หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

Share แชร์โพสท์โดย แพงพวย

 


อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

เจ้าหลวง...่าฟ้า

เจ้าหลวง...่าฟ้า ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอาหม สันนิษฐานกันว่า พระองค์เป็นเจ้าองค์หนึ่งในเมืองมาวหลวง ซึ่งก่อตั้งโดยกษัตริย์พระนามว่า ขุนลุง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพระองค์ ...่าฟ้าได้เกิดความขัดแย้งกับญาติพี่น้อง และในที่สุดจึงได้นำสมบัติประจำราชวงศ์ซึ่งเป็นเทวรูปนาม สมเทวะ อพยพออกมาจากมาวหลวง

 

พระราชประวัติ

พระราชประวัติตอนต้นของ...่าฟ้านั้นมีอยู่หลายตำนาน โดยตำนานหนึ่งได้กล่าวถึง...่าฟ้าเป็นพระราชโอรสในเจ้าช้างใหญ่ เนย์ อีเลียสออกพระนามว่า  กับนางเมืองพลักคำแสน  ซึ่งเป็นเจ้าในอาณาจักรมาวหลวง ซึ่งปัจจุบันคือเมืองขอน หรือ เมืองรุ่ยลี่โดยเจ้าช้าง...อเป็นเจ้ามาจากเมืองรีเมืองราม และอาจเดินทางไปยังเมืองมาวหลวงด้วยความบังเอิญ ซึ่งขณะนั้นเจ้าไตปุง (Chao Tai Pung) ยังทรงครองราชย์สมบัติอยู่ โดยเจ้าช้าง...อทรงมีสัมพันธภาพที่ดีต่อปาวเมียวปุง (Pao Meo Pung) พระราชโอรสของเจ้าเมืองมาวหลวง เขาจึงมอบพระขนิษฐาคือนางพลักคำแสนเป็นพระชายาของเจ้าช้าง...อ โดยเจ้า...่าฟ้าทรงราชสมภพหลังการสมรสของพระชนกและชนนีประมาณ ค.ศ. 1189พระองค์จึงสืบเชื้อสายเจ้าเมืองมาวหลวงจากพระมารดา เมื่อปาวเมืองปุง เสด็จสวรรคต แล้วไม่มีพระโอรสสืบราชสมบัติต่อ ...่าฟ้าผู้มีศักดิ์เป็นพระราชภาคิไนยจึงครองราชย์เมืองมาวหลวงต่อจากพระมาตุลา

 

เสด็จสู่อัสสัม

...่าฟ้าอพยพมาจากเมืองมาวหลวงในปี พ.ศ. 1758 ด้วยเชื่อว่า...่าฟ้าได้เกิดความขัดแย้งกับญาติพี่น้อง และในที่สุดจึงได้นำสมบัติประจำราชวงศ์ซึ่งเป็นเทวรูปนาม สมเทวะ อพยพออกมาจากมาวหลวง พร้อมด้วยผู้ติดตามเป็นพระมเหสี 3 พระองค์ พระโอรส 2 พระองค์และพระธิดา รวมไปถึงขุนนางผู้ใหญ่ 5 คน ไพร่พล 9,000 คนรวมสตรีและเด็ก (อาจเป็นไปได้ว่าส่วนมากเป็นชายฉกรรจ์แต่ไม่มีการยืนยัน) ...่าฟ้าได้ร่อนเร่ตามท้องถิ่นของภูเขาปาดไก่ (Patkai Hills) ถึง 13 ปี ในระหว่างนั้นได้โจมตีชุมชนชาวนาคะเป็นครั้งคราว และในที่สุด ...่าฟ้าก็ได้มาถึงคามช้างในปี พ.ศ. 1771

ขึ้นครองราชย์

เริ่มแผ่อิทธิพล

...่าฟ้าข้ามแม่น้ำคามน้ำช้างด้วยแพ และมาถึงทะเลสาบหนองยาง (พม่า:Nawng Yang, ความหมาย ทะเลสาบไม่หวนกลับ) ชาวนาคะบางพวกพยายามต้านทานการรุกรานของชาวอาหม แต่...่าฟ้าก็เอาชนะได้ และยึดครองหมู่บ้านที่ได้มา ชาวนาคะมากมายถูกฆ่า ย่างไฟ และญาติพี่น้องถูกบังคับในกินเนื้อคนตาย ทำให้ชาวนาคะมาสวามิภักดิ์เป็นจำนวนมาก และ...่าฟ้าได้ตั้งขุนนางปกครองอาณาเขตที่ยึดได้

...่าฟ้าก็ยกพลต่อไปยัง เมืองแดงเขารัง คำแหงปุง และนามรูป พระองค์ได้ทรงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเซสสามายังทิหิง แต่พบสถานที่ไม่เหมาะสมจึงมุ่งลงไปทางใต้จนถึงทิปาม ต่อจากนั้นก็มาถึงเมืองกลาง เจครุ (อภัยปุระ) ซึ่ง...่าฟ้าได้พำนักอยู่หลายปี จนใน พ.ศ. 1783 เกิดน้ำท่วมจึงทิ้งเมืองล่องมาตามแม่น้ำพรหมบุตรมายังฮาบุง และพำนักเป็นเวลา 2 ปี ชาวอาหมได้ทำการเพาะปลูกเนื่องจากเป็นที่ราบลุ่ม แต่ต่อมาเกิดน้ำท่วมในปี พ.ศ. 1787 ต้องอพยพอีกลงมาตามแม่น้ำพรหมบุตรจนถึงปากน้ำทิขุ

...่าฟ้ามาถึงลิกิริกาออน ในปี พ.ศ. 1789 พระองค์เดินทางไปยังสีมาลุกุรี โดยทิ้งกองทหารกองเล็กๆ ไว้กองหนึ่ง พระองค์ประทับที่สีมาลุกุรี 5-6 ปี พระองค์พยายามโจมตีชุมชนในลุ่มน้ำแดง (แควหนึ่งของทิขุ) แต่ต้องล้มเลิก เนื่องจากมีกลุ่มชนอยู่มากมายเกินไป

ก่อตั้งราชธานี

ในปี พ.ศ. 1796 ทรงทิ้งสีมาลุกุรีเพื่อไปยังเจ้รายดอย และมีการเลี้ยงฉลอง สังเวยต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยม้า 2 ตัว และมีการสวดมนต์ถวายเทวไทใต้ต้นหม่อน(ชาวอาหมเรียกดินแดนอาณาจักรของตนว่า ...นุนสุนคำ หรือ เมืองดอนสวนคำ แปลว่า เมืองที่เต็มไปด้วยสวนทอง)

ชาวโมรานและโบราฮียอมสวามิภักดิ์

ในขณะนั้น อาณาเขตใกล้เคียงอยู่ในการปกครองของกษัตริย์โมรานพระนามว่า บาดันชา และกษัตริย์โบราฮีพระนามว่า ตาคุมตา ซึ่งทั้งสองอาณาจักรได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อ...่าฟ้า ในภายใต้การปกครองของอาหม ชาวโมรานไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องส่งส่วยเป็นสินค้าป่า เช่น ช้าง สีย้อมผ้า น้ำผึ้ง และเสื่อ เป็นต้น ชาวโมรานจำนวนมากได้ยอมรับวัฒนธรรมอาหมมาใช้ แต่ยังคงใช้ภาษาโบโดพูดกันเช่นเดิม

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อาณาจักรไทอาหม อัสสัมในอินเดีย

 

...่าฟ้า (ก่าแปลว่ามา) ต่อมา...่าฟ้ามีเหตุขัดแย้งกับพี่น้อง ไม่อยากแย่งชิงอำนาจด้วย จึงนำสมัครพรรคพวกอัญเชิญเทพีจุ้มฟ้ารุ่งแสงเมืองออกเดินทางไปตั้งเมืองใหม่ ในปี ค.ศ. 1216

