แม่น้ำชี แม่น้ำสายที่ยาวที่สุดกับตำนานเรื่องเล่า
สวัสดีครับ สืบเนื่องมาจากกระทู้เรื่อง "ชื่อแม่น้ำมาจากไหน" https://board.postjung.com/713237.html มีเพื่อนสมาชิกคอมเม้นท์ถามถึงแม่น้ำชี วันนี้ผมเลยขอนำเรื่องของแม่น้ำชี้พร้อมตำนานแม่น้ำชีที่เล่าขานต่อกันมาให้อ่านกันนะครับ
บริเวณที่แม่น้ำชี (ซ้ายบน) มาบรรจบกับแม่น้ำมูล (ซ้ายล่าง) ในเขต จ.อุบลราชธานี (ภาพจาก Google Earth)
ในขณะที่ดินแดนอีสานตอนล่างมีแม่น้ำมูลเป็นแกนหลัก พื้นที่อีสานตอนกลางทางเหนือขึ้นมาก็มีแม่น้ำชีเป็นหัวใจสำคัญบนที่ราบสูงโคราชผืนเดียวกัน
แม่น้ำชีมีต้นกำเนิดจากภูเขาที่ยกตัวเป็นขอบสูงทางทิศตะวันตกของภาคอีสานซึ่งต่อเนื่องจากภูพานทางตอนเหนือลงมา ต้นของแม่น้ำชีคือการรวมกันของลำห้วยเล็กๆ ที่ไหลจากสันปันน้ำของภูเหล่านี้ จนมารวมเป็นห้วยใหญ่ตั้งแต่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวอันเป็นรอยต่อของ จ.ชัยภูมิและเพชรบูรณ์ ไหลไปทางตะวันออก
แม่น้ำชีในส่วนของ จ.มหาสารคาม
โดยมีสาขาหลัก 5 ลำน้ำซึ่งประกอบไปด้วย ลำน้ำพอง ลำน้ำปาว ลำน้ำเซิน ลำน้ำพรมและลำน้ำยัง แม่น้ำชีถือว่าเป็นแม่น้ำที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ไหลผ่านจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร และไหลไปบรรจบกับแม่น้ำมูลที่บ้านวังยาง ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี มีความยาวทั้งสิ้น 765 กม.
ในลุ่มน้ำชีปรากฏลักษณะทางวัฒนธรรมโบราณสำคัญอย่างหนึ่งคือการปักใบเสมาหินมีอายุสมัยตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ราว 3,000 ปีมาแล้วจนเข้าสู่สมัยทวารวดีราว 1,000 ปีมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าการปักใบเสมาเช่นนี้คงมาจากวัฒนธรรมหินตั้งในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เพื่อบอกเขตพิธีกรรม เมื่อพุทธศาสนาเข้ามาจึงปรับเปลี่ยนเป็นหลักบอกเขตพุทธาวาส พบกระจัดกระจายอยู่ในชุมชนโบราณตามลุ่มน้ำชี เช่น บ้านกุดโง้ง บ้านคอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ บ้านโนนเมือง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เมืองฟ้าแดดสงยาง จ.กาฬสินธุ์ และพบในแหล่งโบราณคดีอีกหลายแห่งที่ จ.ร้อยเอ็ดกับ จ.ยโสธร
ใบเสมาหินโบราณ ที่บ้านกุดโง้ง จ.ชัยภูมิ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมใบเสมาที่มีร่วมกันในลุ่มน้ำชีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์-ทวารวดี
ลักษณะดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าผู้คนที่ตั้งถิ่นฐานและเคลื่อนย้ายไปตามลุ่มน้ำชีต่างก็มีวัฒนธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นอย่างน้อย จนหลัง พ.ศ.2300 ลงมา เมื่อมีผู้คนจากสองฝั่งโขงได้ทยอยกันลงมาตั้งถิ่นฐานในลุ่มน้ำชีก็จะเห็นความสัมพันธ์กันจากงานศิลปกรรมแบบล้านช้างพื้นเมืองที่อยู่ในชุมชนตามลำน้ำชีนี้เช่นกัน
ชื่อแม่น้ำ “ชี” หลายท่านเชื่อว่าอาจมีที่มาจากคำว่า เซ ในภาษาไท-ลาวอันแปลว่าลำน้ำ ยังมีที่ใช้เรียกทั่วไปในลุ่มน้ำโขง เช่น เซบั้งไฟ เซกอง เซโปน
หรืออีกนัยหนึ่งคือ คำว่า "ชี" นั้น มาจากภาษาอีสาน(ลาว) ท้องถิ่นแถบลุ่มน้ำชีบริเวณต้นน้ำนั้น คือคำว่า "ซี" ซึ่งหมายถึงการเจาะทะลุเป็นรู โดยลักษณะต้นกำเนิดของน้ำชีนั้นมีสายน้ำที่ไหลผ่านลอดใต้เทือกเขาหินปูน ที่เรียกว่า "ซีดั้น" และไหลทะลุลอดผ่านมาอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขา เรียกว่า "ซีผุด" เป็นเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ในบริเวณต้นกำเนิดสายน้ำชี จึงทำให้เรียกลำน้ำสายนี้ตามลักษณะพิเศษที่ลำน้ำไหลซี(ไหลทะลุ)ลอดผ่านใต้เทือกเขานั้นว่า "ลำน้ำซี" ในภาษาถิ่น หรือ ลำนำชี ในภาษากลาง นั่นเอง
ตำนานแม่น้ำชี
ชื่อของแม่น้ำชี เกิดจากแม่หม้ายคนหนึ่งอยู่กับลูกสาว สามีของนางเสียชีวิตนานแล้ว วันหนึ่งนางไปหาหน่อไม้บนภูเขาซึ่งมีหน่อไม้มาก วันนั้นนางหาหน่อไม้ได้มากกว่าทุกวันนางจึงได้นำหน่อไม้ที่หาได้ไปขายในตลาดกับลูกสาวของนาง ปรากฏว่าหน่อไม้ของนางขายดีได้เงินมาเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อได้เงินจากการขายหน่อไม้นางได้พาลูกสาวของนางไปซื้อเสื้อผ้าซื้อของที่ลูกของนางอยากได้ เมื่อนางและลูกสาวซื้อของเสร็จกำลังจะออกจากร้าน เจ้าของร้านก็ได้บอกนางว่า "ผู้หญิงคนนี้สวยจริง ๆ เลย" ต่อมามีคนพูดว่า "ลูกสาวของป้าสวยอย่างนี้ทำไมไม่ให้เข้าไปอยู่ในวังจะได้สบาย" ต่อมานางจึงพยายาม ส่งลูกสาวเข้าไปอยู่ในวังเมื่อลูกสาวของนางได้ไปอยู่ในวังก็เป็นที่หมายปองของชายทั้งหลาย และได้พบรักกับลูกขุนนาง และตกลงใจแต่งงานกัน โดยไม่บอกมารดาด้วยความเป็นห่วง นางรู้แล้วว่าลูกสาวของนางแต่งงานแต่ไม่บอกนาง นางก็ไม่โกรธและได้เข้ามาหาลูกสาวในวัง เมื่อลูกสาวพบหน้ามารดาก็ทำท่าเหมือนไม่รู้จักซ้ำยังไล่เหมือนกับว่าไม่ใช่แม่ สร้างความเสียใจให้แก่ผู้เป็นแม่มาก นางกลับบ้านด้วยความเสียใจ เมื่อกลับถึงบ้านนางยังคงร้องไห้อยู่ทุกวัน เสียใจกับลูกที่นางรักปานแก้วตาดวงใจ ที่ทำกับนางเช่นนี้แม้ชีวิตก็ยอมสละให้ลูกได้ นางคิดว่าในชีวิตของนางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เพราะคนที่นางรักยังไม่สนใจใยดีนางจึงไปวัดไปหาความสงบในชีวิตที่เหลือน้อยเต็มที ในที่สุดก็ตัดสินใจบวชชี และได้เดินทางไปบนภูเขาซึ่งนางเคยหาหน่อไม้กับลูกสาวของนาง และได้นั่งร้องไห้บนภูเขาจนน้ำตาของนางกลายเป็นสายน้ำที่ไหลอยู่ทุกวันนี้และได้จบชีวิตลง ณ ที่แห่งนั้น ชาวบ้านได้เรียกชื่อแม่น้ำสายนี้ว่า "แม่น้ำชี"
ไม่ว่าแม่น้ำชีจะมีที่มาของชื่อเป็นอย่างไร แต่แม่น้ำสายนี้ก็ได้เอื้อประโยชน์ต่อชุมชนใกล้เคียงมาตลอดนับแต่ถือกำเนิดมา วิถีของชุมชนก็ได้อาศัยลำน้ำแห่งนี้หล่อเลี้ยงชีวิตมาช้านาน ป่าซึ่งมีความสำคัญต่อการกำเนิดแห่งต้นน้ำยังคงถูกรุกรานจากมนุษย์ ดังนั้นจงช่วยกันดูแลผืนป่าให้อยู่คู่กับโลกใบนี้เพื่อดำรงค์ไว้แห่งสายน้ำสืบไป แล้วพบกันใหม่ครับ...mata
เป็นคลิปตัวอย่างที่แสดงให้เห็นตาน้ำที่ผุดขึ้นมา จากตาน้ำเล็กๆ จนเกิดลำน้ำและกลายเป็นแม่น้ำ
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
อ่านเนื้อหาเต็มได้จากแหล่งที่มาด้้านล่างครับ
ขอบคุณภาพจาก
ขอบคุณคลิปจาก
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สื่อนอกอวย ทหารไทยสุดเจ๋ง ไม่ใช่แค่รบ แต่ถล่ม 'เมืองสแกมเมอร์' พังท่อน้ำเลี้ยงโจรได้สิ้นซาก
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
ด่วนช็อกวงการ! CIB บุกรวบ "มนัส บุญจำนงค์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เอี่ยวคดีฉ้อโกง
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
เกษตรกรยุโรป บุก บรัสเซลส์กว่า 10,000 คน รถแทรกเตอร์เพียบ
เตือนภัยสายเนี๊ยบ! ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำ 2 ชนิดหวังสะอาดล้ำ แต่กลับได้ก๊าซพิษทำลายปอดเฉียบพลัน
ด่วนช็อกวงการ! CIB บุกรวบ "มนัส บุญจำนงค์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เอี่ยวคดีฉ้อโกง
CCT: ผู้ชี้เป็นชี้ตๅยของการรบทางอากาศ
