Nike MAG รองเท้าจากอนาคต
รองเท้าคู่นี้ก็คือเป็นรองเท้าหนึ่งในไม่กี่คู่ที่สามารถเรียกกระแสความสนใจไปในวงกว้างนอกเหนือไปจากผู้คนในวงการรองเท้าผ้าใบ โดยรองเท้าคู่นี้ถูกนำไปพูดถึงไม่ว่าจะเป็นในวงการภาพยนตร์ กระดานสนทนาเรื่องไอที หรือแม้แต่ข่าวด้านสังคม ความพิเศษของรองเท้าคู่นี้มาจากการที่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นรองเท้าที่มาจากจินตนาการจริงๆ เนื่องจากเป็นการจินตนาการให้เป็นรองเท้าในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง และไม่ได้มีจุดประสงค์แรกเริ่มที่มาจากการออกแบบเพื่อผลิตขายเหมือนรองเท้าคู่อื่นๆ เป็นรองเท้าที่ Sneakerhead หลายๆคนทั่วโลกเฝ้ารอคอย และเรียกร้องให้ทาง Nike ผลิตออกมาวางขายจริงๆมากว่า 20 ปี รองเท้าคู่ที่ว่าก็คือ Nike MAG ที่ในที่สุดทาง Nike ก็ได้ผลิตออกมาจริงๆในปี 2011 นั่นเอง
รองเท้า Nike MAG นั้นเป็นรองเท้าที่ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรกในปี 1989 จากภาพยนตร์เรื่อง Back to The Future II โดยตามเนื้อเรื่องนั้น Marty Mcfly ตัวเอกในเรื่องได้เดินทางข้ามเวลาจากอดีตไปสู่ปี 2015 และสวมใส่รองเท้าคู่นี้ซึ่งทาง Nike ได้รับมอบหมายให้ออกแบบขึ้นมาสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ รองเท้าคู่นี้ตามเนื้อเรื่องนั้นสามารถรัดเชือกรองเท้าได้เองด้วยกลไกภายในตัวรองเท้าทันทีที่สวมใส่
Back To The Future II
Marty Mcfly ขณะกำลังสวมใส่ Nike MAG
ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Back To The Future II น่าจะมีภาพจำอยู่ว่าตัวเอกจะสวมใส่รองเท้าคู่นี้ควบคู่กับ Hoverboard ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับ Skateboard ที่ไม่มีล้อ และสามารถทำให้ตัวผู้ใช้ลอยได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่เด็กๆในสมัยนั้นอยากจะมีเช่นเดียวกับรองเท้า Nike MAG เลย
ฉากที่มีการใช้ Nike MAG คู่กับ Hoverboard
เมื่อเรามองย้อนกลับไปในสมัยนั้น รองเท้าคู่นี้ถือว่าถูกจินตนาการขึ้นมาได้อย่างล้ำสมัยมากๆ เพราะจนปัจจุบัน แม้จะมีการพยายามทดลองพัฒนาให้รองเท้าต้นแบบของ Nike MAG สามารถรัดเชือกได้เอง ก็ยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์แบบเหมือนกับที่ออกแบบไว้ในภาพยนตร์ดังนั้นรองเท้าที่ผลิตออกมาขายจริงนั้นจึงมีความเหมือนกับรองเท้าในหนังเพียงแค่รูปลักษณ์ และระบบไฟบริเวณพื้นรองเท้าเท่านั้น ยังไม่สามารถรัดเชือกได้เองเหมือนในหนัง
สำหรับโปรเจ็คนี้นั้นหลังจากที่ทาง Nike ได้ตัดสินใจที่จะผลิตรองเท้า Nike MAG ออกมาจริงๆ ก็ได้มอบหมายให้ Tinker Hatfield ดีไซเนอร์รองเท้าชื่อดังของทาง Nike เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งมีการเปิดเผยว่า Tinker Hatfield ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาถึง 6 ปี โดยตลอดระยะเวลานั้น ต้องย้อนกลับมาเริ่มต้นทำกันใหม่ถึง 3 รอบเลยทีเดียว
Tinker Hatfield
ก่อนที่ทาง Nike จะเปิดตัวรองเท้าคู่นี้ในปี 2011 ก่อนหน้านั้นเราก็เคยเห็นความพยายามของบุคคลทั่วไปที่พยายามจะพัฒนารองเท้าคู่นี้ขึ้นมาให้ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบไฟ หรือเรื่องระบบที่จะทำให้รองเท้าสามารถผูกเชือกเองได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่ามีผู้ให้ความสนใจ และรอคอยรองเท้าคู่นี้มากขนาดไหน
ความพยายามในการพัฒนาระบบไฟของรองเท้า Nike MAG
อยู่ๆเมื่อเวลาเดินทางมาจนถึงปี 2011 ในที่สุดทาง Nike ก็ได้เริ่มติดต่อสื่อมวลชนสำคัญๆผ่านทางโทรศัพท์ให้เดินทางมาที่ Los Angeles,CA โดยให้เหตุผลว่าทาง Nike กำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย Tinker Hatfield จะเป็นผู้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้ด้วยตัวเอง และเมื่อสื่อมวลชนต่างๆเดินทางมาถึงห้องพักในโรงแรมที่ทาง Nike จัดเตรียมไว้ให้ก็พบว่ามีกล่องลึกลับสีดำที่มีโลโก้ Swoosh ตั้งอยู่ เมื่อลองทำการเปิดดูก็พบว่าภายในกล่องนั้นเป็นแว่นตาเหล็กสีเงินที่ตรงขาแว่นมีคำว่า It’s About Time อยู่ด้วย โดยข้างกล่องนั้นก็มี iPod Shuffle วางอยู่พร้อมกับข้อความข้างในนั้นเป็นเสียงของ Dr. Emmett Brown ผู้ซีงประดิษฐ์เครื่องเดินทางข้ามเวลาจากในหนัง พูดด้วยสำนวนคล้ายๆกับในหนังว่า “Welcome to Los Angeles. If my calculations are correct, over the next 24 hours you are about to see some SERIOUS SH*T!”
