หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เป็นเปรตเพราะกินของสงฆ์ ต้องทรมานอย่างไรบ้าง

โพสท์โดย ทิมมี่ ทิมมี่
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย พร้อมด้วยสามเณร ๔-๕ รูป มุ่งหน้ายังภูลังกา แต่เวลาก็บ่ายคล้อยใกล้ค่ำเข้ามาทุกที มองเห็นวัดร้างท้ายหมู่บ้านซึ่งมีหญ้าปกคลุมแทบมองไม่เห็นทางเข้า 

ผ่านประตูวัดก็ถึงศาลาหลังหนึ่งที่ทรุดโทรม มองดูโย้..เย้..จะพังมิพังแหล่ ที่มีอยู่เพียงหลังเดียวของวัด รอบๆ ศาลา เห็นมีต้นหมาก ต้นมะพร้าว สูงลิบลิ่วเลยหลังคาศาลาไปไกล

แสดงว่าวัดนี้สร้างมานานแล้วนั่นเอง หลวงปู่บอกว่ามองดูบนศาลาที่มีไม้กระดานปูพื้นยังไม่เต็มศาลาดีนั้นดูระเกะระกะ สกปรก รกรุงรัง มองเพดานเห็นมีแต่ยากไย่ใยแมลงมุมสะสมมานาน ขี้ค้างคาวก็หนาเตอะ

หลวงปู่ให้เณรน้อยสาม-สี่รูปรีบไปสรงน้ำให้เสร็จก่อนมืดเดี๋ยวจะมองไม่เห็นอะไร สามเณรได้มาปูที่นอนจำวัดถวายหลวงปู่ไว้ด้านมุมศาลาใกล้พระประธานที่มีอยู่องค์เดียวของวัด ส่วนสามเณรก็ปูที่นอนเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบสวยงามอีกมุมศาลาด้านหนึ่ง...

สามเณรสรงน้ำยังไม่ทันเสร็จ ก็มีเสียงระฆังที่แขวนอยู่ใกล้บันไดทางขึ้น ดัง..เหง่ง..หง่างๆ สุนัขในหมู่บ้านเห่าหอนรับกันเป็นทอด ๆ สามเณรรีบเดินกลับมายังศาลาอย่างรวดเร็ว

หลวงปู่ถามว่า "เณร ! เคาะระฆังทำไม เดี๋ยวชาวบ้านก็มาเต็มวัดหรอก.."

สามเณรต่างองค์ต่างมองหน้ากันแล้วกราบเรียนหลวงปู่ว่า.. "กระผมเข้าใจว่าหลวงปู่เคาะเรียก พวกกระผมจึงรีบกลับมาครับผม.."

หลวงปู่จุดเทียนไขที่มีติดย่ามมานั้น แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิ อบรมสั่งสอนสามเณรเป็นประจำวัน..แล้วจึงได้แยกย้ายกันพักผ่อนด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาตลอดทั้งวัน..

ยิ่งมืดก็ยิ่งเงียบและวังเวง...เสียงนกแสกและนกฮูกร้องรับกันอยู่บนหลังคาศาลา...หนูที่ซุกตัวอยู่ตามซอกตามมุมวิ่งกันให้พล่านไปทั้งศาลา ...ดึกมากแล้ว 

นี่..สามเณรองค์ไหนมาเดินเล่นทำไม? พื้นกระดานของศาลาให้ดัง ..กุบ..กั้บ..ๆ..สลับกับมีเสียงลากเสื่อดังพรืด !..ๆ.. อยู่บนศาลาด้านที่สามเณรนอนเรียงกัน..หลวงปู่หันไปมองโดยอาศัยแสงไฟจากเทียนไขที่ริบหรี่ รำไร ใกล้จะมอดดับแต่ยังพอมองเห็นอะไรเป็นอะไรได้บ้างนั้น..

หลวงตาแก่ๆ รูปหนึ่งกำลังจับขาสามเณรที่นอนเรียงกันสูงบ้างต่ำบ้างดึงลงมาเพื่อให้เท่า ๆกัน เสร็จแล้วก็เดินไปด้านบนหัวนอน หลวงตาก็จับหัวสามเณรดึงขึ้นไปอีก..

สามเณรองค์เล็กซึ่งต่ำกว่าเพื่อนก็จะถูกจับลากจับดึงมากกว่าองค์อื่น หลวงตาวนเวียนดึงหัวดึงเท้าสามเณรอยู่อย่างนั้น..เวลาหลวงตาเดินผ่านมาทางแสงเทียนสังเกตว่าตัวท่านสูงศีรษะเกือบชนขื่อของศาลา แถมยังมีกลิ่นสาบฉุน ๆ ตามมาอีกด้วย..

หลวงปู่กำหนดจิตดูจึงรู้ได้ว่า หลวงตาที่ออกมาเดินจัดระเบียบสามเณรอยู่นี้ คือ "เปรตขรัววัดองค์ก่อน ได้ทำบาปไว้มากเหลือเกินจึงติดหนี้สงฆ์ เพราะกินของสงฆ์ไม่ได้อุปโลกน์นั่นเอง.."

หลวงปู่เล่าว่า..พอเสียงไก่ที่หมู่บ้านขันบอกยามสองยามสามแล้วนั่นเอง เปรตหลวงตาจึงหายเงียบเข้าไปที่ห้องข้าง ๆ สามเณรนอนอยู่นั่นเอง ...ฟ้าสางของวันใหม่แล้วจึงพากันออกบิณฑบาต มีชาวบ้านออกมาใส่บาตรพร้อมกับถามว่าเมื่อคืนพักที่ไหน..

พักที่วัดท้ายบ้าน..หลวงปู่ตอบ.!..

วัดนี้สร้างมานานแล้วตั้งแต่สมัยปู่โน่นแหละครับ แต่ไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหนอยู่ได้ข้ามคืน เป็นเพราะขรัววัดองค์เก่าที่ท่านตายไปแล้วท่านยังหวงยังห่วงสิ่งของของท่าน

ใครไปหยิบไปจับอะไรในวัดไม่ได้เลย ขนาดกลางวันแสกๆ ยังออกมาตีฆ้อง ตีระฆัง ให้สนั่นหวั่นไหว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้วัดได้เลย พวกชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร ทำบุญให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียที..

หลวงปู่เดินกลับจากบิณฑบาต มีชาวบ้านตามมาส่งจังหันตามธรรมเนียมของคนอีสาน หลวงปู่ได้หารือว่าควรช่วยกันทำบุญสงเคราะห์สมภารท่านอีกสักครั้ง เพราะท่านตกระกำลำบาก

เป็นเปรตเวทนาเฝ้าวัดอยู่อย่างนี้ ท่านอุตส่าห์สร้างวัดสร้างวามาแล้ว มาเป็นอย่างนี้ หลวงปู่จึงให้ชาวบ้านออกไปหานิมนต์ครูบาอาจารย์สายป่ามาอย่างน้อย ๕ รูป และมอบให้ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งช่วยไปจัดหาอาหารและสิ่งของเพื่อถวายเป็นไทยทานอุทิศส่วนกุศลให้เปรตสมภารในวันพรุ่งนี้

หลวงปู่อธิบายต่อไปอีกว่า "ทานที่ทำแล้วจะได้บุญมากต้องพร้อมหน้าแห่งวัตถุสาม ได้แก่ ๑. ศรัทธา ๒. ไทยธรรม ๓. ทักขิไณยบุคคล ทั้งสามประการนี้ แต่ธรรมสองประการหาได้ง่าย คือ ไทยธรรมและทักขิไณยบุคคล.. แต่ศรัทธานั้นหาได้ยาก เพราะปุถุชนมีศรัทธาไม่มั่นคง.."

