เปรียบเทียบ ระหว่าง iPhone 6 Plus กับ Samsung Galaxy Note 4
เมื่อ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนได้เปิดตัวแฟบเล็ตรุ่นท๊อปอย่าง iPhone 6 Plus และSamsung Galaxy Note 4 ออกมาอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าต้องมีการนำมาเปรียบในเรื่องของคุณสมบัติและความต่างกันในหลายๆ แง่มุม ดังนั้นเราลองไปดูกันว่าแฟบเล็ตรุ่นดังกล่าวมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นด้วยดีไซน์
สำหรับ iPhone 6 Plus ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับความโค้งมนทั้งด้านข้างและขอบทั้งสี่ด้าน ตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียมชุบผิวสแตนเลสสตีลแบบไร้รอยต่อ (Unibody) ซึ่งตัวเครื่องจะมีความบางอยู่ที่ 7.1 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 172 กรัม
ในส่วนของ Samsung Galaxy Note 4 ตัวเครื่องจะมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ขอบทั้งสี่ด้านมีความโค้งมน ด้านข้างของตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียม ฝาหลังใช้วัสดุ Faux Leather ให้ผิวสัมผัสเหมือนหนัง โดยที่ตัวเครื่องบาง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 176 กรัม
หน้าจอแสดงผล
ในเรื่องของหน้าจอ Samsung Galaxy Note 4 จะมีหน้าจอ Super AMOLED ที่ใหญ่กว่าอยู่ที่ 5.7 นิ้ว ความละเอียด QHD-2560 x 1440 พิกเซล พิเศษตรงที่กระจกหน้าจอใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า 2.5D Curved Glass ซึ่งหน้าจอจะมีความโค้งเพียงเล็กน้อย และแข็งแรงทนทาน
ส่วน iPhone 6 Plus จะมาพร้อมหน้าจอ IPS Retina HD display กว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล, ความหนาแน่นพิกเซล 401 PPI ซึ่งกระจกหน้าจอจะโค้งรับกับด้านข้างของตัวเครื่อง ทั้งยังสามารถแสดงผลหน้าจอได้ในแนวนอน (Landscape Mode) โดยที่ก่อนหน้านี้จะทำไม่ได้
หน่วยประมวลผล
iPhone 6 Plus เลือกใช้ชิพ A8 ที่ใช้สถาปัตยกรรม 64 บิต มีความเร็วเพิ่มขึ้น 50 เท่า และประมวลผลกราฟฟิกรวดเร็วกว่า ชิพ A7 ที่มีบน iPhone 5S นอกจากนี้ ยังมีชิพ M8 Motion Coprocessor สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวที่จะวัดกิจกรรมต่างๆ และได้เพิ่ม Barometer สำหรับวัดความดันอากาศเพิ่มเข้ามาใหม่อีกด้วย โดยจะมีหน่วยความจำภายใน 3 ความจุ ได้แก่ 16GB, 64GB และ 128GB
ทางด้าน Samsung Galaxy Note 4 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล 2 แบบ ได้แก่ Snapdragon 805-Quad-Core ความเร็ว 2.7 GHz หรือ Exynos 5433-Octa-Core ความเร็ว 1.9 GHz, RAM 3GB และหน่วยความจำภายใน 32GB
สแกนลายนิ้วมือ
แน่นอนว่าเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมืออาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับใน Samsung ตระกูล Galaxy Note ตัวนี้จะเป็นตัวแรกที่ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือที่เรียกว่า Finger Scan และทางด้านของ iPhone 6 Plus ก็จะเรียกเทคโนโลยีดังกล่าวว่า Touch ID โดยทั้งคู่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยเพื่อยืนยันตัวตนในการปลดล็อคเพื่อใช้งาน
ระบบการเชื่อมต่อ
สำหรับ iPhone 6 Plus ถือเป็นเรื่องฮือฮาที่ได้มีการเพิ่มเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ NFC (Near Field Communication) หรือการเชื่อต่อระยะใกล้เข้ามา มาพร้อมฟังก์ชั่นการโทรผ่าน Wi-Fi, รองรับการเชื่อมต่อ LTE ด้วยความเร็วสูงสุด 150 Mbps,ซึ่งทางด้านของ Samsung Galaxy Note 4สำหรับการเชื่อมต่อ NFC ได้มีมาหลายรุ่น นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่น่าสนใจคือได้เพิ่มการเชื่อมต่อ Fast connect LTE สามารถรับส่งหรือจับสัญญาณเครือข่ายโดยเฉพาะ LTE ได้เร็วขึ้น
กล้องถ่ายรูป
กล้องถ่ายรูปถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน หรือแฟบเล็ตสักรุ่น ทางด้านSamsung Galaxy Note 4 ก็ได้พัฒนากล้องถ่ายรูปหลักขึ้นมาพอสมควร โดยที่กล้องหลังมีระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็ว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED และเพิ่มระบบ Smart OIS ป้องกันการสั่นไหวขณะถ่ายภาพ นอกจากนี้ กล้องถ่ายรูปด้านหน้ายังมีความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ทำให้ภาพที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยมีความสว่างและคมชัดมากขึ้น และที่สำคัญคือรองรับการใช้งานเซลฟี่ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบด้วยเลนส์มุมกว้างถึง 120 องศา
ในด้านของ iPhone 6 Plus จะมาพร้อมเลนส์กล้องถ่ายรูป iSight แบบ 5 ชั้นรุ่นใหม่ที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช True Tone พิกเซลขนาดใหญ่ถึง 1.5 ไมครอน และรูรับแสงขนาด f/2.2 ทั้งยังมีเซ็นเซอร์ใหม่พร้อม Focus Pixels, ระบบตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลเข้ามาด้วย
ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ทำให้สามารถรับแสงได้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 81% พร้อมโหมดถ่ายภาพ Burst Mode สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 10 ภาพ
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติต่างๆ ที่น่าสนใจของทั้งคู่ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มี มาในรูปแบบที่ต่างต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น
สิ่งที่มีบน Samsung Galaxy Note 4
- ปากกา S Pen ที่ถูกพัฒนาให้มีดีไซน์จับกระชับมือ สามารถใช้งานได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี Fast Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นจาก 0% – 50% ใช้เวลาเพียง 30 นาที
- Multi Windows ฟังก์ชั่นสำหรับเปิดใช้โปรแกรมได้พร้อมกัน 2 โปรแกรมในหน้าจอเดียว
- Samsung Galaxy Note 4 มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ, ขาว, ทอง และชมพู
- ความจุตัวเครื่อง 32GB รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD สูงสุด 64GB
สิ่งที่มีบน iPhone 6 Plus
- Touch ID ที่นอกจากกสนใช้ปลดล็อคได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นรหัสผ่านสำหรับดาวน์โหลด หรือซื้อแอพพลิเคชั่นใน App Store
- iPhone 6 Plus มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน, ทอง และเทาสเปซเกรย์
- ความจุมีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 16GB, 64GB และ 128GB ไม่สามารถเพิ่มความจุได้
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ หรือเลือกซื้อแฟบเล็ตแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับความต้องการ รวมไปถึงความเหมาะสมในการการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นโดยอาจจะไม่ได้ตอบสนองความต้องได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง