130 ล้านปีกับไดโนเสาร์ ภูเวียง
วันนี้พี่จะพาน้องๆไปดูไดโนเสาร์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เองครับ ที่นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูเวียง จังหวัดขอนแก่นนั่นเองครับ
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูเวียง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยอนุรักษ์ซากไดโนเสาร์ และเผยแพร่เรื่องราวของไดโนเสาร์ ตลอดจนธรณีวิทยาสาขาอื่น ๆ ให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยจัดให้อยู่ในรูปแบบของแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการของ จ . ขอนแก่น โดยมีพื้นที่ 100 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอนแก่น และกรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ด้านทรัพยากรธรณีสู่สาธารณชน เพื่อการอนุรักษ์
เพื่อประโยชน์ของสังคมและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนต่อไป อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบริการ ได้แก่ ร้านขายของที่ระลึก ขายอาหาร ห้องบรรยาย ส่วนวิชาการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการ ห้องทำงาน ห้องสมุด และส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและชั้นบน
สืบเนื่องจากในปี พ.ศ. 2513 หน่วยสำรวจธรณีวิทยาจากสหรัฐอเมริกา ได้เข้าไปสำรวจแหล่งแร่ในพื้นที่เทือกเขาภูเวียง จังหวัดขอนแก่น และได้พบแร่ยูเรเนียมชนิดคอฟฟินไนต์เกิดร่วมกับแร่ทองแดงชนิดอะซูไรต์และมาลาไคต์ ทำให้ต่อมาองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานปรมาณูเข้าไปสำรวจเพิ่มเติมด้วย ระหว่างปี พ.ศ. 2518 ตลอดจน 2523 กรมทรัพยากรธรณีได้เข้าไปทำการเจาะสำรวจในรายละเอียด ในปี พ.ศ. 2519 นายสุธรรม แย้มนิยม นักธรณีวิทยา ได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์เศษกระดูกไดโนเสาร์บริเวณพื้นลำห้วยประตูตีหมา และต่อมาวินิจฉัยได้ว่าเป็นเศษส่วนปลายของกระดูกขาหลังท่อนบนด้านซ้ายของไดโนเสาร์ซอริสเชียในกลุ่มซอโรพอด (ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่มี 4 ขา คอยาว หางยาว) โดยถือได้ว่าเป็นการค้นพบหลักฐานไดโนเสาร์เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นำไปสู่การสำรวจและวิจัยอย่างจริงจังจนถึงปัจจุบัน
การสำรวจและวิจัย
นับจากการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณี โดยโครงการความร่วมมือด้านบรรพชีวินวิทยา ไทย-ฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจไดโนเสาร์บนเทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง มีการค้นพบกระดูก ฟัน และรอยตีนไดโนเสาร์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่พบอยู่ในหินทรายหมวดหินเสาขัวยุคครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว) มีทั้งไดโนเสาร์ซอโรพอดและเทอร์โรพอด หลากหลายสายพันธุ์ และมีขนาดตั้งแต่ตัวเท่าแม่ไก่ ไปจนถึงมีลำตัวยาวจากหัวจรดหางมากกว่า 15 เมตร นับเป็นการค้นพบที่สำคัญ ทำให้คนไทยมีความตื่นตัวเดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งไดโนเสาร์ที่เทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง และรวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นที่ 2 ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 และได้เสด็จพระราชดำเนินพาคณะกรรมการรางวัลนานาชาติสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2551
การพัฒนาแหล่งไดโนเสาร์ภูเวียง
เริ่มตั้งแต่ที่มีการประกาศก่อตั้งอุทยานแห่งชาติภูเวียง ในปี พ.ศ. 2534 นั้น จังหวัดขอนแก่น อำเภอภูเวียง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมทรัพยากรธรณี และหน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วน ได้เล็งเห็นความสำคัญของแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ในอุทยานแห่งชาติภูเวียง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาหลุมขุดค้นไดโนเสาร์ทั้งหมด 4 หลุม ประกอบด้วย หลุมที่ 1 หลุมที่ 2 หลุมที่ 3 และหลุมที่ 9 โดยการสร้างอาคารคลุมหลุมเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับกระดูกไดโนเสาร์ และยังก่อสร้างทางเดินเท้าเชื่อมต่อระหว่างหลุม ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาแล้ว ยังเป็นแหล่งเดินชมธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงอีกด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ในอุทยานแห่งชาติภูเวียง
กำเนิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง
การค้นพบแหล่งไดโนเสาร์บนเทือกเขาภูเวียง ถือเป็นการค้นพบที่สร้างชื่อเสียงให้กับเทือกเขาภูเวียงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอบ่างยิ่งไดโนเสาร์ซอโรพอดสกุลและชนิดใหม่จากภูเวียงที่ชื่อว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรนี ที่ใช่ชื่อภูเวียงเป็นชื่อสกุล และใช้นามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นชื่อชนิดนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง ทำให้หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานมีความเห็นว่าสมควรก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงขึ้น และได้เลือกพื้นที่สาธารณประโยชน์โคกสนามบินเนื้อที่ 100 ไร่เป็นสถานที่ก่อสร้าง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างในส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ทั้งด้วยเนื้อที่ใช้สอย 5,500 ตารางเมตร กรมทรัพยากรธรณีได้รับมอบหมายให้เป็นผู้กำกับดูแล โดยได้ทำการจัดนิทรรศการถาวร และเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2544..โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
องค์ประกอบของพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง มีการจัดองค์ประกอบการดำเนินงานอย่างครบวงจร มีการจัดพื้นที่ดำเนินงานประกอบด้วย ส่วนสำรวจและวิจัย ส่วนอนุรักษ์และทำเทียมชิ้นส่วนตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ ส่วนคลังตัวอย่าง ห้องสมุด ส่วนนิทรรศการถาวร ส่วนบริหารจัดการ และพื้นที่บริการได้แก่ โรงอาหาร ร้านขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม ร้านขายของที่ระลึก และลานจอดรถ รวมถึงห้องประชุมขนาด 140 ที่นั่ง พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรณีวิทยามีการจัดกิจกรรมร่วมกับสถานศึกษาต่างๆ และรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เช่น มูลนิธิด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงมีโอกาสต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
สายพันธุ์ไดโนเสาร์จากภูเวียง
ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรนี หรือ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน
สยามโมซอรัส สุธีธรนี
สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส
กินรีไมมัส ขอนแก่นเอนซิส
คอมพ์ซอกเนธัส
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ภูเวียง
สอบถามรายละเอียดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูเวียง ต.ในเมือง อ. เมือง จ.ขอนแก่น 40150 โทร. 0-4343-8206
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ โปรดทำหนังสือถึง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม .10400 และส่งหนังสือสำเนาถึงพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูเวียง ต.ในเมือง อ. เมือง จ.ขอนแก่น 40150 โทร. 0-4343-8204-6
พิพิธภัณฑ์ฯนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
การเดินทาง
จากตัวเมืองขอนแก่นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ประมาณ 48 กม. จะถึงทางแยกเลี้ยวขวาไป อ.ภูเวียง ท่านจะได้พลกับรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 25 กม. ก็จะพบ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ตั้งอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียง ประมาณ 3 กม.
รถโดยสารประจำทาง
ใช้บริการรถขอนแก่น-อ.ภูเวียง หรือ ขอนแก่น-อ.ศรีบุญเรือง (หนองบัวลำภู) ลงที่สถานีขนส่ง อ.ภูเวียง และจะมีรถรับจ้างท้องถิ่นให้บริการเดินทางไป-กลับ อุทยานฯ ตลอดวัน