เปิดหน้าประวัติศาสตร์จีน "ชายรักชาย" ฉบับวังต้องห้าม!!
ภาพเขียนจีนโบราณแสดงถึงการมีรสนิยมทางเพศระหว่างชายกับชาย
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่และยาวนานมากครับ นับเป็น “อู่อารยธรรม” ของโลก ที่เผยแพร่ความเจริญิไปในที่ต่างๆ ทั้งเข็มทิศ กระดาษ อานม้า ผ้าไหม สารพัดนับไม่หวาดไม่ไหว เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดขึ้นโดยมันสมองของชนชาติมังกร นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นภูมิปัญญาของชาวจีนที่สืบทอดต่อกันมา นั้นคือวัฒนธรรมประเพณีจีนที่บางทีกลมกลืนเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นจนดูเหมือนของดั้งเดิมของชาตินั้น เทศกาล “ตรุษจีน” นั้นเอง
ในบ้านเรา ตรุษจีนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนนั้นประกอบด้วยหลายสิ่งที่ดัดแปลงมาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบไทยๆเป็นต้นว่า ขนมเทียนไส้เค็มไส้หวานอย่างบ้านเรานี้ ที่เมืองจีนไม่มีน่ะครับ (เท่าที่รู้มา) พอเขาเห็นคนไทยมีขนมใส่ไส้เลย เกิดชอบขึ้นมาจึงเอาไปดัดแปลงประดิษฐ์เป็นขนมเทียนบ้าง เรื่องคิดค้นสิ่งใหม่นี้ คนจีนถนัดมาก พวกเขาฉลาด และเรื่องบริโภคประดิษฐกรรมแสนอร่อยนั้น ผมถนัดมาก 555+
พล่ามมาตั้งนาน ในจีนยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกพบอยู่ในประวัติศาสตร์จีนเป็นที่แรกๆ แต่ว่ามันถูกปกปิดไว้ในฐานที่เป็นเรื่อง”ต้องห้าม” แต่รู้กันทั่วหล้าในจีน อยู่ในพงศาวดารกระซิบนั้นคือ “รักร่วมเพศ หรือชายรักชาย” (ในสมัยนั้นเขายังไม่มีหญิงรักหญิงน่ะครับ)เชื่อกันว่าส่วนที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการที่สุดมากจาก “ราชสำนักจีน” เมื่อคุณทั้งหลายลองดูไปจะไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลักการปกครองแบบ “โอรสสวรรค์” ของจีนก็คือ “เอกบุรุษ” หนึ่งเดียวที่ได้รับประกาศิตสวรรค์มาให้ปกครองคนเป็นล้าน และชายผู้เป็นหนึ่งนี้ก็เป็นผู้มี “ความเป็นบุรุษ” แต่เพียงคนเดียวในฐานชั้นในที่มีคนอาศัยอยู่นับพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอิตถีเพศ(เพศหญิง) และอีกส่วนหนึ่งนั้น “เคยเป็นบุรุษ” มาก่อน นั้นก็คือ “ขันที” ครับ(ชายที่ถูกตอน)
การเสพกามระหว่างชายกับชายสมัยโบราณ(ภาพจากเรื่อง flozen flower )
เมื่อสภาพแวดล้อมขององค์ฮ่องเต้ในจีน มันมีแต่ “หญิงแท้” กับ “ชายเทียม” แบบนี้ ในบางจังหวะแห่งเวลาที่มีฮ่องเต้ทรงพระเยาว์บวกกับไทเฮาก็ยังเด็กอยู่ ผู้ที่แลดูเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ก็มีแต่ขุนนางกับขันทีชั้นผู้ใหญ่ที่เข้านอกออกในกันได้สบายๆ บางครั้งเลย เกิดสะดุดรักกันขึ้นมาเลยครับ
ในเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์พาคนยุคปัจจุบันไปสู่เรื่องน่าแปลกใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรทั้งนั้นก็คือเรื่อง “ชายรักชาย” ที่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใหม่น่ะ ก็เพราะมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มาร่วม 5,000กว่าปีแล้วโว้ย!? ตั้งแต่สมัยปฐมบทจักพรรดิของจีนมีนามว่า “จักพรรดิเหลือง” มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งชวนหื่นขึ้น ระหว่างบุรุษผู้เป็นใหญ่กับ “เด็กชาย” แม้ในสนามรบที่แสนกดดันเคร่งเครียด บรรดา “แม่ทัพนายนกอง” ยังมีเรื่องของการคลายเครียดโดยใช้บริการจากเด็กชายในกองทัพด้วย (ก็ในกองทัพมันไม่มีผู้หญิงนิ) แค่นี้ยังไม่ตกใจ ที่ตกใจกว่า คือ มันมีมาตั้งนาน ก่อนสงคราม “สามก๊ก” ซะอีก
ยามเมื่อออกศึกสงครามไม่มีสตรีเพื่อให้ทหารได้ปลดปล่อย ทหารบางรายจำต้องใช้มือ หรือ ทหารมีตำแหน่งหน่อยก็เรียกใช้ทหารผู้น้อยมาทำหน้าที่แทนสตรี(เรื่องนี้ปรากฏอยู่หลายวัฒนธรรม) เมื่อมองๆดูแล้วอาจจะมีแต่ “กลุ่มชนชั้นสูง” อย่าง ฮ่องเต้ ขุนนาง นายทหาร ในความเป็นจริงแล้วคนทั่วไปก็คงแอบๆมีอยู่น่ะ แต่ไม่ได้ออกมาสู่แสงสปอตไลต์กลางเวทีแบบปัจจุบัน มีคำพูดที่คล้ายกับคำแสลงคำหนึ่งในภาษาจีนใช้เรียก “เกย์” ในยุคจีนโบราณว่า พวกตัดชายเสื้อ (Sleeve-Slicing affect-tion) หรือจะเรียกในปัจจุบัน ประมาณว่า “คู่จิ้นตัดชายเสื้อ” (มันต่างกันเหรอ!?)
