หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไมพระต้องถือตาลปัตร เวลาสวด...

โพสท์โดย Gamery

ปุจฉา: ทำไม....? ใช้ตาลปัตรบังหน้าเวลาสวด
วิสัชนา: เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพระสงฆ์ เมื่อจะสวดมนต์บางบทหรือในบางพิธี ต้องมีตาลปัตรเพื่อแสดงขั้นตอนการปฏิบัติตามศาสนพิธี หรือบ่งบอกงานพิธีนั้นๆ

 

ทำไมพระต้องถือตาลปัตร ?

 

พระสงฆ์จะใช้ตาลปัตร เมื่อถึงขั้นตอนหรือพิธี ดังต่อไปนี้

๑.เมื่อให้ศีลแก่อุบาสกอุบาสิกา ท่านจะตั้งตาลปัตรแล้วให้ศีล จนจบคำสรุปศีลก็จะวางตาลปัตรหรือปักไว้ที่ขาตั้ง ซึ่งอยู่ด้านหลังท่าน เป็นการบอกขั้นตอนของศาสนพิธีว่า ท่านกำลังให้ศีล

๒.เมื่อมีการเจริญพระพุทธมนต์ พระรูปที่ ๓ จะตั้งตาลปัตรแล้วขัดบทชุมนุมเทวดา หรือที่เรียกว่า ขัดสัคเค หมายถึง ท่านรูปนั้นกำลังเชิญเทวดาให้มาร่วมฟังพระปริตรที่พระสงฆ์กำลังสวดนี้ด้วย เมื่อท่านขัดเสร็จ จะวางหรือปักไว้ที่ขาตั้ง บ่งบอกว่า ท่านเริ่มเจริญพระพุทธมนต์หรือพระปริตร

๓.เมื่อท่านให้พร จะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของพิธีกรรม พระที่เป็นประธานจะตั้งตาลปัตรว่า ยถา วาริวะหา เป็นต้น (จะตั้งตาลปัตรเฉพาะรูปแรก แต่บางวัดหรือบางพิธีก็ตั้งทุกรูป) อุบาสกอุบาสิกาเริ่มกรวดน้ำและหยั่งน้ำให้หมดเมื่อท่านสวดจบบทนี้ (สังเกตว่า เมื่อท่านสวดจบบทนี้ พระรูปถัดไปจะสวดรับ แล้วท่านทั้งหมดจะสวดพร้อมกันไปเรื่อยๆ) บ่งบอกว่า ท่านกำลังประสาทพรแก่เรา

๔.เมื่อท่านพิจารณาผ้าบังสุกุลในงานอวมงคลหรืองานศพ ท่านจะตั้งตาลปัตร หรือในกรณีอยู่บนเมรุหรือจิตรกาธาน (ที่เผาศพ) ก็จะยืนถือตาลปัตรด้วยมือซ้าย (เฉพาะชักผ้าบังสุกุลเท่านั้นที่ท่านถือตาลปัตรด้วยมือข้างซ้าย) จับผ้าบังสุกุลด้วยมือขวา พร้อมกับกล่าวคำพิจารณาผ้า (บทว่า อะนิจจา วะตะ สังขารา เป็นต้น) เมื่อกล่าวเสร็จจึงชักผ้ามาใช้ได้ บ่งบอกว่า ท่านกำลังพิจารณามรณานุสสติหรืออสุภกรรมฐาน เรียกขั้นตอนนี้ว่า การชักผ้าบังสุกุล

