หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

การลำดับราชวงศ์และคำเรียก

โพสท์โดย winnercnx

การลำดับราชวงศ์และคำเรียก

ในสมัยอยุธยาแบ่งลำดับพระบรมวงศานุวงศ์ ตามกฎมณเฑียรบาล เริ่มจากสมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า ลูกหลวงเอก ลูกหลวงโท และพระเยาวราช อันดับแรกประสูติจากพระอัครมเหสี รองลงมากินเมืองเอกและโท มีพระมารดาเป็นพระสนมไม่ได้กินเมือง ต่อมาภายหลังแบ่งเป็น 5 ชั้นคือ ชั้นเจ้าฟ้า ชั้นพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ใช้กันมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ยศเจ้าฟ้านี้ เดิมพวกไทยใหญ่เรียกเจ้าครองเมือง สมัยพระเจ้าปราสาททอง ระบุราชสกุลเจ้าฟ้า ต้องเป็นพระราชโอรสธิดาที่มีพระมารดาเป็นเจ้า พระราชนัดดาซึ่งมีสมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าหายไปจากพงศาวดาร

ลำดับราชอิสริยยศ การใช้คำราชาศัพท์พระบรมวงศานุวงศ์ มีลำดับชั้นพระบรมราชวงศ์ตามประสูติกาลที่ใช้ในรัชกาลปัจจุบัน

1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

2. พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จพระบรม

สมเด็จพระบรมชนกนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

สมเด็จพระบรมราชกุมารี

3. พระบรมวงศ์ชั้นเจ้าฟ้า

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า

สมเด็จพระภคินีเธอ เจ้าฟ้า

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า

อนึ่ง คำว่า ทูลกระหม่อมชาย ทูลกระหม่อมหญิง ใช้เรียกเจ้าฟ้าที่มีพระราชชนนีเป็นอัครมเหสี ในกรณีที่เจ้าฟ้ากราบถวายบังคมลาออกจากราชอิสริยยศเพื่อสมรสกับสามัญชน ยังไม่มีพระบรมราชโองการสถาปนาขึ้นใหม่ บุคคลทั่วไปนิยมใช้ราชาศัพท์ตามราชอิสริยยศครั้งประสูติกาล คือครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า ในข่าวพระราชสำนักก็ใช้คำราชาศัพท์แต่ประสูติกาลเช่นเดียวกัน

4. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเป็นราชสกุลรองลงมาในรัชกาลก่อนๆ เป็นพระราชโอรสธิดาประสูติจากพระสนมที่เป็นเจ้าจอมมารดา เรียกตามกฎมณเฑียรบาลว่า พระเยาวราช หรือ พระองค์เจ้าที่เป็นพระเจ้าหลานเธอ หรือเป็นพระประยูรญาติหากเป็นพระราชโอรสธิดาใช้เรียกลำลองว่า "เสด็จ" แต่ถึงชั้นพระเจ้าหลานเธอเรียก "พระองค์ชาย" "พระองค์หญิง" ส่วนคำว่า "เสด็จในกรม" เรียกพระราชโอรสธิดาว่า "เสด็จในกรม" พระองค์เจ้ามี 3 ลักษณะ คือ

(1) พระองค์เจ้ายก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฯ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฯ พระวรราชาทินัดดามาตุ อิสริยยศพระวรชายา ถือเป็นสตรีสูงศักดิ์แม้สามัญชนก็ได้ยกตลอดสายถึงพระโอรสธิดา

(2) พระองค์เจ้าตั้ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระ วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า เฉพาะพระองค์เป็นพิเศษ เป็นอิสริยยศรองจากการทรงกรม สำหรับสถาปนาเลื่อนยศหม่อมเจ้าขึ้นเป็นกรณีพิเศษและอาจเลื่อนให้สูงขึ้นเป็นกรมหมื่น กรมขุน กรมหลวงได้ แต่โอรสธิดายังคงเป็นหม่อมราชวงศ์ตามเดิม

(3) พระองค์เจ้าแต่ประสูติกาล เป็นพระองค์เจ้าตลอดสายก่อนประสูติ คือพระองค์เจ้าชั้นพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดาที่โปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระองค์เจ้าตลอดสายไว้ก่อนประสูติแล้ว เป็นพระองค์เจ้าโดยกำเนิดซึ่งต่างจากพระองค์เจ้าตั้งเพราะขณะที่เกิดเป็นหม่อมเจ้า และโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าภายหลัง พระเจ้าหลานเธอแต่ประสูติกาลพระองค์แรกในรัชกาลปัจจุบัน คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

พระองค์เจ้าขึ้นไปไม่นิยมใช้พระนามราชสกุลต่อท้ายพระนามเฉพาะพระองค์ เว้นแต่ชั้นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์และหม่อมหลวง ต้องระบุพระนามราชสกุลด้วย โดยไม่ต้องมีคำ ณ อยุธยา ต่อท้าย ส่วนผู้ที่สืบราชสกุลต่อจากหม่อมหลวงลงมา หรือเป็นสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้มีคำ "ณ อยุธยา" ต่อนามราชสกุล

5. หม่อมเจ้า พระบุตรบุตรี ที่พระองค์เจ้ามารดาไม่ได้เป็นพระองค์เจ้าต้องเป็นหม่อมเจ้า คำลำลองใช้ "ท่านชาย" "ท่านหญิง" แต่ก่อนพระบุตรบุตรี ไม่ใช่โอรสธิดา ปัจจุบันยกย่องใช้ได้ ใช้คำราชาศัพท์ตรงคำส่วนใหญ่ไม่ต้องเติม ทรงพระ มากเหมือนชั้นสูงขึ้นไป

6. หม่อมราชวงศ์ ในสมัยอยุธยาเคยมีในทำเนียบศักดินา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทางสันนิษฐานว่าเป็นคำที่เติมขึ้นมาใหม่ ก่อนหน้านี้ใช้เรียกว่า "เจ้า" หรือ "คุณ" เป็นราชนิกุลที่เริ่มใช้เป็นทางการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ใช้คำว่าราชาศัพท์สำหรับพระมหากษัตริย์ใช้คำสุภาพชน แต่เรียกลำลองว่า "คุณชาย" "คุณหญิง" ถ้าเป็นราช นิกุล พจนานุกรมฯ ให้คำจำกัดความว่าตระกูลฝ่ายพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นตระกูลฝ่ายพระมเหสีใช้ว่า ราชินิกุล หรือราชินีกุล

7. หม่อมหลวง เริ่มใช้ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุตรบุตรีของหม่อมราชวงศ์ชาย ใช้คำสุภาพชนทั่วไป ไม่ใช้ราชาศัพท์ มีบุตรบุตรี ใช้นามสกุลตามราชสกุล ต่อท้ายด้วย ณ อยุธยา

ชายาของพระองค์เจ้าลงมาจนถึงหม่อมเจ้า เรียกว่า "หม่อม" นอกจากนี้คำว่า "หม่อม" ยังใช้เป็นราชทินนาม คือ บรรดาศักดิ์เจ้านาย หรือขุนนาง เช่น หม่อมราโชทัย หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์

ราชทินนาม บุคคลที่จะมีราชทินนามได้เริ่มตั้งแต่ชั้นเจ้านายถึงพระสงฆ์ ชั้นพระราชาไม่มีราชทินนามเพราะเป็นนามพระราชทานอยู่แล้ว เจ้านายที่ดำรงพระเกียรติยศสูง ก็ทรงสถาปนาพระราชทินนามใหม่ได้ เช่น ตำแหน่งชั้นกรม เป็น กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง กรมพระ กรมพระยา ส่วนที่เป็นวิสามานยนาม คือ เจ้านายที่ทรงกรมมีชั้นเจ้าฟ้ากับพระองค์เจ้าเท่านั้น พระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ มักมีราชทินนามเป็นพื้น เช่น สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระครู พระฐานานุกรม

การจัดลำดับฐานันดร ลำดับในการกำหนดชั้นบุคคลตามอิสริยยศและสมณศักดิ์ พระยาอุปกิตศิลปสาร จำแนกไว้ 5 ชั้น คือ 1. พระราชา 2. เจ้านาย

3. พระสงฆ์ 4. ขุนนาง 5. คนสุภาพ หม่อมหลวงปีย์ มาลากุล จำแนกเป็น 5 ชั้น คือ

1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 2. พระราชวงศ์ หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ 3. พระภิกษุ 4. ข้าราชการ 5. บุคคลทั่วไป

กระทรวงศึกษาธิการ จัดลำดับบุคคลไว้ดังนี้

1. พระมหากษัตริย์

2. พระบรมวงศานุวงศ์

3. พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

4. ขุนนางและข้าราชการ

5. คนสุภาพ

พระบรมวงศานุวงศ์ตามลำดับชั้นมีดังต่อไปนี้ (สำหรับรายนามลำดับที่ 16 และ 17 ใช้ราชาศัพท์ระดับสุภาพชนทั่วไป เรียกลำลองคำนำหน้าว่าคุณ ไม่ใช้คำราชาศัพท์เฉพาะสำหรับพระราชาและพระบรมวงศานุวงศ์)

1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

2. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

3. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

4. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

5. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี

6. สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี

7. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

8. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

9. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

10. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ

11. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

12. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

13. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

14. พระเจ้าหลานเธอ พระองคฺเจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

15. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

16. คุณพลอยไพลิน เจนเซน

17. คุณสิริกิติยา เจนเซน

พระราชอิสริยยศต่างกรม ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยกรุงธนบุรีมี 4 ชั้นคือ

ชั้นที่ 1 กรมพระ พระอิสริยยศสำหรับสมเด็จพระพันปีหลวง พระมหาอุปราชและวังหลัง

ชั้นที่ 2 กรมหลวง พระอิสริยยศสำหรับพระมเหสี ชั้นกรมหลวงสมัยกรุงธนบุรี

ชั้นที่ 3 กรมขุน พระอิสริยยศสำหรับเจ้าฟ้าราชกุมาร

ชั้นที่ 4 กรมหมื่น พระอิสริยยศสำหรับพระองค์เจ้า

ในรัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่เป็น "กรมสมเด็จพระ" เป็นชั้นสูงพิเศษอีกชั้นหนึ่ง ในรัชกาลที่ 5 ทรงเปลี่ยนพระนามอิสริยยศสมเด็จหน่อพุทธางกูร เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในรัชกาลที่ 6 ทรงประกาศยกเลิก "กรมสมเด็จพระ" โปรดเกล้าให้ใช้ "สมเด็จ กรมพระยา" แทน และทรงตั้งคำ "กรมพระยา" ขึ้นใช้ในราชการด้วย

บรรดาศักดิ์ขุนนาง ฝ่ายพลเรือนทั่วไปมี 6 ตำแหน่งคือ

สมเด็จเจ้าพระยา เช่น สมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์

เจ้าพระยา เช่น เจ้าพระยารามราฆพ

พระยา เช่น พระยาอดุลยเดชสยาเมศวรภักดีพิริยะพาหะ

หลวง เช่น หลวงนิคมพรรณเขตต์

ขุน เช่น ขุนจารุวรประสาท

นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเจ้าหมื่น หมื่น หลวง (นายเวร) นาย (บรรดาศักดิ์ เช่น นายวรการบัญชา) นายรอง ใช้ประกอบข้างหน้าราชทินนามสตรีที่เป็นภรรยาเอกของขุนนางจะมีคำเรียกเฉพาะเช่น ภรรยาเจ้าพระยา เป็นท่านผู้หญิง ภรรยาเอกของพระยาเป็นคุณหญิงและยังมีบรรดาศักดิ์เหมือนชายได้แก่เจ้าคุณท้าว พระ