คืนต่อมาภายหลังจากทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว สามเณรหลับสนิทตามประสาเด็ก เปรตสมภารองค์เดิมก็จำแลงกายออกมาจัดระเบียบเหมือนอย่างคืนก่อนอีก สามเณรที่ตัวเล็กที่สุดจะถูกดึงขึ้นดึงลงอีกทั้งคืนเช่นเคย...

หลวงปู่ได้นั่งมองดูด้วยความสังเวช จึงส่งกระแสจิตถามไปว่า "ท่านเป็นใคร ทำไมจึงมาเป็นเปรตอยู่อย่างนี้ ไม่อยากไปเกิดหรือ..."

สมภารเปรตตอบว่า " เราเป็นขรัววัดนี้เอง สมัยที่ยังไม่ตายได้ทำบาปเพราะกินของสงฆ์... ตายแล้วจึงต้องมาเป็นเปรตเฝ้าใช้หนี้สงฆ์อยู่อย่างนี้ ทุกข์ทรมานเหลือเกิน อยากจะไปเกิด แต่ก็ไม่มีใครทำบุญให้ 

ญาติพี่น้องก็ไม่เคยทำบุญให้เลย ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่มาวัดอีก เพราะเขากลัว เราพยายามตีกลองตีระฆังให้เขามากัน เพื่อต้องการจะบอกว่าเราทุกข์ทรมานเหลือเกินช่วยทำบุญให้ด้วยเถิด..

เขาก็พากันกลัว.. เราหวีดร้องเพื่อให้เขาได้ยินเสียงของเรา เขาก็กลัวอีกเช่นกัน...จึงไม่รู้จะทำอย่างไร ทรมานอยู่อย่างนี้เป็นเวลานานมากแล้ว?"..

หลวงปู่ถามต่ออีกว่า " ท่านทำบาปอะไรไว้มากมายนักหรือ จึงไม่สิ้นบาปสักที..."

"เราเป็นสมภารก็จริง แต่ครูบาอาจารย์ไม่เคยบอกเราเลยว่า สิ่งของที่ชาวบ้านนำมาถวายวัดที่เป็นครุภัณฑ์ ประเภท จอบ เสียม มีด พร้า นั้นจัดเป็นของสงฆ์แจกแบ่งกันไม่ได้

แต่เราได้นำของสงฆ์เหล่านั้นไปให้ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และของบางอย่างเราก็ขาย จึงเป็นบาปหนักเพราะเอาของสงฆ์ไปขาย.. และอีกอย่างหนึ่ง เมื่อชาวบ้าน เขาถวายภัตตาหารถวายสังฆทานด้วยคำว่า 'ภิกขุ สังฆัสสะ..' 

เราไม่เคยได้เผดียงสงฆ์อุปโลกน์ก่อนแจกเลย เราแจกเองกินเองโดยไม่ได้เผดียงสงฆ์ จึงชื่อว่าได้กินของสงฆ์มาโดยที่ไม่ได้อุปโลกน์ให้ถูกต้องตามพระวินัยเสียก่อน เราจึงกินของสงฆ์มาตั้งแต่บวชจนกระทั่งตาย ตายแล้วก็ต้องมาเป็นเปรตเฝ้าวัดจัดระเบียบอยู่อย่างนี้ไปไหนไม่ได้ทรมานมาก โปรดช่วยเราด้วยเถิด"

วันพรุ่งนี้จะทำบุญอุทิศให้ เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมในการรับส่วนกุศลเสียเถิดนะท่านสมภาร..หลวงปู่กล่าว...

