คำว่า "ไทยเฉย" และ "ไทยไม่เฉย" คืออะไร คือใครในสังคมไทย

หลายปีที่ผ่านมา คนไทยต้องพบกับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองโดยตลอด และไม่ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ ท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านั้น มักมี 'ไทยเฉย' ซ่อนอยู่หลังม่านเสมอ

ไทยเฉย

ถูกนิยามโดยนักวิชาการ และนักวิเคราะห์ทั่วไปในหลากหลายความหมาย หากสรุปคร่าวๆ โดยส่วนใหญ่ให้คำนิยามไปในทำนองที่ว่า เป็นคนที่สนใจเรื่องทำมาหากินมากกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองมากนัก มีทัศนคติเป็นลบกับการเมืองและนักการเมือง เบื่อการชุมนุมไม่ว่าฝ่ายไหน ไม่ชอบก็แค่บ่นแต่จะไม่ไปเดินขบวนขับไล่ใคร

มุมมองความเห็นของ ชนิดา ชิตบัณฑิตย์ อาจารย์ประจำสาขามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ปรากฏการณ์ของกลุ่มไทยเฉยตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบันว่า ไทยเฉยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

- กลุ่มแรกคือไทยเฉยแบบ "ออริจินัล" คือกลุ่มคนที่เคยนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ทางการเมืองแม้ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเฉยอยู่ หากดูประวัติศาสตร์ไทยมาตั้งแต่อดีตก็พบว่าจะมีคนกลุ่มนี้อยู่ตั้งแต่ต้น กล่าวได้ว่า ไทยเฉยเป็นคนชนชั้นกลางทั่วๆ ไปในสังคมไทยที่ไม่สนใจการเมือง เห็นการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว เป็นคนทั่วไปที่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร

- กลุ่มที่สองคือ "ไทยเฉยใหม่" เป็นกลุ่มไทยเฉยที่เพิ่งเกิดขึ้นมาจากวาทกรรมการเมืองยุคใหม่ กลุ่มนี้คือชนชั้นกลางที่ไม่เห็นด้วยกับการเมืองแบบเดิมๆ นั่นคือ พอได้รัฐบาลที่เลือกตั้งมา ก็จะมีการเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ล้มรัฐบาล มีทหารมาปฏิวัติ มีนายกพระราชทาน แล้วก็เลือกตั้งใหม่ ถือเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซึ่งมาจนถึงวันนี้คนรุ่นใหม่ไม่ตอบรับกับการเมืองแบบนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าครั้งนี้ก็มีผู้ร่วมชุมนุมที่เป็นนิสิตนักศึกษา พนักงานออฟฟิศรุ่นใหม่ๆ เข้ามาร่วมมากขึ้น

ผศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

 คำว่าไทยเฉย ถูกเอาไปใช้ประโยชน์จากกลุ่มชุมนุมทุกกลุ่ม การนิ่งเฉยทำให้คนอื่นเอาไประบายสี เอาไปใส่ชุดความคิดอื่นๆ เข้าไป เพื่อสร้างวประโยชน์ให้กับฝ่ายของตน เพียงแต่ว่าใครจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่ากัน

ไทยไม่เฉย

จากลักษณะของไทยเฉยที่เคยมีมาในอดีต แต่เมื่อพิจารณาการชุมนุมครั้งนี้ จะพบว่าวันนี้คนไทย 'ไม่เฉย' อีกต่อไปแล้ว เพราะจากกลุ่มไทยเฉยเริ่มรับข่าวสารข้อมูลมากขึ้น ไม่ได้มาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มาด้วยเหตุผล และข้อมูลที่มีในมือ ขยับฐานะมาเป็นไทยเฉยรุ่นใหม่ 

 ชนิดา ชิตบัณฑิตย์ อาจารย์ประจำสาขามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"มันเหมือนเป็นกระแสกดดันด้วยนะว่า ถ้าใครไม่ออกมา แสดงว่าคุณเป็นไทยเฉย เป็นการปลุกพลังคนที่เป็นไทยเฉยในอดีตให้หันมาสนใจปัญหาบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ทีนี้คนกลุ่มนี้เขาก็เริ่มสนใจ จากเดิมอาจจะแค่ฟังข่าวที่บ้าน ดูข่าวทางเน็ต แต่ตอนนี้ก็เริ่มลุกขึ้นมา ออกมาเดินขบวนร่วมกับกลุ่มชุมนุม ก็กลายเป็นไทยเฉยใหม่ ซึ่งคนกลุ่มนี้เขาเชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นเครื่องมือนักการเมืองคนไหน แล้วเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยเป็นอย่างนี้ แล้วเขาจะไม่เล่นในกฎกติกาแบบนี้ และกลุ่มนี้มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งคือ มีความศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์"

วาทกรรมที่ว่าคนที่ออกมาชุมนุมเป็นคนดี คนที่ไม่ออกมาแปลว่าไม่รักชาติหรือเป็นไทยเฉยนั้น

จึงเปรียบเหมือนเป็นการแสดงถึงความเหยียดหยามคนอื่น โดยเหมารวมว่า คนที่อยู่เฉยๆ แปลว่าไม่รักชาติ แปลว่าชอบรัฐบาล หรืออื่นๆ นั่นเป็นการกดดันและบังคับให้คนในสังคมต้องแบ่งสีกันตลอดเวลา ที่สุดก็จะไม่มีวันรวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันได้

ผศ.ดร.ปาริชาด สุวรรณบุบผา ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล 

ส่วนตัวคิดว่าเราไม่มีไทยเฉยหรอกค่ะ คนที่ถูกเรียกว่าเป็นไทยเฉยในความเป็นจริงเขามีหลักการและเหตุผล มีจุดยืนกันทุกคน ไม่ได้อยากจะอยู่นิ่งเฉยกับปัญหาบ้านเมือง เพียงแต่ว่าเงื่อนไขปัจจัยจัยของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน และต้องดูด้วยว่าการที่จะออกมาแสดงเหตุผลทางการเมืองนั้นมีพื้นที่ปลอดภัยเพียงพอหรือเปล่า

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20131211/549098/%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2(%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88)%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A2.html