ข้อสังเกตว่าเป็นคำราชาศัพท์

คำราชาศัพท์มีคำนามหมวดเครือญาติ หมวดอวัยวะร่างกาย หมวดเครื่องใช้ เครื่องราชูปโภค มีวิธีใช้ที่เป็นหลักสังเกตให้แยกแยะจากคำประเภทอื่นได้

1. มีคำว่า ทรง นำหน้าคำไทยที่เป็นกริยา เช่น ทรงออกกำลังกาย ทรงขับร้อง ทรงวิ่ง ทรงทราบ ทรงลา ทรงม้า ทรงดนตรี ฯลฯ ที่เป็นคำนามเช่น ทรงม้า ทรงดนตรี ทรงเครื่องใหญ่ (ตัดผม) มีคำว่า ทรง นำหน้าคำราชาศัพท์ที่เป็นภาษาอื่นใช้เป็นคำนาม เช่น ข้อพระหัตถ์ ถุงพระบาท ฯลฯ และใช้เป็นคำกริยา เช่น ทรงพระราชนิพนธ์ ทรงพระดำเนิน ทรงพระอักษร ทรงพระบรรทม ทรงพระประชวร ฯลฯ

2. มีคำว่า ต้น ใช้เนื่องในพระเจ้าแผ่นดิน ลงท้ายคำนามหรือกริยา เช่น เสด็จประพาสต้น กฐินต้น ช้างต้น ม้าต้น เครื่องต้น (เครื่องทรงสำหรับพระเจ้าแผ่นดินในพระราชพิธี เรียกเต็มว่าฉลองพระองค์เครื่องต้น ใช้เป็นของใช้ของเสวยสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน

3. มีคำว่า หลวง ที่เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน เช่น ศาลหลวง วังหลวง รถหลวง เรือหลวง วัดหลวง โรงเรียนหลวง พระเจ้าหลวง พระพุทธเจ้าหลวง ฯลฯ ต่อมามีคำเพี้ยนไปจากกลุ่มคำเหล่านี้ใช้ในความหมายแตกต่างกันไป เช่น งานราษฎร์งานหลวง หมายถึงงานราชการ ในหลวง หมายถึงพระเจ้าแผ่นดินเป็นภาษาปากแบบไม่เป็นทางการไม่ใช่ราชาศัพท์และมีคำซึ่งไม่ใช่ราชาศัพท์สำหรับพระมหากษัตริย์ เช่น ภรรยาหลวง เขาหลวง ฯลฯ หมายถึงใหญ่

4. การใช้คำ พระบรมราช-พระบรม พระราช พระ ราช พระบรมราช-พระบรม ใช้หน้า สำคัญยิ่งสำหรับพระมหากษัตริย์เพื่อเชิดชูพระอิสริยยศ เช่น พระบรมราชโองการ พระบรมมหาราชวัง พระบรมรูป พระบรมโพธิสมภาร พระบรมเดชานุภาพ พระบรมอัฐิ พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมวงศานุวงศ์ พระบรมราชวินิจฉัย พระบรมราโชวาท ฯลฯ

พระราช-ราช-พระ ใช้หน้าคำสามัญสำคัญรองลงมาหรือเป็นคำสามัญทั่วไปเช่น พระราชดำรัส พระราชโองการ พระราชนิพนธ์ พระราชประวัติ พระราชประสงค์ พระราชดำริ พระราชดำเนิน พระภูษา พระเต้าทักษิโณทก พระเนตร พระกรรณ พระสุพรรณศรี พระอัฐิ พระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ฯลฯ

พระภิกษุสงฆ์

การใช้คำสำหรับพระภิกษุสงฆ์ต่างจากราชาศัพท์ของพระมหากษัตริย์ เพราะพระมหากษัตริย์จะไม่ทรงใช้ราชาศัพท์กับพระองค์ท่าน จะทรงใช้เมื่อมีพระราชกระแสกับผู้อื่น แต่พระภิกษุสงฆ์ใช้คำสำหรับตัวท่านเองกับผู้ที่ท่านสนทนาด้วย

สำดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์

พระสมณศักดิ์

พระสมณศักดิ์ในประเทศ 16,431 รูป

สมเด็จพระสังฆราช 1 รูป

สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป

พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ 19 รูป

พระราชาคณะ ชั้นธรรม 43 รูป

พระราชาคณะ ชั้นเทพ 84 รูป

พระราชาคณะ ชั้นราช 184 รูป

พระราชาคณะ ชั้นสามัญ 402 รูป

พระครูสัญญาบัติ 15,690 รูป

พระสมณศักดิ์ในต่างประเทศ 43 รูป

พระราชาคณะ ชั้นเทพ 2 รูป

พระราชาคณะ ชั้นราช 3 รูป

พระราชาคณะ ชั้นสามัญ 9 รูป

พระครูสัญญาบัตร 29 รูป

รวม 16,474 รูป

ที่มา : สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม

ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547

 

สมเด็จพระสังฆราชที่เป็นเจ้านายแต่เดิมต้องเติมคำว่า "เจ้า" ต่อท้าย ส่วนพระสังฆราชจากสามัญชน ไม่ต้องใช้ราชทินนาม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน ร.6 ทรงเปลี่ยนคำนำหน้านามเจ้านายทรงกรมแสดงพระอิสริยยศ จาก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ใช้ราชาศัพท์สำหรับสมเด็จพระสังฆราชเทียบชั้นพระองค์เจ้า แต่สมเด็จพระราชาคณะถ้าไม่ใช่เจ้านายอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์พระองค์เจ้า

พระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ มี 4 ชั้น คือ ชั้นธรรม ชั้นเทพ ชั้นราช และ ชั้นสามัญ

ชั้นพระครู พระครูฐานานุกรม พระราชาคณะชั้นราชขึ้นไปจะมีพระครูปลัด พระครูใบฎีกา พระครูสังฆรักษ์ พระครูชั้นประทวน (ได้ตำแหน่งพระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา ไม่มีนิตยภัต)

นามฉายา คือนามที่พระอุปัชฌาย์ให้เป็นภาษาบาลีเวลาบวช

การใช้คำราชาศัพท์ของพระภิกษุ

ราชาศัพท์ที่ไม่ใช้ศัพท์เฉพาะพระราชา แต่หมายถึงพระภิกษุมีความแตกต่างกัน เพราะพระราชาจะไม่ทรงใช้คำราชาศัพท์สำหรับพระองค์ท่านเอง แต่เป็นคำที่คนทั่วไปใช้สำหรับพระองค์ท่านเพื่อเทิดพระเกียรติด้วยความจงรักภักดี พระภิกษุใช้พูดสำหรับท่านเองและเป็นคำที่ฆราวาสใช้พูดกับท่านหรือท่านพูดกับฆราวาส จึงเป็นศัพท์เฉพาะใช้สำหรับพระภิกษุ

การใช้ถ้อยคำสำหรับพระภิกษุ ตัวอย่างเช่น

อาตมา อาตมภาพ (อาตม + ภาว) ใช้เป็นคำแทนพระภิกษุผู้พูด เมื่อพูดกับฆราวาส

เกล้า พระสงฆ์ใช้พูดกับสมเด็จพระสังฆราชใช้แทนตัวผู้พูดว่าเกล้ากระผม หรือพูดกับพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์พูดสั้นๆ ว่า เกล้า

ท่าน ใช้เป็นสรรพนามกล่าวถึงพระภิกษุสามเณรทั่วไป

พระคุณท่าน ใช้กล่าวถึงสรรพนามของพระภิกษุสมณศักดิ์ชั้นธรรม รองจากสมเด็จพระราชาคณะ

พระคุณเจ้า ใช้กับสมเด็จพระราชาคณะ รองจากสมเด็จพระสังฆราช

นมัสการ คำขึ้นต้นในจดหมายถึงพระสงฆ์ทั่วไป หรือกล่าวคำปราศรัยด้วย

เจริญพร พระภิกษุใช้กับฆราวาสในคำขึ้นต้นจดหมายและกล่าวคำปราศรัยด้วย

คำราชาศัพท์ที่ใช้กับสมเด็จพระสังฆราช ใช้ระดับพระองค์เจ้า ถ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า มิใช่เชื้อพระวงศ์ แต่ถ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้าแสดงว่ามีฐานันดรศักดิ์เดิมชั้นหม่อมเจ้าหรือพระองค์เจ้าอยู่แล้ว จะใช้คำราชาศัพท์ระดับ พระเจ้าบรมวงศ์ พระภิกษุทรงสมณศักดิ์ สมเด็จพระราชาคณะลงมาถ้ามิได้มีฐานันดรเดิมชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปก็ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ มีเฉพาะสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น

เจริญพระพุทธมนต์ ใช้ในการนิมนต์พระภิกษุเกี่ยวด้วยงานมงคล ถ้านิมนต์เกี่ยวด้วยงานศพ พึงกล่าวว่าสวดมนต์

การนิมนต์พระ ตามความนิยม นิมนต์ 5 รูป 7 รูป หรือ 9 รูป เป็นเลขคี่เพราะถือว่ารวมพระพุทธด้วยก็เป็นจำนวนคู่ นิมนต์ไปงานมงคลสมรสนิยมนิมนต์พระ 8 รูปเป็นสิริมงคล แต่สำหรับพิธีหลวงทุกพิธี ทางราชการต้องนิมนต์ตั้งแต่ 10 รูปเป็นอย่างน้อย ถ้านิมนต์ไปงานศพ นิมนต์เพียง 4 รูป

ใบปวารณา การถวายจตุปัจจัยแด่พระภิกษุสามเณร ต้องใช้ใบปวารณามิให้กล่าวถึงเงินโดยตรง ให้ใช้คำว่า ข้าพเจ้าขอถวายจตุปัจจัยแด่พระคุณท่านเป็นมูลค่าบาทสตางค์

เบญจางคประดิษฐ์ การกราบพระพุทธรูป, พระภิกษุ, พระรัตนตรัยแบบคุกเข่าทั้งสองจดพื้น คว่ำฝ่ามือทั้งสองวางแผ่ราบจดพื้นให้ข้อศอกแนบลำตัว หน้าผากจดลงบนพื้น รวมเป็นองค์ 5 กล่าวคือ การกราบโดยให้อวัยวะทั้ง 5 ได้แก่เข้าทั้ง 2 มือทั้ง 2 และหน้าผากจดลงกับพื้น

การกรวดน้ำ ควรหยดน้ำหลั่งเป็นสายเดียวอย่างสม่ำเสมอทีละน้อยไม่ขาดสาย ไม่ควรให้มีเสียงน้ำหยดหรือไหลดังเกินควร ให้เริ่มกรวดน้ำตอนคำอนุโมทนาว่า "ยถาวรีวหา" ผู้กรวดจึงตั้งจิตแผ่ส่วนกุศลไปยังบุพการี ผู้ที่ประสงค์จะแผ่กุศลไปให้ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อพระสวดจบบนยถา จึงหยุดกรวดน้ำ นั่งประนมมือฟังพระอนุโมทนาต่อไปจนจบ

รูป ลักษณะใช้เรียกกับพระภิกษุสามเณร เช่นพระรูปหนึ่ง สามเณร 3 รูป เป็นคำใช้แทนตัวผู้พูด สำหรับพระภิกษุสามเณรพูดกับคฤหัสถ์ เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1

องค์ ลักษณะนามใช้เรียกสิ่งที่เคารพบูชา เช่น พระพุทธรูป 1 องค์ บาทหลวง 1 องค์ เป็นลักษณนามใช้กับสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะว่ามีจำนวน "องค์" แทน "รูป" ใช้กับนักบวชในศาสนาอื่นด้วย

ชี นักบวช เช่น ชีปะขาว คำเรียกหญิงที่นุ่งขาวห่มขาว โกนคิ้วโกนผม ถือศีล แม่ชีก็เรียก ชีต้น พระสงฆ์ที่เป็นอาจารย์ ภาษาโบราณใช้เรียกนักบวชหญิงว่ารูปชี ก็มี

ถวาย บุคคลทั่วไปใช้ถึงพระภิกษุ หรือพระภิกษุถวายพระพรพระมหากษัตริย์และเจ้านาย

เผดียงสงฆ์ แจ้งให้สงฆ์ทราบ

นิมนต์ (เชิญ, เชื้อเชิญ) เช่นนิมนต์ไปฉัน นิมนต์รับบาตร

อาราธนา (เชื้อเชิญ, นิมนต์, อ้อนวอน) เช่น อาราธนาแสดงธรรม อาราธนาพระปริตร อาราธนาศีล

อุบาสก-อุบาสิกา บุรุษ-สตรีที่นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คำลำลองว่าประสก-สีกา เป็นคฤหัสถ์ชายหญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง

ฉัน ฉันภัตตาคาร กินอาหาร ภิกษุฉันวันละ 2 ครั้งคือ ตอนเช้ากับตอนกลางวัน เรียกว่าฉันจังหันและฉันเพล

โยม พระภิกษุใช้เรียกญาติผู้ใหญ่ หรือผู้มีอาวุโส เช่นบิดา เรียกว่าโยมผู้ชาย มารดาเรียกว่าโยมผู้หญิง หรือโยมพ่อโยมแม่ ฆราวาสจะกล่าวถึงญาติผู้ใหญ่ของท่านก็ใช้คำนี้ด้วย

มรณภาพ, ถึงแก่มรณภาพ ตาย

อาพาธ เจ็บไข้

ประเคน มอบของส่งให้พระภิกษุกับมือ ผู้ชายต้องใช้สองมือยก ผู้หญิงจะยกส่งถึงมือต่อมือไม่ได้ พระภิกษุจะต้องเอาผ้าวางรองรับ โดยท่านถือชายผ้าอีกข้างหนึ่งไว้ ให้ผู้หญิงประเคนของนั้นลงบนผ้า

หัตถบาส ระยะระหว่างพระสงฆ์ที่นั่งทำสังฆกรรมหรือระหว่างพระภิกษุสามเณรกับคฤหัสถ์ผู้ถวายของ ห่างกันไม่เกินศอกหนึ่ง

ครองผ้า ครองจีวร นุ่งห่ม ถ้าใช้กับพระสังฆราชใช้ทรงจีวร ทรงสบง

ภัตตาหาร อาหาร

ปลงอาบัติ พระภิกษุแสดงความผิดของตนเพื่อเปลื้องโทษทางวินัย

ปลงธรรมสังเวช พระภิกษุเกิดความสังเวชโดยธรรมเมื่อเห็นความแตกดับของสังขาร

ปลงบริขาร พระภิกษุมอบบริขารให้ผู้อื่นเวลาใกล้ตาย

ปลงผม โกนผม

กุฏิ ที่อยู่ของพระภิกษุสามเณร

บิณฑบาต รับอาหารใส่บาตรโดยพุทธศาสนิกชนตักบาตร

ทำวัตร สวดมนต์ จำวัด นอน

สรง อาบน้ำใช้แก่บรรพชิตและเจ้านาย

คำราชาศัพท์ที่มักใช้ผิด

1. คำที่ใช้ประกอบกริยา มักจะมีคำ ทรง นำหน้าคำธรรมดา หรือ ทรงพระ หน้าคำราชาศัพท์ หรือมี ต้น หลวง ประกอบท้ายให้เป็นราชาศัพท์ แต่ถ้าเป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้วไม่ต้องเติมทรง จึงมักมีผู้ใช้ผิดเช่น ทรงเสด็จ ทรงตรัส ทรงโปรด ฯลฯ ต้องใช้คำว่า เสด็จ ตรัส โปรด จึงจะถูก