๕.เมื่อท่านพิจารณาผ้าป่า หรือเรียกว่า ผ้าบังสุกุล นั่นเอง การถวายผ้าป่าสามารถทำได้ทุกฤดูกาล เมื่อทายกทายิกากล่าวคำถวายเรียบร้อย ประธานสงฆ์หรือท่านที่ได้รับมอบหมายจะตั้งตาลปัตรด้วยมือซ้าย จับผ้าด้วยมือขวา พร้อมกล่าวคำพิจารณาผ้า (บทว่า อิมัง ปังสุกูละจีวะรัง อัสสามิกัง มัยหัง ปาปุณาติ) จากนั้นท่านจะชักผ้า คือการหยิบผ้าไตรจีวรหรือผ้าผืนใดผืนหนึ่งในบรรดาผ้าไตรจีวร ซึ่งเจ้าภาพพาดไว้ที่ต้นผ้าป่า บ่งบอกว่า ท่านกำลังพิจารณาผ้ามาเป็นของตน เรียกว่า การชักผ้าบังสุกุล เช่นเดียวกัน

ประวัติการใช้ตาลปัตร

 ในสมัยพุทธกาล การใช้ตาลปัตรก็เพื่อพัดคลายความร้อน ดังปรากฏในพุทธประวัติหลายแห่งที่พระเถระได้ถวายงานพัดด้านหลังพระพุทธองค์ เช่น พระสารีบุตร ซึ่งกำลังถวายงานพัด (พัดใบตาล) พร้อมสดับพระธรรมเทศนาที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก หรือตอนที่พระสารีบุตรเองถือพัดอันวิจิตรขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาบนธรรมาสน์ และพระเจ้าปเสนทิโกศลก็เคยรับสั่งให้ประดิษฐ์พัดอันวิจิตรถวายพระพุทธองค์ ดังนั้น การใช้พัดจึงมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล และสันนิษฐานว่า คงมีมาก่อนสมัยพุทธกาล ซึ่งวัตถุประสงค์ก็เพื่อพัดคลายร้อน บังแดด บังลม

สาเหตุที่เรียกว่า ตาลปัตร เพราะเดิมทีทำจากใบตาล (ตาล+ปัตตะ) จึงเรียกตามลักษณะของพัด แต่ในพระพุทธศาสนามีคำเรียกพัดมากมาย เช่น วาลวิชนี จิตรวิชนี แต่ละอย่างมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ตาลปัตร เป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุด ทำด้วยใบตาล โดยนำใบมาตีแผ่ออกแล้วเจียนให้มน หรือมีรูปแบบตามใจชอบแล้วขึงริมให้ตึงเหลือก้านตาลไว้เป็นด้ามจับตรงกลาง

วาลวิชนี คือพัดที่มีด้ามด้านข้าง มีทั้งที่ทำด้วยใบตาล ขนนก หรือวัสดุมีค่าอื่นๆ มักเป็นเครื่องสูงสำหรับใช้โบกพัดท่านผู้สูงศักดิ์ หรือเป็นเครื่องราชูปโภค

จิตรวิชนี คือพัดอันวิจิตรงดงาม ตกแต่งด้วยสิ่งมีค่าของผู้เป็นเจ้าของ ใช้โบกพัดในเวลาอากาศร้อน

บางท่านกล่าวถึงเหตุผลการใช้พัดว่า เกิดจากการที่พระสงฆ์ได้แสวงหาผ้าบังสุกุล เพื่อทำเป็นจีวร จึงออกแสวงหาตามป่าช้า ซึ่งเป็นผ้าที่เขาทิ้งไว้บ้าง เป็นผ้าห่อศพบ้าง หากเป็นผ้าห่อศพที่ยังสด มีกลิ่นแรง ก็จะเอาไม้เขี่ยผ้าออกจากศพ และใช้ใบไม้มาปิดจมูกบ้าง ซึ่งสันนิษฐานว่า ท่านอาจใช้ใบตาล ซึ่งเป็นวัสดุที่ใหญ่พอพัดกลิ่นได้ดีกว่าอย่างอื่นและหาง่าย (ท่านใดเคยไปอินเดีย จะเห็นว่าตามท้องทุ่งแม้ในปัจจุบันยังคงมีต้นตาลเยอะมาก) การใช้ไม้เขี่ยผ้าและใบตาลมาปิดจมูกหรือพัดกลิ่นนี่เอง จึงกลายเป็นตาลปัตร

จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การใช้พัดใบตาลก็มีใช้และปรากฏหลักฐานในพุทธประวัติหลายแห่ง โดยใช้พัดคลายร้อนเป็นหลัก แม้ในเวลาแสดงธรรมก็สามารถโบกพัดได้ ดังนั้น เมื่อมาถึงสมัยปัจจุบันก็ยังนิยมใช้ เพียงแต่ประยุกต์รูปแบบและวิธีการบางอย่าง เช่น พระสงฆ์ไทยประดิษฐ์เป็นรูปพัดหน้านาง (พัดเปรียญ พัดยศประทวนสมณศักดิ์ พัดยศฐานานุกรมบางตำแหน่ง) พัดพุดตาน (พัดพระครูสัญญาบัตรชั้นต่างๆ ยกเว้นบางชั้น และพัดยศฐานานุกรมบางตำแหน่ง) พัดเปลวเพลิง (พัดพระครูสัญญาบัตรที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด หรือเจ้าอาวาสพระอารามหลวง) และพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (พัดพระราชาคณะชั้นต่างๆ) และการใช้พัดเหล่านี้ ก็ใช้เพื่อการเจริญหรือสวดพระพุทธมนต์ (รวมถึงการชักผ้าบังสุกุล การสวดให้พร) เป็นสำคัญ มิได้ใช้เพื่อพัดคลายร้อนเป็นการส่วนตัว หรือใช้โบกพัดขณะแสดงพระธรรมเทศนา และหากเป็นพัดที่ระบุยศตำแหน่งก็จะเรียกว่า พัดยศ (ใช้เฉพาะพระราชพิธี) หากเป็นพัดทั่วไป (ใช้ในงานทั่วไป) ก็จะเรียกว่า ตาลปัตร ซึ่งความจริง ก็คือตาลปัตรเหมือนกันหมด

จึงสันนิษฐานว่า การใช้พัดยศหรือตาลปัตรบังด้านหน้าขณะสวดมนต์บางบทหรือบางพิธี ดังในปัจจุบัน น่าจะประยุกต์วิธีการใช้ดังที่เคยมีในสมัยพุทธกาล แต่สอดแทรกอยู่ในพิธีกรรมหรือศาสนพิธีให้ดูเป็นพิธีรีตองขึ้น ตามขนบธรรมประเพณีไทยซึ่งมักพิถีพิถันในการทำบุญ

หากเคยเห็นพระศรีลังกาหรือพม่า ท่านจะใช้พัดเหมือนกัน แต่มีลักษณะเล็กๆ สำหรับใช้พัดคลายร้อนและสามารถติดตัวได้ทุกที เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สืบทอดการใช้พัดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

ที่มา: www.dhammajak.net/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Gamery's profile


โพสท์โดย: Gamery
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
52 VOTES (4/5 จาก 13 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
AI หลุดบอกเลข งวด 16 เมษายน 2567สุสานลับใต้ดิน ทำไมไม่มีใครกล้าเปิด "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้"เปิดเมนูแสนอร่อยของ "กัมพูชา" แต่ยอดแย่ที่สุดในโลกจนท.เข้าตรวจสอบสิ่งของลักษณะคล้ายโกศอัฐิ คาดลักลอบสร้างช่วงวันเสาร์ห้าเลขเด็ดคุณไก่ วุฒินันท์ สอนศรี งวด 16 เมษายน 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทำไมเวลาซื้อผ้าอนามัย ต้องห่อใส่หนังสือพิมพ์ ?เขมรว่าไง! โดรนที่ใช้แสดงในงานปีใหม่เขมร ก็คือผลงานคนไทย!ทหาร ลาพักร้อนช่วงสงกรานต์ กลับบ้านมาหาแม่ ถูกคนร้ายบุกรัวกระสุนเสียชีวิตหน้าบ้าน
ตั้งกระทู้ใหม่