนกันจริงๆ นะ ถ้าจะลงทุนเจ็บให้คุ้มแล้ว คิดว่าเลือกหมอที่ชำนาญมากๆ ดีกว่าหมอเพิ่งเปิดคลีนิคครับ และย้ำว่าให้หมอเป็นคนฉีดนะ ไม่ใช่พวกแอบใส่เสื้อคลุมขาวแล้วอนุมานว่าเป็นหมอ
5. ถ้าหน้าเราไม่ด้อย ขี้เหร่อะไรมากนัก ทิมมี่แนะนำว่า เก็บเงินไว้ซื้อรถดีกว่าครับ