ความอยากบรรลุธรรม ก็เป็นมารตัวหนึ่งที่ขัดขวางการบรรลุธรรม
ก่อนจะเข้าบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการบรรลุธรรมของทั้งสามท่าน ขอเล่าประวัติการบรรลุธรรมของทั้งสามท่านคร่าว ๆ ก่อน
พระอานนท์เพิ่งมาบรรลุธรรมขั้นสูงสุด (อรหันต์) หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้วประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นเวลาก่อนพระมหากัสสปะจะทำการสังคายนาพระไตรปิฎก 1 คืนเท่านั้น ในการสังคายนาพระมหากัสสปะตั้งกติกาไว้ว่าคนที่จะเข้าร่วมได้ต้องเป็นพระอรหันต์ และต้องการให้พระอานนท์ร่วมด้วยเนื่องจากพระอานนท์ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามากที่สุด แต่ตอนนั้นพระอานนท์เป็นแค่โสดาบันบุคคลอยู่ พระอานนท์พยายามอย่างหนักที่จะบรรลุธรรมขั้นสูงสุดให้ได้ก่อนสังคายนาโดยการเดินจงกรมทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ไม่บรรลุธรรม สุดท้ายท่านก็คิดว่า "ไม่ทันแล้ว พอกันที" แล้วเอนตัวลงนอน แต่จังหวะที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนนั้นเองท่านก็บรรลุธรรม
ส่วนแม่ชีชิโยโนะ ตามประวัติเล่าว่าท่านเป็นสตรีที่งามมากถึงขนาดไปขอบวชที่ไหนเขาก็ไม่รับเพราะสวยเกินไปเกรงจะทำให้พระในวัดร้อนรุ่ม สุดท้ายท่านยอมทำให้หน้าตัวเองเสียโฉมจึงได้บวชสมใจ หลังบวชแล้วท่านพยายามอย่างหนักทั้งสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม แต่ก็ไม่บรรลุธรรม จนมาคืนหนึ่งท่านหยิบถังน้ำไม้ใบเก่า ๆ ไปตักน้ำ แล้วเห็นเงาของดวงจันทร์ในน้ำ แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบก้นของถังน้ำใบนั้นหักทะลุขณะที่ท่านมองดวงจันทร์ดวงสวย ไม่มีน้ำ ไม่มีดวงจันทร์ และในจังหวะนั้นท่านก็บรรลุธรรม
และสุดท้ายแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ตามประวัติเล่าว่าในวันศุกร์ แรม 5 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันที่ 1 พ.ย. 2495 ขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุ 51 ปี เป็นเวลาที่คุณแม่ท่านเดินจงกรมตลอดคืนจนรู้สึกเหนื่อยจึงได้นั่งพักที่แคร่ใต้ต้นพะยอมแล้วเอนตัวลงนอนคิดว่าจะพักสักครู่แล้วจึงจะไปนึ่งข้าว ขณะนั้นเองก็รู้สึกว่ามีเสียงครืนเหมือนฟ้าผ่าแคร่ที่นอนอยู่ และท่านก็บรรลุธรรม
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ทั้งสามท่านบรรลุธรรมในอิริยาบถสุดแสนจะธรรมดา ไม่ได้บรรลุธรรมตอนสวดมนต์ หรือตอนนั่งสมาธิกำหนดพุทโธ หรือตอนเดินจงกรมยกหนอ-ย่างหนอ แต่อย่างใด แตกต่างจากความเข้าใจของคนส่วนใหญ่อย่างลิบลับว่าต้องสวดมนต์ ต้องนั่งสมาธิ ต้องเดินจงกรม แล้วจะทำให้บรรลุธรรมในขณะนั้น จากทั้งสามเรื่องดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการบรรลุธรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกอิริยาบถ
จุดสำคัญของทั้งสามเรื่องดังกล่าวอยู่ตรงที่ว่า เกิดในขณะปล่อยวางความรู้สึกนึกคิดของตน
- สำหรับพระอานนท์ที่ท่าน "ปลง" แล้วว่าบรรลุอรหันต์ไม่ทัน ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจ แต่ในจังหวะที่เลิกล้มความมุ่งมั่นแบบสุดโต่งนั้นเองคือการปล่อยวางตัวตนของท่าน
- แม่ชีชิโยโนะเองก็ไปตักน้ำด้วยจิตใจที่แสนจะธรรมดา ในขณะนั้นปราศจากความคิดที่จะบรรลุธรรม
- แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ท่านเลิกเดินจงกรม กลับมานั่งพักผ่อนคลาย relax ไม่ต่างจากกรณีของพระอานนท์และแม่ชีชิโยโนะ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านก็ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมากมายมาตั้งนาน แต่มาบรรลุเอาตอนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย จากตรงนี้วิเคราะห์ได้ว่า สิ่งที่ขวางกั้นทั้งสามท่านก่อนหน้านี้ก็คือ "ความอยากบรรลุธรรม"
ความอยากบรรลุธรรมนั่นเอง คือ "อัตตา" ของนักปฏิบัติธรรม เป็นหลุมพลางหลุมใหญ่ที่สุดที่หลอกนักปฏิบัติได้แทบจะทุกคน นักปฏิบัติทั้งหลายจะไม่รู้เลยว่าตนได้ตกหลุมพลางความอยากบรรลุธรรมของตัวเองจนเนิ่นช้าในการบรรลุธรรม
ช่วงที่ทั้งสามท่านปราศจากความอยากบรรลุธรรมอย่างแท้จริง ช่วงนั้นเองคือวินาทีที่ "ปล่อยวางตัวตน" หรือ "ปล่อยวางความอยากบรรลุธรรม" จังหวะนั้นคือสุญญตา
จังหวะของสุญญตาจังหวะนั้นเกิดจากการ "ไม่คิด" หรือ "ปล่อยวางความคิด" ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในปัจจุบันหรือที่เรียกว่าปล่อยวางปัจจุบัน