ลวงโลก: ตะเกียบอนามัย อันตรายกว่าที่คิด
โพสท์โดย ลูกสาวอบต
อุปกรณ์หนึ่งในการกินก๋วยเตี๋ยวที่จะขาดเสียไม่ได้เลย ก็คือ "ตะเกียบ" โดยผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่วนใหญ่นิยมใช้ "ตะเกียบอนามัย" ชนิดใช้แล้วทิ้ง
ฟังชื่อแล้วทําให้มั่นใจว่าจะได้ตะเกียบที่สะอาด ปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วตะเกียบชนิดนี้เป็นที่สะสมของสารเคมีอันตรายหลายชนิด โดยเฉพาะ "สารฟอกขาว" ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้แช่ถั่วงอก ที่มีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบ เมื่อสารชนิดนี้ถูกน้ำร้อนหรือของที่มีอุณหภูมิสูงจะเปลี่ยนเป็นสารซัลฟูริก ชนิดเดียวกับที่ใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์
เมื่อเราใช้ตะเกียบที่มีสารฟอก ขาว ในอาหารที่ร้อนจัด เช่น สุกี้ หม้อไฟ หมูกระทะ เป็นต้น จะทําให้สารดังกล่าวละลายออกมาจากตะเกียบ ปะปนในอาหาร
ในรายที่แพ้ ง่ายหรือเป็นโรคหอบหืดจะมีอาการแสดงทันทีที่ได้รับสารนี้เข้าไป ส่วนในคนที่ร่างกายแข็งแรงจะยังไม่แสดงอาการ แต่จะค่อยๆ สะสมในร่างกาย ทําให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง จึงมีโอกาสเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าปกติ เพราะร่างกายไม่มีภูมิต้านทาน หากได้รับสารสะสมนานเข้าอาจกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง
เพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องใช้ตะเกียบ
วิธี การที่ช่วยให้เราเลี่ยงจากพิษภัยของสารเคมีในตะเกียบ เมื่อต้องใช้ตะเกียบกินของร้อนๆ สามารถป้องกันได้ด้วยการนําตะเกียบไปแช่ในน้ำร้อนก่อนประมาณ 3-4 นาที แล้วเทน้ำทิ้งไป จึงค่อยนําตะเกียบมาใช้
แต่ในความเป็นจริงการแช่ตะเกียบตามร้านอาหาร หรือร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางค่อนข้างยุ่งยาก และคนขายไม่อยากทําให้
ทางที่ดีคือ เราอาจนําตะเกียบส่วนตัวไปใช้เอง หรือทําความสะอาดตะเกียบให้เรียบร้อยก่อนนํามาใช้ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
=================================================
เริ่มแรก FWD Mail ตัวนี้มีที่มาจากการพบสารฟอกขาวในข่าวการตรวจสอบพบ Trace SO2 ในตะเกียบ โดยพบว่าตะเกียบในไต้หวันมีปริมาณ SO2 เกินกว่า 500 ppm ถึงร้อยละ 68[1] ข่าวดังกล่าวถูกนำมาเป็นประเด็นและในฝั่งภาษาอังกฤษ มันก็ขยายไปถึงว่า ถ้าเอาตะเกียบไปแช่น้ำร้อนจะเห็นผงสีขาวค่อยๆละลายออกมาจากตะเกียบเลยด้วย[2]
ทั้งนี้ Bleach ที่ว่า มันก็คือ SO2 ตัวตรงๆเลยละครับ SO2 เป็น Reducing Agent และฟอร์มที่มันจะ Reduce ลงไปก็ได้แก่เป็นรูปซัลไฟต์ (-SO32-) หรือซัลเฟต (-SO42-) ซึ่งตกค้างอยู่ในรูปเกลือ หรือตัว SO2 เองที่ตกค้างกับความชื้นในรูปกรดซัลฟิวรัสหรือกรดซัลฟิวริค
สำหรับการตกค้างในรูปซัลไฟต์ ซัลไฟต์ เป็นหนึ่งใน 9 สารเคมีพื้นฐานที่ก่ออาการแพ้ในกลุ่มอาหาร ซึ่งการแพ้ส่วนใหญ่จะเป็นการสัมผัสกับผิวหนัง นแง่การบริโภค มันก็อาจทำให้เกิดอาการหารใจลำบาก หรือหอบหืด ซึ่งทั้งนี้ ก็ต้องระบุว่ามันเป็นอาการที่อยู่ในกลุ่มภูมิแพ้ครับ ในอุตสาหกรรมไวน์ และอาหารกระป๋อง มีการใส่ซัลไฟต์เป็นสารถนอมอาหารตามปรกติ ถ้าเปรียบเทียบอันตรายก็คงเทียบว่าเหมือนอาหารทะเลที่บางคนแพ้บางคนไม่แพ้[3]
และทั้งนี้ ซัลไฟต์เป็น Reducing agent มันจะทำปฏิกิริยาต่อกับออกซิเจนในอากาศถ้ามีความชื้นแล้วก็เปลี่ยนรูปไปอยู่ในรูปซัลเฟตอยู่ดี ตรงนี้เองการใส่ซัลไฟต์เล็กน้อยลงในไวน์จะช่วยกำจัดออกซิเจนส่วนเกินที่ละลายอยู่ในไวน์และรักษารสชาติไวน์ได้นานขึ้น[4]
สำหรับปริมาณตกค้างในรูปกรดซัลฟิวริค ถ้าให้ความเข้มข้นขนาด 500 ppm หรือ 0.05% ในกรณีที่บริโภคตะเกียบเข้าไปทั้งด้าม เราก็จะได้ปริมาณกรดซัลฟิวริคเทียบเท่า 0.007% ของปริมาณ LD50 ที่ทดสอบในหนู อืมม์ เอาเป็นว่าถ้ามีไอ้บ้าที่ไหนแทะตะเกียบเล่นจนตายเพราะพิษกรดซัลฟุริคโดยไม่โดนไม้ตำเหงือกแหกเลือดสาดตายก่อน มันก็คงต้องแทะตะเกียบเข้าไปสัก 3 กิโลได้ (ปริมาณขนาดนี้ ต่อให้เป็นการดื่มน้ำเล่นก็ยังถือว่าอันตรายเลยนะครับนั่น) [5] หรือจะเทียบอีกอย่างเช่นร่างกายคนมีกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ แต่ไฮโดรคลอริกก็มีค่า LD50 ในหนูที่ 900 mg/kg โดยในกระเพาะคนเรามีกรดไฮโดรคลอริกสำหรับย่อยอาหารที่ความเข้มข้น 0.5% ครับ
ถ้าผมเขียน FWD เมล์นี้ผมจะอ้างพวกไซยาไนด์ หรือยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันมอด ดีกว่ามาอ้างกรดซัลฟิวริคเพราะมีเหตุผลกว่าเยอะครับ หรือถ้าจะพูดตรงๆเรื่องความด้อยคุณภาพในการควบคุมการผลิตมันก็ได้ และโดยส่วนตัว ผมกลัวเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อโรคจากกระบวนการผลิตแบบแบกะดินมากกว่าการใช้ยาฆ่าแมลงด้วยซ้ำ เพราะยาฆ่าแมลง Dose น้อย มันก็ไม่มีผล แต่เชื้อโรค มันเข้าไปแล้วมันขยายพันธุ์ได้ ดูกระบวนการผลิตตะเกียบในไทยก็แล้วกัน
ทางเลือกประเภทใช้ตะเกียบอนามัยชั้นดีที่ผลิตจากเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ทันสมัยมันก็มี เราก็จะไม่เห็นการแบกะดินแต่ทั้งนี้ การเอาตะเกียบสำหรับตัวเองมาใช้ นอกจากประเด็นเรื่องสุขอนามัยแล้ว มันก็เป็นมาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ในประเทศญี่ปุ่น แต่ละปี มีปริมาณตะเกียบที่ใช้แล้วทิ้งคือ 25,000,000,000 คู่ คิดเป็นน้ำหนักขยะก็ประมาณ 500,000 ตันต่อปี ซึ่งญี่ปุ่นกำลังพยายามเปลี่ยนวัฒนธรรมให้เป็น Eco-friendly และก็มีมาตรการต่างๆเพื่อลดการใช้ตะเกียบใช้แล้วทื้ง โดยมีการรณรงค์ให้พกพาตะเกียบมาใช้เอง อย่างบราเซียร์พร้อมพกตะเกียบของ Triumph[6] ซึ่งก็ออกบราเซียร์รูปแปลกๆออกมาให้เห็นบ่อยๆ
ผมไม่รู้นะว่าจะมีใครใช้บราเซียร์พกตะเกียบอย่างนี้จริงไหม แต่ทั้งข้าวและมิโซะดูน่ารับประทานมากครับ อ่ะ มาดูแบบภาพเคลื่อนไหวกันมั่ง
ในอังกฤษ ก็มีการทำ Survey ที่จะเปลี่ยนจากตะเกียบใช้แล้วทิ้งมาเป็นตะเกียบล้างใช้ใหม่ ซึ่งจากการ Survey คนก็ให้กระแสสนับสนุนวัฒนธรรม Eco-Friendly เช่นกัน[7] สำหรับในไทย การพกตะเกียบใช้เองก็ไม่น่าเป็นเรื่องเสียหาย อย่างการลดการใช้ถ้วยกระดาษโดยให้เอาถ้วยกาแฟมาเอง ก็เป็นมาตรการที่มีการนำใช้กันอยู่
แต่ทั้งนี้ ถึงผลลัพธ์ของ FWD Mail นรก นี่จะออกมาในทางที่เป็น Eco-Friendly ดีต่อสุขอนามัย มันก็แค่การบังเอิญขี้ตรงร่องของพวกชิงหมาเกิดที่วันๆกะสร้างความปั่นป่วนให้สังคมเท่านั้นละครับ การโกหกยังไงก็คือการโกหกวันยังค่ำ สมมุติมีคนเคยเชื่อเรื่องประเด็นสารฟอกขาวในตะเกียบ แล้วมาพบว่ามันเป็นเรื่องโกหก พอมาเจอข่าวเรื่องความสกปรกของตะเกียบ ก็อาจคิดว่าเป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่โกหกพวกนี้ ถึงจะเหมือนมีผลลัพธ์ดี มันก็ยังเป็นเรื่องชั่วช้าอยู่นั่นเอง
อ้างอิง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
52 VOTES (4/5 จาก 13 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สื่อนอกอวย ทหารไทยสุดเจ๋ง ไม่ใช่แค่รบ แต่ถล่ม 'เมืองสแกมเมอร์' พังท่อน้ำเลี้ยงโจรได้สิ้นซาก
วอลเลย์บอลชายไทย เฉือนชนะ อินโด คว้าทองซีเกมส์ในรอบ 8 ปี
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ชาวบ้านรู้! เพจดังแฉบ่อนพนันสารคาม เปิดเล่นโจ๋งครึ่ม 3 วันแล้ว ไม่กลัวกฎหมาย
ไฟในอย่าน่าออก ไฟนอกอย่าน่าเข้าHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หุ้น Facebook ลงเกือบ 30% ในคืนเดียว
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทอง
เลขเด็ด "คำชะโนด (ปกเขียว)" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!!
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน


