จดหมายจากใจของทหารใหม่ที่ไม่ได้พบญาติ
"ขออภัยหากข้อความนี้เป็นเรื่องดราม่า
1 พ.ค. 2557 วันที่ผมต้องพรากจากครอบครัวมารับใช้ชาติ ผมตัดสินใจสมัครมาด้วยความรู้สึกที่ว่าถ้าได้รับใช้ชาติแล้วยังสามารถดูแลแม่และน้องสาวได้ก็คงดี (อีกใจนึงก็แค่อยากจะลองยิงปืนสักครั้งจัง^^) จนกระทั่งถึงตอนที่ต้องก้าวขึ้นรถผมรู้สึกถึงความดีใจของแม่และญาติที่มาส่ง ผมจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อมาถึงที่ค่ายก็เริ่มฝึกตามปรกติ ทุกคนจะสงบเสงี่ยมเหมือนลูกแมวมากเพราะไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลยทุกอย่างจึงเงียบและไม่เป็นระเบียบ เมื่อฝึกได้ครบสัปดาห์แรก พวกเราก็ได้รู้จักกันมากขึ้น เมื่อถึงสัปดาห์ที่สอง ที่ผมประทับใจก็คือ พวกเราช่วยเหลือกัน บางคนที่ช้าก็มีเพื่อนๆมาช่วย ได้ทำอะไรเหมือนๆกัน รับผิดชอบร่วมกัน ทำให้พวกเรายิ่งรักกันสามัคคีกันมากขึ้น
เพื่อนๆ ที่มาฝึกรวมทั้งผมก็เริ่มรู้สึกว่าคิดถึงคนทางบ้าน บางคนก็ได้รับบาดแผลกันไปบ้างจากการฝึกและตอนพักผ่อน แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากทางค่ายและครูฝึก ทำให้สนุกจนคลายความคิดถึงบ้านไปได้บ้าง จนได้มีข่าวมาประกาศว่าจะมีการเยี่ยมญาติในวันที่ 25 พ.ค. พวกผมและเพื่อนดีใจมาก ทุกคนคงกะว่าเมื่อถึงวันนั้น จะตะโกนเสียงดังลั่นเวลาเดินแถว และแอ็คท่าให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกประทับใจ (อาจมีบางคนแอบหมันไส้ที่ตอนฝึกเสียงเบา>.<) แต่ว่าดันเกิดเหตุการบางอย่างที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คือการประกาศกฎอัยการศึกและการรัฐประหารตามมา ..!!
ทำให้ทหารใหม่ทุกคนอดได้พบญาติเนื่องจากเหตุการความไม่สงบรุนแรง แต่พวกผมก็เข้าใจดีว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะคนไทยด้วยกันจะมาทะเลาะกันทำไมให้ประเทศชาติเสียหาย (อุหว้าเริ่มดราม่า)
พวกเราจึงยิ่งเข้าใจกันมากขึ้นเริ่มคุยถึงเรื่องคนทางบ้านทำให้ รักและสามัคคีกันยิ่งกว่าเก่ามันทำให้ผมรู้สึกว่า แม้พวกเราจะต้องไปรบ หรือต้องมีใครตาย เราจะไม่ทิ้งกัน และผมคิดต่อไปอีกว่า ถ้าโลกภายนอกค่ายฝึกแห่งนี้ มีคนที่รักและสามัคคีแบบนี้อีกมากๆ ก็คงจะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นอีกมากมาย
ผมตั้งใจว่าเรื่องราวที่เขียนจะบอกเล่าความรู้สึกของทหารใหม่ที่เข้ามารับการฝึกได้ดีพอ และไม่ได้หวังว่าจะสอนหรือจะสื่ออะไรให้ใครเสียหาย หากข้อความบอกเล่าความรู้สึกทหารใหม่ทำให้ใครเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยครับ"
PAJAMA พลฯ ภูวดล อินตะรัตน์
แอดมินจากเพจ กรมทหารราบที่ 7 ลงท้ายให้ว่า
อาจจะไม่ใช่ความคิดส่วนใหญ่ของทหารใหม่อีกหลายๆ นาย ที่คิดถึงและอยากพบคนที่ตนเองรัก แต่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนจากบทความนี้ว่า "เลือดของความเป็นทหาร ได้เข้าไปแทนที่ความเป็นพลเรือนเกือบจะ 100 % แล้ว จึงคิดถึงผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม มากกว่าประโยชน์และความสุขส่วนตน"
แอดแมวขอชื่นชมจากใจจริงครับ
เพจ กรมทหารราบที่ 7
30 พ.ค. 2557