ผ่าฟันคุด ไม่เจ็บอย่างที่คิด
"คนไข้มีฟันคุดอยู่นะรับ น่าจะรีบมาเอาออกให้นะครับ จะได้ไม่ปวด"
นี่คงเป็นคำพูดที่คนไข้ไม่อยากได้ยินจากปากหมอใช่ไหมครับ แค่รู้ว่าตัวเองมีฟันคุด ก็รู้สึกกลัวการผ่าฟันคุดขึ้นมาทันทีเลย อาจจะเพราะว่าเคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักไปผ่าฟันคุด แล้วมาบอกเล่าประสบการณ์(สยอง...หรือเปล่า) ให้ฟัง เลยทำให้กลัว
จริง ๆ แล้วการผ่าฟันคุดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดกันนะครับ(มั้ง) วันนี้เรามีเคล็ดลับที่ทำยังไงให้ผ่าฟันคุดแล้วไม่เจ็บมาบอกครับ ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนดีกว่าว่าฟันคุดคืออะไร
ฟันคุดคือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้เต็มที่ตามปกติ โดยมากมักจะเป็นในฟันกรามซี่สุดท้าย ( ในรูปคือ ฟันสีส้ม) สามารถเป็นได้ทั้งฟันบน และ ล่าง แต่ส่วนมากฟันล่างจะพบว่าเป็นฟันคุดได้มากกว่า ส่วนฟันซี่อื่น ๆ ถ้าขึ้นมาได้ไม่เต็มซี่ก็อาจเรียกว่าฟันคุดได้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยพบครับ
ทีนี้ฟันคุดมากคุดน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟัน ว่าฝังลึกลงไปในกระดูกมากน้อยแค่ไหนและมีความเอียงมากแค่ไหน (ลองดูรูปประกอบครับ)
ถ้ายิ่งฝังลึกลงไปมาก หรือมีความเอียงมากก็จะยิ่งทำยาก
ขั้นตอนการทำก็จะมีดังนี้
1. คุณหมอจะตรวจฟัน ซักประวัติว่ามีโรคประจำตัวไหม และ คุยกับคนไข้ก่อนว่าวันนี้จะผ่าฟันซี่นี้ เมื่อโอเคแล้วก็จะพาไป x-ray ดูฟันคุด
2. เมื่อได้ฟิล์มแล้ว หมออาจะบอกราคาค่าผ่าคร่าว ๆ ให้คนไข้ทราบว่าประมาณเท่าไหร่
3. จากนั้นก็จะ เอายาชาแบบทา ทาไปที่เหงือกก่อนเพื่อลดความเจ็บปวดตอนฉีดยา แล้วค่อยฉีดยาชาอีกที
4. ระหว่างรอชา อาจจะให้ทานยาแก้อักเสบ และแก้ปวดกันไว้ก่อน(แล้วแต่เคส)
5. เมื่อทดสอบดูพบว่าชาดีแล้วค่อยทำการผ่าฟันคุด
6. ผ่าเสร็จก็รับยา อ่านข้อปฏิบัติตัวหลังผ่าฟันคุดแล้วกลับบ้านได้เลย อีก 7 วันหมอจะมาดูแผล และตัดไหมที่เย็บไว้ครับ
จะเห็นว่าขั้นตอนที่เจ็บก็จะมีแต่ตอนฉีดยาชาเท่านั้นเอง พอชาแล้วตอนทำก็ไม่เจ็บ แต่จะมีความรู้สึก ว่า ตึง กด งัด ที่ฟันได้และช่วงที่ฟันจะหลุดออกมานั้น บางคนอาจจะเจ็บแปล๊บ ๆ ที่ฟันได้(ถ้าฟันซี่นั้นมีการอักเสบมาก่อน) บางคนก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ระยะเวลาการผ่าแล้วแต่ความยากง่ายค่ะ บางคนแค่ 15 นาที บางคน เกือบชั่วโมงก็มี แต่ระหว่างทำถ้ารู้สึกว่าเจ็บก็ยกมือบอกหมอได้ หมอจะเพิ่มยาชาให้ครับ