เรื่องนี้มีที่มาจาก ฮ่องเต้ไอ่ (Emperor Ai) มีชายหนุ่มผู้หนึ่งสนิทใกล้ชิดกับองค์ฮ่องเต้มาก นามว่า ต่งเสียง (Dong Xian) เดิมทีเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่ไกลสายพระเนตร แต่วันหนึ่งด้วยชะตานำพาให้ฮ่องเต้เกิดประสบพบเนตรนายต่งเข้าแล้วต้องพระทัย จากนั้นในประวัติศาสตร์ก็กล่าวว่า จากข้าราชกาลชั้นเล็กจ้อยไม่ค่อยมีเสียง จู่ๆ นายเสียงก็กลายเป็น "บิ๊กเสียง" คนเสียงใหญ่เปี่ยมด้วยอิทธิพลด้วยการอยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้เสมอนั้นเอง ท่านบิ๊กเสียงนี้เปรียบได้กับ "เงา" ของฮ่องเต้ครับ (เงาเลยเหรอ?) ไม่ว่าจะเสด็จไปไหนต้องมีนายเสียงใหญ่นี้ไปด้วยเสมอ (ทุกที่?) จนวันหนึ่งฮ่องเต้ไอ่ประทับนั่งอยู่แล้วนายเสียงซึ่งเฝ้าแหนใกล้ชิดพระพาหา(แขน) เกิดหลับแบบสบายอกสบายใจไป นายเสียงคงเป็นคนที่นุ่มนวลและเชื่อว่าไม่กรนเพราะฮ่องเต้จะรู้พระองค์หันมาเห็นเข้าว่านายเสียงพระสหายรักหลับฝันหวานทับชายแขนฉลองพระองค์อยู่ พระองค์ทรงมองอย่างเมตตา ทว่าขณะนั้นเชื่อว่าฮ่องเต้จะทรงเมื่อยเต็มแก่ แต่ครั้นจะลุกก็ทรงเกรงใจนายเสียง ฮ่องเต้จึงทรงคว้าพระขรรค์มาจากที่ใกล้ๆ แล้วตัดชายแขนเสื้อของพระองค์ออกเสีย ก่อนที่จะลุกไปอย่างเงียบๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนนิทารมณ์ของนายเสียง เรื่องนี้เป็นที่มาของคำเรียกเกย์จีนยุคโบราณว่า "พวกตัดชายเสื้อ" ครับ
และที่เด็ดหน่อยก็อยู่ในจีน อย่างในเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีนี่เราก็จะเห็น "กระเทยคนแรกในประวัติศาสตร์จีน" (ที่ออกหน้าออกตาได้) ซึ่งเป็นซีรี่ย์จีนที่สร้างจากการอิงทางประวัติศาสตร์ แต่ตามตำนานแล้วคนจีนถือว่าเรื่องแบบนี้มันโสมม เลยไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่ แต่ก็มีบันทึกว่าฮ่องเต้หลายองค์ก็เคยมีอะไรกับขันที แม้แต้องค์องค์ชายหลายๆพระองค์ก็มีรสนิยมเสพกามกับชาย อาทิ เรื่ององค์รัชทายาทของถังไท่จง คือหลี่เฉิงเฉียนเป็นเกย์เพราะมีสัมพันธ์สวาทกับชายอันเป็นที่รัก ส่วนบันทึกที่แน่ชัดที่สุดก็อยู่สมัยราชวงศ์ชิงคือลูกชายของเฉียนหลง"ติดใจ"ในกามรสของชายหนุ่ม ซึ่งทำให้โดนปลดจากรัชทายาท
บรรดาองค์ชายจากราชวงศ์ชิง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต