หากดวงจันทร์อันเป็นที่รักต้องจากไป
เนื้อหาโดย mata
สวัสดีครับ วันนี้ต้องขออนุญาตนำบทความเก่ามานำเสนอใหม่ เนื่องจากของเก่าตัวหนังสือเล็กมากจนผู้อ่านหลายคนบ่นว่าอ่านไม่เห็น และอีกประการด้วยกำลังเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ครับ
บทความก่อน ผมได้เขียนเป็นนิทานเรื่อง ดวงจันทร์กับสายน้ำแห่งความรัก ในนิทานเรื่องนี้ได้กล่าวถึงกำเนิดดวงจันทร์ และผลของดวงจันทร์กับปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ที่เขียนให้เป็นนิทานก็เพียงหวังเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจและทำให้จดจำง่ายขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนหรือผู้ปกครองได้อ่านให้บุตรหลานฟังเพื่อความบันเทิงและเป็นความรู้ แต่ในท้ายนิทานเรื่องนั้นทิ้งท้ายว่า ลองถามโลกดูสิว่า......เธอจะอยู่อย่างไรหากไร้ซึ่งดวงจันทร์....และประโยคนี้คือที่มาของบทความที่ท่านจะได้อ่านต่อไป
เชื่อกันว่า ทั้งโลกและดวงจันทร์มีอายุพอๆ กัน คือราว 4,600 ล้านปี มีหลายทฤษฏีเกี่ยวกับกำเนิดดวงจันทร์ ทฤษฎีที่ยอมรับกันมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทฤษฎีการชนครั้งใหญ่ กล่าวว่ามีวัตถุขนาดดาวอังคารโคจรมาชนโลก ในช่วงที่โลกกำลังก่อตัวขึ้นใหม่ ๆ ทำให้เนื้อโลกบางส่วนที่ยังร้อนอยู่กระเด็นออกไป กระจัดกระจายในอวกาศและรวมตัวกันเป็นดวงจันทร์ ในช่วงเวลานั้นเชื่อว่าโลกและดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วมากกว่าในปัจจุบัน แต่ด้วยแรงดึงดูดที่ส่งผลระหว่างกันจึงทำให้การหมุนช้าลงจนเท่าปัจจุบัน อีกทั้งดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลกใช้เวลาเท่ากันเรียกว่าการหมุนแบบสมวาร ทำให้ดวงจันทร์หันหน้าเข้าหาโลกด้านเดียว
เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble) ได้สังเกตเห็นว่า เอกภพกำลังขยายตัวตลอดเวลา เพราะได้เห็นดาราจักร (galaxy) ต่างๆ ที่อยู่ไกลโพ้น เคลื่อนที่หนีจากกันด้วยความเร็วที่เป็นปฏิภาคโดยตรงกับระยะทาง (นั่นคือยิ่งอยู่ไกล ดาราจักรยิ่งมีความเร็วมาก) และนักฟิสิกส์ได้อธิบายสาเหตุที่ทำให้เอกภพขยายตัวว่า มาจากพลังงานที่หลงเหลืออยู่หลังการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ (Big Bang) เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน
เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดำมืดที่สุด ทว่ามีอำนาจทำลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า หลุมดำ (black hole) เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ เนื่องจากหลุมดำไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลย แต่นักดาราศาตร์ก็มีวิธีอื่นในการค้นหา และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดำในจักรวาลแล้วอย่างน้อย 6 แห่ง หลุมดำเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่า เอกภาวะ (singularity) เนื่องจากหลุมดำมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้มิให้หนีออกไปจากหลุมดำได้ แม่แต่แสงก็หนีออกจากหลุมดำไม่ได้
เอกภพมีสสารที่เรารู้จักและเข้าใจดีเพียง 4% เท่านั้นเอง คือมีอีก 22% ที่เป็นสสารมืด (dark matter) ที่ตามองไม่เห็น และอุปกรณ์ต่างๆ ยังตรวจจับไม่ได้ กับอีก 74% ที่เหลือเป็นพลังงานมืด (dark energy) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแรงผลักดัน ซึ่งแรงนี้รุนแรงยิ่งกว่าแรงโน้มถ่วงมาก