2. คำกริยาที่มักจะเป็นปัญหาในการใช้ราชาศัพท์อีก 2 คำได้แก่คำว่า "เป็น" กับ "มี" คำทั้งสองนี้ถ้าใช้นำหน้าคำที่เป็นราชาศัพท์ จะไม่มีคำว่า "ทรง" นำหน้า เช่น เป็นพระราชโอรส เป็นพระราชนัดดา มีพระบรมราชโองการ มีพระราชเสาวนีย์ ฯลฯ เป็นต้น ต่อเมื่อ "เป็น" กับ "มี" นำหน้าคำธรรมดาจึงจะใช้ "ทรงเป็น" "ทรงมี" เช่น ทรงเป็นทหาร ทรงเป็นครู ทรงเป็นนักปราชญ์ ทรงมีกรรม ทรงมีทุกข์ ทรงมีเงิน ฯลฯ เป็นต้น

3. คำว่า รับเสด็จ ไม่ใช้ ถวายการต้อนรับ เพราะไม่ใช่สิ่งของและไม่ใช่คำราชาศัพท์เหมือนถวายพระพรชัย นอกจากนี้ หากเป็นพระราชาต่างประเทศไม่ใช้บรม เช่น พระราชินีนาถวิกตอเรีย ไม่ใช้สมเด็จพระบรมราชินีนาถ คำว่า บรม ใช้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดินไทย

4. มีราชาศัพท์บางคำใช้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ได้แก่ วันพระบรมราชสมภพ เพราะสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมฯ จะใช้วันพระราชสมภพ พระราชวงศ์ทั่วไป ใช้วันประสูติ พระบรมราชโองการ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ใช้พระราชเสาวนีย์เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ใช้พระราชบัณฑูรเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สมเด็จพระบรมราชกุมารี มีพระราชบัญชาเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า พระราชวงศ์ทั่วไปใช้พระราชดำรัสสั่ง

5. คำขึ้นต้น ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ลงท้ายด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ใช้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สำหรับพระบรมโอรสาธิราชและสมเด็จพระบรมราชกุมารีใช้ขอพระราชทานกราบบังคมทูล ทราบฝ่าละอองพระบาท ส่วนสมเด็จเจ้าฟ้าใช้ขอพระราชทานกราบทูล ทรงฝ่าพระบาท ลงท้ายว่าด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมหรือควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม กับควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามลำดับ ชั้นพระองค์เจ้าพระราชโอรสธิดาทุกรัชกาลใช้ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท ลงท้ายเหมือนเจ้าฟ้า ชั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระ

วรวงศ์เธอใช้กราบทูล ทราบฝ่าพระบาท ลงท้ายควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ชั้นหม่อมเจ้าทูล ทรงทราบ ลงท้ายแล้วแต่จะโปรด

จากเรื่อง "วัฒนธรรมทางภาษา" ของ ประภาศรี สีหอำไพ, โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
winnercnx's profile


โพสท์โดย: winnercnx
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
168 VOTES (4.3/5 จาก 39 คน)
VOTED: mynameissnow
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรกทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนเตรียมนำอัฐิทหารกล้าพลีชีพศึกไทย-เขมรไว้ในอนุสาวรีชัยสมรภูมิสถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นเจ้าของห้องเช่าถูกคู่สามีภรรยาฆ่าและยัดในกระเป๋าหลังทวงค่าเช่าที่ค้าง 4 เดือน แม่บ้านช่วยขวางทางหนีได้ทันเวลาเปิดเหตุผล ทำไมเขมรถึงพยายามรุก บ้านหนองจาน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทยด่วน F-16 ไทยถล่มฐานเขมร ที่สตึงกัด ทหาร กัมพูชาเสียชีวิต 18 นายปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นายZootopia 3: เมื่อ ‘หนูมาเฟีย’ ถอดรหัส Godfather สู่เก้าอี้นายกเทศมนตรี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เตรียมนำอัฐิทหารกล้าพลีชีพศึกไทย-เขมรไว้ในอนุสาวรีชัยสมรภูมิ"บักบอย" อินฟลูฯ เขมรปากดี! พาดพิง "คนลาว"..กล่าวหาว่าเลียฝ่ายไทยZootopia 3: เมื่อ ‘หนูมาเฟีย’ ถอดรหัส Godfather สู่เก้าอี้นายกเทศมนตรี
ตั้งกระทู้ใหม่