...่าฟ้า

ขบวนของ...่าฟ้าประกอบด้วยภรรยาของ...่าฟ้าสามคน ได้แก่นางอ้ายแม่เจ้าลื้อ นางเจนจุมฟ้า และนางยี่ลื้อเวงสีสุมฟ้า มีเสนาบดีสองคน คือ ท้าวเมืองบ้านรุย และท้าวเมืองสามงาน มีขุนนางห้าคนชื่อ ขุนบา ขุนฟรอง ขุนริง  ขุนเจ็ง และขุนฟูกิน มีนักบวชเอกสี่คน คือ ท้าวเมืองหลวงกาน ท้าวเข็นลุนครัม ท้าวฟรองและท้าวเมืองไมโซ (ชื่อพวกนี้และพวกชื่อเทพทั้งหลายข้างบน ไม่ต้องจำเลยแม้แต่ชื่อเดียวนะครับ คงไม่มีต่อในอนาคต เอามาลงให้ได้อารมณ์ไทยโบราณเท่านั้น)

นอกจากนั้นยังมีช้างสองเชือก ม้าสามร้อยตัว ชาวบ้านชายหญิงติดตามมารวมทั้งสิ้นเก้าพันคน ในจำนวนนี้มีทหารอยู่กี่คนไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าชาวบ้านไทยในยุคนั้นทุกคนถูกเลี้ยงดูมาให้ทำงานเอนกประสงค์ คือยามสงบทำนาได้ ก่อสร้างได้ ยามศึกสงครามจับอาวุธสู้ได้ 

...จริงๆจำนวนไม่ถึงเก้าพันนี้ถ้าเทียบกับอาณาจักรอื่นที่เกณฑ์พลรบกันทีเป็นหมื่นเป็นแสนก็ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก...

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

 

ออกจากไทใหญ่ ไปอินเดีย

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

และได้สร้างอาณาจักร ในอัสสัมในอินเดีย ที่เรียกว่าไทยอาหม หลังจาก นั้น ก็ สู้รับกับเตริกย์ มองโก อินเดียโมกุล พม่า ครั้งสุดท้าย โมกุล จับมือกับอังกฤษ มาตี จบอาณาจักอาหม และ ตกเป็น รัฐนึงในอินเดีย คือรัฐอัสสัมนั้นเอง

 

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อังกฤษตีอัสสัม

 

ในที่สุดอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ บังคับให้พม่าเซ็นสัญญายอมรับว่าอังกฤษมีอธิปไตยเหนืออาหมในปี 1826 เป็นสัญญาที่ทำให้อาหมเสียเอกราช โดยกษัตริย์อาหมไม่มีสิทธิมีเสียงด้วยเลย

...แล้วอังกฤษก็ทำสิ่งที่อังกฤษทำ คือพาคนอินเดียเข้ามาอัสสัมมากๆ ...แบ่งแยกแล้วปกครอง ทำให้คนไทยกลายเป็นคนส่วนน้อยในรัฐอัสสัม

ในลักษณะนี้อาณาจักรอาหมซึ่งรุ่งเรืองยืนยงมาถึงหกร้อยปี เคยกระทั่งพิชิตมหาอำนาจของโลกอย่างโมกุล ก็ถึงแก่การอวสานสิ้นชาติ...

ต่อมาเมื่ออินเดียได้รับเอกราชก็มีเฝ้าระวังชาวไทยมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเผ่าที่เคยมีอำนาจมาก่อน มีการพยายามกดขี่ กลืนชาติ แม้แต่การจะให้คนไทยจากประเทศไทยเดินทางสู่ดินแดนนี้ก็ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต่อมาจนปัจจุบันจึงมีการผ่อนปรนลง

ทุกวันนี้หากท่านไปเยี่ยมดินแดนอาหม ก็จะเห็นชาวไทยที่นั่นลืมภาษาไทยไปมากแล้ว หันไปใช้ภาษาอินเดียสำเนียงอัสสัม แต่พวกเขาจำนวนมากยังคงพยายามรื้อฟื้นเอกลักษณ์ของชาติพันธุ์ของตน พยายามเอาภาษาไทยกลับมาใช้ และพยายามเชื่อมโยงกับไทยกลุ่มอื่นๆ...