จากการขยายตัวของจักรวาลจึงส่งผลให้ดวงดาวมีระยะห่างระหว่างกันมากขึ้น รวมทั้งโลกและดวงจันทร์ด้วย ในทุกๆ ปีดวงจันทร์ห่างโลกด้วยอัตรา 3.8 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งอีก 1 ล้านปีจะเคลื่อนห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร เราทราบดีว่าดวงจันทร์มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดน้ำขึ้นและน้ำลง การที่โลกเราหมุนรอบตัวเองด้วยความเสถียร (ไม่แกว่ง) นั้น ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะเกิดแรงดึงดูดระหว่างกันของโลกและดวงจันทร์ หากดวงจันทร์ห่างออกไปมากจนพ้นแรงดึงดูดของโลก จะส่งผลกระทบกับโลกเราอย่างไรบ้าง
การเกิดน้ำขึ้นน้ำลงคงได้รับผลกระทบโดยตรง หากเกิดภาวะน้ำนิ่ง (ขึ้นและลงระดับน้อยมาก) จะส่งผลต่อวัฏจักรของพืชพันธุ์และสัตว์แค่ไหน หากโลกหมุนแบบไม่เสถียรจะส่งผลต่อสภาพภูมิกาศโลกเพียงใด ฤดูกาลที่คงที่มายาวนานจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ทั้งหมดคงเกิดในอีกหลายรุ่นต่อจากเรา มันคงยังอีกยาวไกลหากดวงจันทร์ค่อยๆ จากไปทีละน้อย แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับดวงจันทร์ที่เป็นผลจากการถูกพุ่งชนของอุกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยดวงโต ดวงจันทร์คงจากเราไปเร็วกว่าที่คาด แล้ววันนั้นเราจะอยู่อย่างไรหากไร้ซึ่งดวงจันทร์
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง และถ้าอ่านประกอบกับนิทานเรื่อง ดวงจันทร์กับสายน้ำแห่งความรัก ก็จะทำให้เสริมความเข้าใจง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านนิทานก็อยากให้อ่านครับ ต่อไปเราคงต้องห่วงใยดวงจันทร์ให้มากกว่านี้ ทุกครั้งที่แหงนมองดูดวงจันทร์คำอธิษฐานที่เคยขอคงต้องเพิ่มอีกข้อ
..……ขอให้ดวงจันทร์ปลอดภัยและอยู่คู่โลกไปแสนนาน……….
เขียนโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพจาก
- พรชัย สังเวียนวงศ์
- http://powerlisting.wikia.com/wiki/Black_Hole_Manipulation
ข้อมูลอ้างอิง
เนื้อหาโดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
52 VOTES (4/5 จาก 13 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อส.เมาก่อเหตุ ยิJในร้านข้าวต้ม พรากชีวิตทั้งพ่อแม่ที่กำลังพาลูกไปเลี้ยงวันเกิด ขณะเกิดเหตุแม่เอาตัวเองบังลูกไว้ ลูกจึงรอดชีวิตเภสัชกรเผย!..อาหารเสริมวิตามิน 3 ชนิดที่คุณควรหยุดกิน!เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เตโอตีวากาน (Teotihuacan) กับตำนาน วันสิ้นโลก เมืองโบราณที่ไม่รู้ใครสร้างจะโดนจับอยู่แล้ว! สาวฝรั่งยังจะขอเอ้าท์ดอร์ให้เสร็จก่อนจะโดนจับ!เวียดนามเปิดตัวรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกในโฮจิมินห์ซิตี้: ความฝันที่รอคอยกว่า 17 ปีมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคร้ายที่มากับเมนูอร่อยเปิดแชทสุดท้าย “วิว ชัชวาลย์” ถึงลูกทุ่งดังให้ดูแลตัวเองให้มากๆเมียวางยาผัวในเครื่องดื่ม หวังได้เงินมรดก 30 ล้าน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลยเหล็กในของแตนกระดาษ: อาวุธอันทรงพลังในการป้องกันตัวอดีตนักบินอวกาศของนาซ่า เห็นวัตถุลึกลับในอากาศ สงสัยเป็นการทดสอบเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูงสุดทึ่ง! ผลงานเรียง LEGO เป็นภาพสามมิติของ Gerardo PontiérrHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ผักที่มีแคลเซียมมากกว่านม 4 เท่า! ค้นพบแหล่งแคลเซียมธรรมชาติที่ขายดีตามตลาดแต่ยังน้อยคนรู้จักเบนซ์วัย 16 นามสกุลดัง พุ่งชนไซต์งาน แต่โชคดีไร้เจ็บอส.เมาก่อเหตุ ยิJในร้านข้าวต้ม พรากชีวิตทั้งพ่อแม่ที่กำลังพาลูกไปเลี้ยงวันเกิด ขณะเกิดเหตุแม่เอาตัวเองบังลูกไว้ ลูกจึงรอดชีวิตสุดทึ่ง! ผลงานเรียง LEGO เป็นภาพสามมิติของ Gerardo Pontiérr