เพราะฉะนั้นเคล็ดลับง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นการ ถอนฟัน หรือ ผ่าฟันคุด ถ้าฟันซี่นั้นไม่เคยปวดเลย เช่น พอหมอตรวจพบว่ามีฟันคุดก็รีบมาเอาออกเลย ไม่ได้รอให้มันปวด หรือ อักเสบ ตอนทำก็จะไม่เจ็บค่ะ แต่คนส่วนมาก มักรอ ร๊อ รอ จนมันไม่ไหวแล้วจริง ๆ เลยมาเอาออก ถึงตอนนั้นมันก็อักเสบพอสมควรแล้ว ยาชาจะออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควรก็อาจจะรู้สึกแปล๊บๆ ตอนฟันจะหลุดได้ และอีกอย่างนึง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าส่วนมากฟันคุดจะเป็นแบบง่ายไม่ยาก ใช้เวลาการทำไม่นานมาก นาน ๆ จะพบฟันคุดที่ทำยากซักทีนึง
อีกอย่างนึงที่พบมากคือ ผ่าแล้วหน้าบวม เลือดไหลโจ๊กทั้งคืนไม่หยุด อ้าปากไม่ได้ อันนี้มักเกิดจากการที่คนไข้ปฎิบัติตัวหลังผ่าฟันคุดไม่ถูกต้อง เช่น กัดผ้าก๊อซไม่แน่น ชอบบ้วนเลือดและน้ำลายออกมา หรือ อมน้ำแข็งเป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด ส่วนอาการระบม หรือ ปวด บวมนั้น เป็นเรื่องปกติของการผ่าตัดอยู่แล้ว แต่หมอก็จะให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ และยาลดอาการบวมไปให้ ถ้าฟันคุดเอาออกยาก ก็จะระบมมากหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ยาก ก็อาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ค่ะทั้งนี้ทั้งนั้น อาการทุกอย่างจะหายเป็นปกติภายใน 3- 7 วันครับ
เรามาดูข้อปฏิบัติตัวหลังผ่าฟันคุดกันดีกว่า
- กัดผ้าก๊อซให้แน่น ประมาณ
ครึ่ง-1 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้คายผ้าออก
ถ้ายังมีเลือดซึมอยู่ให้กัดผ้าก๊อซอันใหม่
- หากมีเลือด หรือ
น้ำลายในปาก ให้กลืนไปเลย ห้ามบ้วนทิ้ง หรือ อมไว้
- ช่วง 2
วันแรกให้ประคบตรงแก้มด้วยน้ำแข็ง หลังจากนั้นหากมีอาการบวมให้ประคบด้วยน้ำอุ่น
- ช่วงที่แผลกำลังหาย
จะมีเนื้อเยื่อสีขาวเหลืองอยู่ที่แผล ห้ามแคะ เขี่ย บริเวณปากแผล
- ทำความสะอาดฟันได้ ตามปกติ
แต่ให้ระวังบริเวณแผล
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และ การออกกำลังกายหนัก ๆ
ครบ 7 วัน ให้มาตัดไหม
แล้วถ้าไม่เอาฟันคุดออกจะเป็นอะไรไหม ??????????
ฟันคุดถ้าไม่เอาออกอาจจะทำให้ มีอาการ ปวด บวมได้ หรือ อาจจะทำให้ฟันซี่ที่อยู่ติดกันผุได้ เพราะว่า บริเวณที่ฟันคุดมันชนกับฟันซี่ที่อยู่ติดกันนั้นมักทำความสะอาดไม่ได้ จึงมักทำให้ฟันซี่ที่ติดกันมันผุ กว่าจะตรวจพบบางทีก็สายไปเสียแล้วอุดไม่ได้ เผลอ ๆ กลายเป็นว่าต้องถอนที่ฟันคุด และ ฟันข้าง ๆ ไปด้วย หรืออาจจะเกิดเป็นถุงน้ำรอบ ๆ ฟันคุดก็ได้ ถ้าฟันคุดมีการอักเสบที่รุนแรง เชื้ออาจจะลามลงไปถึงคอได้ ซึ่งค่อนข้างอันตรายพอสมควรครับ
สรุปคือ ถ้าพบว่ามีฟันคุดควรรีบมาเอาออก เก็บไว้ในปากนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ยังมีโทษอีกด้วย ยิ่งมาเอาออกตอนอายุ น้อย ๆ ยิ่งเอาออกง่ายครับ ส่วนราคาก็ประมาณ : 800-3000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย (เชียงใหม่มาที่คณะทันตแพทย์ มช. น่าจะถูกที่สุดหรืออาจจะฟรีด้วยช้ำ)
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=clinicforfun27&date=06-09-2009&group=2&gblog=17