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

ชาวไทอัสสัม ปัจจุบัน แทบถูกกิน กลืน ไปกับอินเดียแล้วเพราะชาวอินเอีย อพยบเข้ามา ในอัสสัมจำนวนมาก

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

รูปอาณาจักร โมกุล ขยาย อาณาเขต มาทาง อัสสัม ไทอาหม

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

วัง อาณาจักร อาหม ใน อัสสัม

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

อนุสาวรี ไทอาหม ในรัฐอัสสัม

อาหม (อัสสัม: আহোমอาโหมะ) หรือ ไทอาหม กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยในรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย เดิมใช้ภาษาอาหม ในกลุ่มภาษาย่อยไท-พายัพ ซึงเป็นภาษาในกลุ่มภาษากัม-ไท ตระกูลภาษาไท-กะได แต่ชาวอาหมในปัจจุบันนั้นหันไปใช้ภาษาตระกูลอินโด-ยุโรเปียนแล้ว[1] จนเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 21 ชาวอาหมได้เกิดความสนใจในวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน จึงเกิดความพยายามที่จะศึกษาและฟื้นฟูวัฒนธรรมดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น

ชาวอาหมในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่าชาวไทกลุ่มอื่นที่อพยพมายังอัสสัม ซึ่งในปี ค.ศ. 1990 ชาวอาหมมีจำนวนประชากรราว 2 ล้านคนในรัฐอัสสัม และรัฐอรุณาจัลประเทศ และมีชาวอัสสัมราว 8 ล้านคนที่อ้างว่ามีบรรพบุรุษหรือสืบเชื้อสายมาจากชาวอาหม

ราว พ.ศ. 1763 ใกล้เคียงกับสมัยที่ตั้งอาณาจักรสุโขทัย ชาวไทพวกหนึ่ง ชื่อว่า "อาหม" ได้อพยพเข้ามาในดินแดนนี้ โดยข้ามภูเขาปาดไก่ทางเหนือของพม่า ไทพวกนี้มาจากอาณาจักรไทโบราณอาณาจักรหนึ่ง เรียกว่า "ปง" คือโมกอง (เมืองกอง) ในพม่าทางเหนือ และเริ่มประวัติศาสตร์อาหมเมื่อ พ.ศ. 1796 เมื่อ...่าฟ้า ปฐมบรมราชวงศ์อาหมได้วางรากฐานในอาณาจักรของพระองค์ ช่วงแรกของชาวอาหมนั้นอพยพมาตามตำนานกล่าวไว้ว่ามีกษัตริย์ 1 พระองค์ ขุนนาง 8 คน ช้าง 2 เชือก และม้าอีก 300 ตัว ประชากร 9,000 คน รวมทั้งสตรี และเด็ก 

อาหมเป็นไทพวกเดียวกับไทใหญ่ เมื่อแรกเข้าไป ได้ตั้งภูมิลำเนาลงที่ นามรูป และได้พบชนเจ้าของถิ่นสองข้างข้างหนึ่งคือ ชุติยะซึ่งครองทางตะวันออกของแม่น้ำสุพรรณสิริ อีกข้างหนึ่งมาจากโมราน ยึดครองพื้นที่แม่น้ำทิขุ และแม่น้ำทิหิง พวกอาหมต้องพิพาทกับพวกโมรานและราว พ.ศ. อาหมจึงตั้งเมืองหลวงที่อภัยปุระ ต่อมาอีก 20 ปีก็ขยายตัวออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อ เมืองเจ้รายดอย เป็นเมืองหลวงแรกแห่งอาณาจักรอาหม เมื่อย้ายเมืองหลวงไปที่อื่น ก็ยังให้ความสำคัญแก่เมืองเจ้รายดอย พระศพของกษัตริย์จะถูกฝังที่เมืองนี้ เวลาอาหมรบชนะ ก็จะตัดหัวของข้าศึกมาฝังที่เจ้รายดอย

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม
อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม
กลุ่มสุสานในเมืองเจ้รายดอย

การฝังคนตายเป็นประเพณีของชาวอาหม ในอาหมบุราณจีมีการกล่าวถึงการฝังศพ เนื่องจากในรัชสมัยของเสือใหญ่ฟ้าคำเมือง (ครองราชย์ ค.ศ. 1769-1780) ได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับพิธีปลงพระศพ ว่าจะฝังหรือเผาพระศพกษัตริ์องค์ก่อน เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาฮินดูแพร่เข้ามา ทำให้เกิดเป็นประเพณีใหม่ขึ้น จากคริสต์ศตวรรษที่ 18 หมอหลวงของลัทธิฟ้าหลวงของอาหม 2 คน จึง "นั่งต่างผีเล่ากอย แย้มเมื่อแก่นไข่ฟ้า ลงมาชั่วปู่ชั่วพ่อ ปู่เหลนปู่เถ้า ร่างตายฝังไว้"โดยชิฮาบุดดีน ทาลิส (Shihabuddin Talish) ได้ระบุว่า ศพของเจ้าฟ้าและคนธรรมดา จะถูกฝังและใส่สิ่งของโดยเอาหัวหันไปทางทิศตะวันออก แต่สำหรับเจ้าฟ้าจะมีการฝังภรรยาและคนใช้ไปด้วย พร้อมกับตะเกียงและน้ำมันปริมาณมากและคนถือตะเกียง และเขายังอ้างต่อไปว่า พวกโมกุลที่ขุดที่ฝังพระศพกษัตริย์อาหม 10 แห่ง ค้นพบสมบัติมากมายโดยชาวอาหมจะเรียกสถานที่ฝังศพว่า ป่าเห้ว หรือ สวนผี ปัจจุบันพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชั้นพระและตระกูลบางตระกูลยังคงมีการฝังคนตายอยู่

ภาษา

ภาษาอาหม

เมื่อ...่าฟ้าได้นำผู้คนอพยพเข้ามายังอัสสัม ก็พบชาวไทเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว โดยในอาหมบุราณจีได้เรียกคนกลุ่มดังกล่าวว่า ผู้เขาอันเก่า และในรัชกาลของ...่าฟ้าก็ยังมีการแลกเปลี่ยนทูตระหว่างอาหมกับเมืองเมา จนในรัชสมัยของเสือดังฟ้าทรงปรารภในปี ค.ศ. 1382 ว่านับเวลา 8 ปีแล้วที่ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางการทูตกับเมืองเมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการติดต่อกันระหว่างอาหมกับรัฐไทกลุ่มอื่นตลอดมา แม้แต่ในรัชสมัยของเสือห่มเมืองและเสือคำฟ้า ก็ทรงอภิเษกกับสตรีชาวเมืองกอง ซึ่งเป็นเหตุให้มีชาวไทอพยพเข้ามายังเมืองนุนสุนคำมากขึ้น แต่หลังปี ค.ศ. 1638 เมืองกองได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า การติดต่อจากยุติลง ประกอบการเกิดสงครามกลางเมืองของอาหม รวมทั้งการสูญเสียอำนาจของนักบวชเทวไทกับราชสำนัก ทำให้ภาษาอาหมเริ่มถูกละเลย แม้จะมีชาวไทกลุ่มอื่นที่นำภาษาไท และศาสนาพุทธเข้าไป แต่ชาวอาหมก็มิได้ให้ความสนใจ โดยในรัชกาลของเสือใหญ่ฟ้างำเมือง ได้มีการทะเลาะวิวาทระหว่างเทวไทอาหมกับนักบวชฮินดู เกี่ยวกับการปลงพระศพอดีตกษัตริย์ เนื่องจากประเพณีอาหมเดิมให้มีการฝัง กับประเพณีฮินดูที่ให้มีการเผาพระศพ[36]

เซอร์จอร์จ อับราฮัม กรีเออร์สัน (Sir George Abraham Grierson) ได้ระบุว่าภาษาอัสสัมเริ่มเข้ามามีอิทธิพลและเข้ามาแทนที่ภาษาอาหมประมาณต้นศตวรรษที่ 18 จาก ค.ศ. 1720 เป็นต้นมา โดยข้าราชการฮินดูที่มีตำแหน่งทางฮินดูไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาอาหม แต่ภาษาอาหมยังถูกใช้เป็นภาษาพูดจนถึงปลายศตวรรษที่ 18 และชนชั้นพระชาวอาหมหรือเทวไท ยังคงใช้พูดระหว่างกันอีก 50 ปีต่อมา หรือจนถึงประมาณ ค.ศ. 1850[37] ส่วน S.K. Bhuyan ได้เขียนไว้เมื่อปี ค.ศ. 1930 ได้กล่าวถึงว่าในขณะนั้นมีบัณฑิตนามว่า ราย สาหิบ โคลัป จันทรา พารัว (Rai Sahib Golap Chandra Barua) เพียงคนเดียวที่รู้ภาษาอาหมจริง และไม่มีผู้ที่จะสืบความรู้นั้นได้ในระยะใกล้นั้น โดย Bhuyan ได้พยากรณ์ไว้ว่าอย่างช้าอีก 20 ปีข้างหน้า (คือในปี ค.ศ. 1950) จะไม่มีคนรู้ภาษาอาหมเลย และภาษาของผู้ปกครองอัสสัมจะกลายเป็นภาษาลึกลับที่ไม่มีนักโบราณคดีและนักภาษาผู้ใดจะไขความหมายได้

ปัจจุบันแม้ชาวอาหมจะใช้ภาษาอัสสัมในการพูดและเขียนไปแล้ว แต่เหล่านักบวชและชาวอาหมทั่วไปยังคงใช้ภาษาอาหมในการสวดในพิธีกรรมทางศาสนาแบบดั้งเดิมต่าง ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบันมีเทวไทที่รู้ภาษาอาหมในพิธีกรรมทางศาสนาประมาณ 100-200 คน

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

 

เมด้ำหรือที่ฝังศพกษัตริย์อาหมในเมืองเจ้รายดอย

จะนำพรศพไปฝัง กับ สมบัตต่าง ๆ แต่ทำวันนี้ไม่มีแล้ว ถูกอินเดียว กับ อังกฤษ ขุดไปหมด ทุกหลุม แล้ว

 

 

อาณาจักรไทอาหม หรือ อัสสัม

 

 

 

 

 

ที่มา:
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
แพงพวย's profile


โพสท์โดย: แพงพวย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
64 VOTES (4/5 จาก 16 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ไททศมิตร" โดนโพสต์แซะว่าเป็นวงกากๆ..จ๋ายเตรียมดำเนินคดี เหตุคนโพสต์ไม่สำนึกกุนขแมร์โวย! หลัง ‘เสี่ยโบ้ท‘ โพสแจ้งยกเลิกการแข่งขันทั้งหมดกับเขมรกลางดึกเผยโฉมหน้า "แบงค์" ที่ "เจ๊ปิ่น ทรงหิว" เต๊าะจนสำเร็จ..งานนี้ไม่หิวอีกต่อไปแล้ว!แดนเซอร์ "ลำไย ไหทองคำ" หล่อระดับพระเอก..ค่ายเตรียมดันเป็นศิลปินแล้วเเอบเเซ่บ!! เมื่อเมียไม่ชอบกลิ่นเเกงหน่อไม้ ผัวที่ดีก็ต้องเอาไปนั่งกินตรงระเบียง น่าเอ็นดู😆แม่น้ำที่อันตรายที่สุดในโลกเปิดบ้านซุปตาร์ "ลิซ่า BLACKPINK" ที่เกาหลีใต้ มูลค่ากว่า 200 ล้าน..ฉลองวันเกิดครบ 27 ปี5 ราศีที่จะมีโชคลาภ พุ่งแรง มีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่ในช่วงนี้!รวมเลขเด็ด อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร งวด 1 เมษายน 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เร็วแรงทะลุนรกจริงๆ.."เฟอร์รารี่" ดิ่งลงข้างทาง เพราะไม่เคยคิดเบรคเเอบเเซ่บ!! เมื่อเมียไม่ชอบกลิ่นเเกงหน่อไม้ ผัวที่ดีก็ต้องเอาไปนั่งกินตรงระเบียง น่าเอ็นดู😆สิ่งก่อสร้างที่มีความสูงมากที่สุดในโลก ที่ไม่ใช่ตึกระฟ้าหรืออาคารที่อยู่อาศัย
ตั้งกระทู้ใหม่