แว่นตาเหล็กพร้อมกับคำว่า It’s About Time
เมื่อรวมกับการที่บนโต๊ะในโรงแรมมีลูกอมจากยุคกลาง ’80 และ Pepsi ที่มีฉลากแบบปี 1985 และแผ่นหนังเรื่อง Back to The Future II แล้วทางสื่อมวลชนก็เปลี่ยนจากความสงสัยที่มีมาในตอนแรก กลายเป็นความตื่นเต้นอย่างมากแทน เมื่อได้รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้พบกับอะไร ทาง Nike ได้จัดงานเปิดตัวรองเท้าคู่นี้
สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหนังที่ถูกจัดวางไว้ภายในห้องพัก
และในที่สุดวันที่ 8 กันยายน 2011 ก็มาถึงวันงานเปิดตัว โดยจัดที่ร้าน 21mercer ใน New York ซึ่งคืนก่อนวันงานได้มีการทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยด้วยการนำลังไม้ขนาดใหญ่มาวางไว้ด้านหน้าร้านพร้อมทั้งมีตัวหนังสือกำกับว่าห้ามเปิดจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด และเมื่อถึงเวลา 5 โมงเย็นวันของวันงานทุกคนก็ได้พบว่าภายในนั้นคือ รถ Delorean ซึ่งเป็นสิ่งที่พาพระเอกเดินทางข้ามเวลาได้เหมือนภายในภาพยนต์นั่นเอง เมื่อเข้าไปในงานก็พบว่ามีการตกแต่งบรรยากาศภายในงานด้วยสิ่งของต่างๆจากหนังเรื่อง Back To The Future ไม่ว่าจะเป็นHoverboard รวมไปถึงเสื้อผ้าจากในหนัง ภายในงานวันนั้นมีการจัดการประมูลรอบพิเศษสำหรับรองเท้า Nike MAG ที่มาพร้อมกล่องแบบพิเศษ ซึ่ง Tinie Tempah ศิลปิน Hiphop ชื่อดัง ประมูลไปด้วยราคา $37,500
ลังไม้ที่ถูกนำมาตั้งไว้หน้างานเพื่อเตรียมเปิดตัวเมื่อถึงเวลางานเริ่ม
รถ Dolorean ที่นำมาใช้จัดดิสเพลย์รองเท้าภายในงาน
ตัวรองเท้าที่ทำออกมานั้นจะมามาพร้อมกับกล่องสีเหลืองขนาดใหญ่ที่มีที่ชาร์จติดมาด้วย ภายในมีคู่มือที่มีการแจ้งไว้อย่างชัดเจนว่ารองเท้าคู่นี้ไม่ควรใส่เพื่อการทำกิจกรรมหนักๆเช่นการใส่เล่นกีฬา และห้ามโดนน้ำเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า
Nike MAG Package
คู่มือการใช้งานของรองเท้า
รองเท้าคู่นี้ถูกผลิตออกมาในจำนวนน้อยมากๆเพียงแค่ 1500 คู่ทั่วโลกเท่านั้น และก็เป็นรองเท้าที่ไม่มีราคารีเทลตอนวางขาย เนื่องจากรองเท้าทั้งหมดถูกจำหน่ายด้วยวิธีการประมูล โดยรายได้จากการประมูลรองเท้าคู่นี้นั้นจะเข้าไปสนับสนุน The Michael J. Fox Foundation for Parkinson's disease research ซึ่งเป็นมูลนิธิเพื่อการวิจัย และรักษาโรค Parkinson
สำหรับมูลนิธิ The Michael J. Fox Foundation for Parkinson's disease research นี้นั้นถูกก่อตั้งขึ้น ในปี 2000 โดย Michael J. Fox ผู้ซึ่งแสดงเป็น Marty Mcfly ตัวเอกของเรื่อง Back To The Future นั่นเอง โดยตัวเค้านั้นป่วยเป็นโรค Parkinson นี้อยู่ด้วย จึงมีเจตนาที่จะก่อตั้งมูลนิธินี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เช่นเดียวกัน
Michael J. Fox กับรองเท้า Nike MAG ที่ออกวางขายในปี 2011
วิธีการขายนั้นใช้การประมูลใน Ebay ทั้งหมด โดยเริ่มต้นที่ราคา $0.99 เปิดทำการประมูลเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ต่างจากการคาดการณ์มาก คือ วันแรกของการเปิดประมูลเป็นวันที่มีจำนวนการยื่นประมูลสูงที่สุด และยอดเงินรวมของวันแรกก็สูงที่สุด อีกด้วยนั้นคือ $911,927.34 ส่วนวันที่ยอดรวมน้อยที่สุด คือวันที่ 7 แต่ก็ยังคิดเป็นมูลค่าถึง $488,076.90 นั่นก็เป็นเพราะว่าวันแรกทุกคนยังเกิดอาการกลัวว่าจะไม่ได้รองเท้า เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันจึงผ่อนคลายลง และกลับมาดีดตัวขึ้นในช่วง 2 วันสุดท้าย สรุปรวมทั้งสิบวัน คิดเป็นมูลค่ารวมสูงถึง $5,695,190.53 สำหรับราคาสูงสุดของรองเท้าจาก 10 วันมานี้คือ รองเท้าเบอร์ 10 ที่มีการประมูลในวันแรก คือ $9,959 คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ สามแสนกว่าบาทเลยทีเดียว จริงๆแล้วยอดเงินในการประมูลนั้น น่าจะมากกว่านี้อีกเกือบเท่าตัวหากไม่ได้เป็นการจำกัดว่าจะต้องเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ประมูลได้
ถึงแม้ราคาของรองเท้าคู่นี้นั้นหลายๆคนอาจจะมองว่ามันสูงเกินไปมากๆ เมื่อเทียบกับรองเท้าที่หน้าตาแปลกประหลาด และมีข้อจำกัดในการสวมใส่ใช้งานจริงอยู่มาก แต่สำหรับคนที่รอคอยรองเท้าคู่นี้อยู่นั้นรองเท้าคู่นี้เป็นเหมือนกับการเติมเต็มจินตนาการ และความฝันในวัยเด็กเลยทีเดียว
เครดิต soul4street.net
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก
เบื้องหลัง "หัวปากกา" ชิ้นจิ๋ว ความยากระดับสร้างยานอวกาศ ที่มหาอำนาจหลายชาติยังยอมแพ้
จีนปล่อยคลิป ‘กองทัพหุ่นยนต์’ หลายร้อยตัวขยับพร้อมกัน—ของจริงหรือของปลอม ผู้เชี่ยวชาญแห่จับผิด
เปิดตำนาน "ไซยาไนด์": จากความบังเอิญทางศิลปะ สู่สารพิษพลิกประวัติศาสตร์โลก
ปี 2568…สัญญาณอันตราย? อวสานธุรกิจไทยที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยง — บทเรียนราคาแพงที่ทุกคนต้องรับมือ
จีนพบ ‘รอยเท้าไดโนเสาร์’ อายุ 200 ล้านปีบนหน้าผาเสฉวน—หลักฐานชิ้นโบราณที่เขย่าวงการวิทยาศาสตร์
"มาลี" วอนทั่วโลกรุมประณาม "ไทย" อ้างใช้อาวุธหนักและแก๊สพิษโจมตี "กัมพูชา"..ในขณะที่เขมรไม่ได้โต้กลับ
เผยสถิติการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68
ลองเข้ามาดูเหล่าผู้คนที่ชีวิตช่างดราม่ายิ่งกว่าต้นฉบับละครน้ำเน่าจากซีรี่ย์ซะอีก
7 มัจจุราชเงียบ: เปิดตำนานการวางยาพิษครั้งยิ่งใหญ่ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก
"โดม ปกรณ์ ลัม" ทำถึงม๊าก!..แม่ยกมีเฮ ปฏิทินปีนี้ มีทั้งแซ่บ มีทั้งฮา
คุณป้ามาซื้อยา จำชื่อยาไม่ได้จึงวาดรูปให้เภสัชกรดู ทำให้ชาวเน็ตทึ่ง!
"เกาะผี" เกาะแปลกคล้ายหัวกะโหลกยักษ์ มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ แห่ง จังหวัดกระบี่
ต่างชาติเมินอสังหาไทย ยอดขายวูบ 50% – แต่เชียงใหม่กลับคึก คนจีน-พม่าแห่ปักหลัก
เขมรจัดหนัก ใช้ "โดรนโจมตี" ถล่มแนวหน้า "ช่องอานม้า-ช่องบก" อย่างหนักหน่วง
"มาลี" วอนทั่วโลกรุมประณาม "ไทย" อ้างใช้อาวุธหนักและแก๊สพิษโจมตี "กัมพูชา"..ในขณะที่เขมรไม่ได้โต้กลับ
'น้องฉัตร' ทวงบัลลังก์! บินเดี่ยวเหินฟ้า 'ดูไบ-ซาอุฯ' เสกความปังให้ 'ไบรท์-ฝ้าย'
