เช้าวันใหม่ท้องฟ้าแจ่มใสกว่าทุกวัน ชาวบ้านได้พร้อมใจกันมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้สมภารเปรตอีกครั้งตามที่หลวงปู่ขอร้อง ได้พากันจัดหาสิ่งของต่างๆ ที่สมภารเอาของสงฆ์ไปขาย 

มาใช้คืนสงฆ์แทนให้ท่านสมภาร เช่น จอบ มีด พร้า เป็นต้น ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติที่นิมนต์ไว้มาพร้อมแล้ว หลวงปู่ก็เริ่มนำชาวบ้านประกอบพิธีทำบุญถวายทานโดยเฉพาะเจาะจงให้แก่ท่านสมภารที่เป็นเปรตโดยตรง ลำดับแรกบูชาพระรัตนตรัย ให้ญาติโยมรับศีลห้ากันทุกคน เสร็จแล้วได้กล่าวคำถวายสังฆทาน


เสร็จแล้วเพื่อความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่จึงพากล่าวคำกรวดน้ำตามแบบอย่างของพระเจ้าพิมพิสารว่า

"อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ของข้าพเจ้าทั้งหลายมีท่านสมภารวัดแห่งนี้เป็นต้น จงมีความสุขเถิด ฯ"

เปรตสมภารวัดซึ่งรอรับส่วนกุศลอยู่แล้วก็อนุโมทนาในตอนนั้นนั่นเอง ...

ต่อมาภายหลังหลวงปู่ได้สอบถามผู้คนที่ผ่านไปมาถึงวัดดังกล่าว ก็ปรากฏว่ามีพระอยู่เป็นที่เรียบร้อย สมภารเปรตนั้นก็เงียบหายไปไม่เคยมาหลอกหลอนใครอีกนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ข่าวการทำบุญให้เปรตในครั้งนี้ทราบไปถึงท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร แห่งวัดภูลังกา พระอาจารย์วังจึงให้ญาติโยมมาติดต่อ ขอนิมนต์หลวงปู่ช่วยไปทำบุญให้เปรตที่วัดบ้านนางัวด้วย เพราะที่วัดบ้านนางัวนั้นก็มีเปรตอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านอยู่เช่นกัน
 

 

 

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=246727822155649&set=a.105766246251808.12844.100004552991588&type=1&theater

ที่มา:
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทิมมี่ ทิมมี่'s profile


โพสท์โดย: ทิมมี่ ทิมมี่
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
48 VOTES (4/5 จาก 12 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แม่ให้ลูกอัดคลิปบอกลาพ่อ ก่อนใช้ปืนยิงลูกดับ"คารม" เดือด เตือน "โน้ส อุดม" เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องระวังพูด อย่าทำร้ายสังคมเลือดกรุ๊ปไหนมีสมรรถภาพร่างกายดีกว่ากัน?ข้าราชการราชวงศ์ชิงออกเยี่ยม: ภาพที่น่าตกตะลึงของผู้แบกเกี้ยว"โน้ส อุดม" ขอยอมแพ้ บุก สนง.ใหญ่ "Netflix"..เพราะทนกระแสกดดันไม่ไหวภาพยนตร์ชุดจากประเทศไทย ที่ทำเงินสูงมากที่สุดตลอดกาลร้านไหนเนี่ย! สาวซื้อขนมโตเกียว เจอใส่ซองกระดาษเอกสาร รพ. มีข้อมูลชื่อ-นามสกุล ของเจ้าหน้าที่ครบเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่เก่งด้านทักษะภาษาอังกฤษด่วน ! ฝนกระหน่ำตกหลาย ชม.ภูเก็ต-กระบี่ น้ำท่วมหลายจุด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"อ.เฉลิมชัย" ฝากถึงรุ่นน้องอย่าง "โน้ส อุดม"..อย่าพาดพิงถึงศิลปินแห่งชาติมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศกัมพูชา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เกย์
หนัง Holding The Man หรือ ในอ้อมกอดเขาหนัง Total Eclipse หรือ " รักนี้โลกห้ามยาก "หนัง King Cobra " เปลื้องผ้าให้ฉาวโลก "The Normal Heart หัวใจธรรมแต่ว่าแกร่ง
ตั้งกระทู้ใหม่