พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note 3 (Galaxy Note III) และ Samsung Galaxy Gear
ภาคต่อของสุดยอด สมาร์ทโฟน เพื่อการขีดเขียน ที่มาพร้อมรูปลักษณ์พรีเมียมสวยหรู บางเบากว่าเดิม และการใช้งานคู่กับนาฬิกาอัจฉริยะ Samsung Galaxy Gear ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Preview Date (16-กันยายน-2556)
เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ทางบริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) ได้เปิดโอกาสให้ทีมงานของเรา และสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้อง ไปสัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ Samsung Galaxy Note 3 (Galaxy Note III) เป็นครั้งแรก โดย Samsung Galaxy Note 3 นั้นเป็นรุ่นต่อยอดที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยความสำเร็จอย่างถล่มทลายของรุ่นก่อนหน้านี้อย่างSamsung Galaxy Note 2 (Galaxy Note II) ดังนั้นความคาดหวังจึงสูงเป็นเงาตามตัว ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันว่า Samsung Galaxy Note 3 จะสร้างความประทับใจในแรกสัมผัสได้มากน้อยขนาดไหน และนอกจากนั้น ภายในวันเดียวกันนี้ ทาง ซัมซุง ก็ได้นำอุปกรณ์เสริมสุดไฮเทคอย่าง Samsung Galaxy Gear มาอวดโฉมด้วยเช่นกัน ซึ่ง Samsung Galaxy Gear ก็คือนาฬิกาอัจฉริยะที่เปิดตัวมาคู่กับ Samsung Galaxy Note 3 ดังนั้น การใช้งานร่วมกันของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ ก็จะมีความสมบูรณ์แบบ และเอื้อประโยชน์ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานได้พอสมควร
ส่วนราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Gear ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยราคาของ Samsung Galaxy Note 3 จะอยู่ที่ 23,500 บาท และราคาของ Samsung Galaxy Gear จะอยู่ที่ 8,900 บาท ซึ่งในส่วนของ Samsung Galaxy Note 3 ก็มีคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นในหลายๆ ส่วน เช่น หน้าจอที่ใหญ่ และละเอียดขึ้น, หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงกว่าเดิม, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่กว่าเดิม, การใช้งาน S Pen Stylus ที่ปรับปรุงใหม่, หน่วยความจำ RAM ขนาดใหญ่กว่าเดิม, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลที่ใหญ่กว่าเดิม, กล้องดิจิตอลที่ละเอียดมากขึ้น รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยหรู และบางเบามากกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy Note 3 ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นจะเป็น Samung Galaxy Note 3 โมเดล N9000 ที่เลือกใช้ชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5420 ซึ่งไม่รองรับการใช้งานเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE และไม่รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามตามมามากมายว่า แล้วการใช้งานจริงจะมีผลมากน้อยขนาดไหน และคุ้มค่าสมกับราคาจำหน่ายที่ 23,500 บาท หรือไม่ รวมไปถึง ผู้ที่ใช้ Samsung Galaxy Note 2 อยู่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงมากพอที่จะอัพเกรดมาใช้ Samsung Galaxy Note 3 หรือไม่อย่างไร ทางทีมงานก็หวังว่าการพรีวิวในวันนี้ก็น่าจะพอใช้เป็นแนวทางได้ในระดับหนึ่ง
คุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy Note 3
รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 3
ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีความกว้างอยู่ที่ 79.2 มิลลิเมตร และมีความสูงอยู่ที่ 151.2 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy Note 2 มาก ส่วนการดีไซน์จะดูมีเหลี่ยมมุมมากกว่าเดิม ลดความโค้งมนลง ให้ความรู้สึกที่ดูเข้มขรึมมากขึ้น โดยที่ด้านหน้านี้จะประกอบไปด้วยลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, Proximity Sensor, Ambient Light Sensor, เลนส์กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, จอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 พิกเซล), ปุ่มฟังก์ชันแบบสัมผัส, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส
ปุ่มแบบสัมผัสทั้ง 2 ปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของหน้าจอนั้นสามารถใช้ปากกา S Pen สัมผัสได้ ซึ่ง Samsung Galaxy Note 2 จะไม่สามารถทำได้
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชในตัว และที่ฝาหลังนี้เองที่เป็นเอกลักษณ์ของ Samsung Galaxy Note 3 เนื่องจากใช้วัสดุแบบหนังเทียม ซึ่งดูสวยหรู และดูเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากกว่าเดิม โดยผู้ใช้สามารถถอดฝาหลังออกมาได้ เพื่อใส่แบตเตอรี่, ซิมการ์ดแบบ microSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 8.3 มิลลิเมตร ซึ่งบางกกว่าเดิมประมาณ 1.1 มิลลิเมตร โดยการออกแบบไซน์บริเวณกรอบด้านข้างของตัวเครื่องนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ขอบของเล่มหนังสือ ที่มีหน้ากระดาษซ้อนกันเป็นชั้นๆ นั่นเอง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมี Infrared Port, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา และช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่อง USB เวอร์ชัน 3.0, ลำโพงเสียงภายนอก และช่องสำหรับเก็บปากกา S Pen Stylus
ช่อง USB เวอร์ชัน 3.0 นี้จะช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น และผู้ใช้ยังคงสามารถนำหัวต่อแบบ microUSB ทั่วๆ ไปมาเชื่อมต่อได้ตามปกติ
น้ำหนักของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 168 กรัม ซึ่งเบากว่า Samsung Galaxy Note 2 อยู่ประมาณ 15 กรัม
ขนาดของตัวเครื่องโดยรวมถือว่าใกล้เคียงๆ กับ Samsung Galaxy Note 2 แต่มีความบางเบากว่าเดิม และจับได้ถนัดมือมากกว่าเนื่องจากวัสดุที่ด้านหลังเป็นหนังเทียม ซึ่งพื้นผิวแบบนี้จะช่วยให้มีการยึดเกาะที่ดีกว่า
ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 3 ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นมีอยู่ 2 สีด้วยกัน คือ สีดำ (Jet Black) และสีขาว (Classic White)
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy Note 2 ก็จะเห็นว่ามีขนาดที่ใกล้เคียงกันมาก แต่หน้าจอของ Samsung Galaxy Note 3 จะใหญ่กว่าเล็กน้อย และดูมีเหลี่ยมมีมุมมากกว่า
วัสดุที่ใช้ทำเป็นฝาหลังนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Samsung Galaxy Note 2 จะใช้วัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต และมีพื้นผิวที่มันลื่น ส่วน Samsung Galaxy Note 3 จะใช้วัสดุแบบหนังเทียม ซึ่งมีพื้นผิวที่ให้สัมผัสที่นุ่มมือมากกว่า
Samsung Galaxy Note 3 บางเฉียบกว่า Samsung Galaxy Note 2 อยู่ราวๆ 1.1 มิลลิเมตร
กรอบด้านข้างของ Samsung Galaxy Note 3 จะมีดีไซน์ที่ดูเรียบหรูมากกว่า
ที่ด้านบนของ Samsung Galaxy Note 3 จะมี Infrared Port เพิ่มเข้ามา
ที่ด้านล่างของ Samsung Galaxy Note 3 จะแตกต่างจากเดิม 2 จุดคือ การเปลี่ยนพอร์ต USB เป็นเวอร์ชัน 3.0 และการนำลำโพงเสียงมาไว้ที่ด้านล่าง เพื่อให้เสียงต่างๆ ถูกเปล่งออกมาได้อย่างเต็มที่
เมื่อถอดปากกา S Pen Stylus ออกมาจากช่องเก็บ สำหรับ Samsung Galaxy Note 2 จะแสดงหน้าต่างของ S Note ขนาดเล็กขึ้นมา แต่สำหรับ Samsung Galaxy Note 3 จะแสดงเป็นวงแหวนคำสั่งที่เรียกว่า Air Command
แนะนำฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy Note 3
Samsung Galaxy Note 3 จะทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.3 หรือ Jelly Bean ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
ใช้งาน User Interface แบบ Touch Wiz Nature UX เวอร์ชัน 2.0
การกดปุ่มที่ด้ามปากกา แล้วจ่อเอาไว้บริเวณใกล้ๆ กับหน้าจอประมาณ 1 วินาที วงแหวน Air Command ก็จะแสดงขึ้นมาให้เห็นโดยอัตโนมัติ ซึ่งฟังก์ชัน Air Command นี้ดูเหมือนจะเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุดของ Samsung Galaxy Note 3 เลยก็ว่าได้
ฟังก์ชันย่อยอย่างแรกของ Air Command ก็คือฟังก์ชัน Action Memo ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งต่างๆ ได้ด้วยลายมือ ซึ่งรองรับทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการโทรออกไปยังหมายเลขใด เราก็สามารถเขียนหมายเลขด้วยปากกา แล้วโทรออกได้ทันที และรวมไปถึงยังสามารถรองรับการบันทึกหมายเลขเอาไว้ในสมุดโทรศัพท์, การส่งข้อความ, การส่งอีเมล, การค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ และการค้นหาสถานที่
สามารถนำตัวเลขที่เขียนไว้มาใช้ในการโทรออกได้ทันที
ฟังก์ชันต่อมาก็คือฟังก์ชัน Scrapbook (สมุดภาพ)
โดยฟังก์ชัน Scrapbook จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถลากล้อมรอบสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้สนใจ แล้วนำมาเก็บรวบรวมไว้ในสมุดบันทึกของตนเองได้
ยกตัวอย่างเช่น หากเราสนใจผลการค้นหาของคำว่า Galaxy Note 3 ก็ให้เราใช้ปากกาลากเส้นไปรอบๆ ข้อมูลของผลการค้นหาดังกล่าวก็จะถูกเก็บบันทึกเอาไว้ใน Scrapbook ของเราได้อย่างง่ายดาย
ฟังก์ชันถัดมาก็คือฟังก์ชัน Screen White (เขียนบนหน้าจอ)
โดยฟังก์ชัน Screen Write จะทำงานด้วยการจับภาพหน้าจอปัจจุบันที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ หลังจากนั้น ผู้ใช้ก็สามารถขีดเขียนจดบันทึกเพิ่มเติมด้วยปากกาได้ตามใจชอบบนรูปภาพนี้นั่นเอง
ฟังก์ชันต่อมาก็คือฟังก์ชัน S Finder
ซึ่งฟังก์ชัน S Finder ก็คือฟังก์ชันที่เอาไว้สำหรับการค้นหาข้อมูลที่อยู่ภายในตัวเครื่อง ด้วยรูปแบบของการค้นหาแบบต่างๆ ที่หลากหลาย
ฟังก์ชันสุดท้ายของ Action Memo ก็คือฟังก์ชัน Pen Window
โดยการใช้งานฟังก์ชัน Pen Window ก็ง่ายๆ เพียงแค่ลากปากกาเป็นกรอบสีเหลี่ยมขนาดใดก็ได้
จากนั้น ก็จะปรากฏเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์หลายๆ แอพพลิเคชั่น
โดยจุดเด่นของ Pen Windows ก็คือ การอนุญาตให้มีหน้าต่างขนาดเล็ก ของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้สูงสุดถึง 8 หน้าต่าง และสิ่งที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่นหน้า Home Screen ก็ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ
กล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy Note 3 นั้นจะประกอบไปด้วยโหมดการถ่ายภาพรูปแบบต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โหมดอัตโนมัติ, หน้าสวย, รูปภาพที่ดีที่สุด, ใบหน้าที่ดีที่สุด, การถ่ายภาพพร้อมเสียง, ดราม่า, รูปภาพเคลื่อนไหว, กอล์ฟ, ริชโทน (HDR), ยางลบ, ภาพแนวกว้าง, ภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา และกีฬา
สามารถเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงผลเมนูได้ 2 รูปแบบ คือแบบตารางกริด 2 มิติ และแบบกรอบสไลด์ 3 มิติ
โหมดกอล์ฟ ซึ่งเป็นโหมดการถ่ายภาพแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งจะช่วยถ่ายภาพวงสวิง และคำนวณค่าต่างๆ ให้ เช่น ความเร็วของวงสวิง ดังนั้นโหมดนี้ก็จะเหมาะกับนักกอล์ฟเป็นพิเศษ
โหมดถ่ายภาพแบบรอบทิศทาง (Surround Shot) ซึ่งรองรับการถ่ายภาพแบบ 360 องศา กล่าวคือถ่ายได้ทุกทิศทุกทางภายในภาพเดียวกัน
การถ่ายภาพแบบ Dual Camera มีฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ ฟังก์ชัน Glue ซึ่งช่วยให้สามารถยึดกรอบของภาพจากกล้องหน้า เอาไว้ ณ ตำแหน่งใดๆ ก็ได้ คล้ายกับการติดกาวเอาไว้นั่นอง และสำหรับการใช้งาน Dual Camera นี้ นอกจากกรอบรูปแบบมาตรฐานที่แอพพลิเคชั่นมีมาให้แล้ว เราก็ยังสามารถวาดกรอบในรูปแบบของตัวเองได้อีกด้วย
ฟังก์ชัน Easy Chart จะช่วยให้เราสามารถสร้างกราฟ หรือแผนภูมิในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทั้งตารางแบบปกติ ไปจนถึงกราฟแท่ง และกราฟวงกลม รวมถึงยังสามารถแก้ไขตัวเลขบนแท่งกราฟได้อย่างง่ายดาย ด้วยการป้อนค่าจากปากกา S Pen Stylus
สามารถกดเปลี่ยนเป็นกราฟแบบวงกลม (Pie Chart) ได้ทันที
ฟังก์ชัน Easy Clip จะช่วยให้เราสามารถตัดภาพต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องใช้ปากกาลากเส้นให้เสียเวลา พร้อมทั้งสามารถเลือกส่วนที่ต้องการเพิ่ม หรือส่วนที่ต้องการลบออกในภายหลังได้อีกด้วย ซึ่งหลักการก็จะคล้ายกับโปรแกรม Photoshop ในเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง
แน่นอนว่า Samsung Galaxy Note 3 ก็จะมาพร้อมกับฟังก์ชัน Multi Window เช่นเดิม แต่คราวนี้มีความพิเศษเพิ่มเข้ามาคือ เราสามารถลากข้อความ หรือลากรูปข้ามไปข้ามมาระหว่างหน้าต่าง 2 หน้าต่างได้ ยกตัวอย่างเช่นในแอพพลิเคชั่น ChatON หากเราต้องการนำรูปภาพจากเพื่อนในหน้าต่างบน มาให้กับเพื่อนในหน้าต่างล่าง เราก็สามารถลากลงมาได้ทันที เป็นต้น
ในขณะที่อยู่บนหน้า Home Screen หากเราสไลด์หน้าจอจากด้านล่าง ขึ้นไปด้านบน ก็จะเป็นการเข้าสู่แอพพลิเคชั่น My Magazine
อีกฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือ การปลดล็อคหน้าจอด้วยการเขียน หรือเซ็นชื่อด้วยปากกา S Pen Stylus
แอพพลิเคชั่น Group Play ยังคงสามารถแชร์เพลง, แชร์รูปภาพ, แชร์เอกสาร และเล่นเกมส์พร้อมกันได้หลายๆ เครื่องเช่นเคย แต่ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือสามารถแชร์คลิปวีดีโอได้ด้วย
นอกจากจะเปิดดูคลิปวีดีโอพร้อมๆ กันหลายเครื่องได้แล้ว หากนำเครื่องมาเรียงต่อกัน ก็จะกลายเป็นจอภาพขนาดใหญ่ได้ในพริบตาดังภาพ
สำหรับการโทรเข้า, การแจ้งเตือน, กล้องถ่ายรูป และการเล่นเพลง เราสามารถควบคุมด้วยเสียงได้
สำหรับการขีดๆ เขียนๆ นอกจากจะมีแอพพลิเคชั่น S Note ให้ใช้ตามปกติแล้ว ก็ยังมีแอพพลิเคชั่นตัวเด็ดอย่าง Sketchbook Pro ติดตั้งมาใช้งานกันแบบฟรีๆ อีกด้วย ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้ถือว่าเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการวาดรูปที่ดีที่สุดแอพพลิเคชั่นหนึ่งเลยทีเดียว
อีกสุดยอดแอพพลิเคชั่นที่ถูกผนวกเข้ามากับ Samsung Galaxy Note 3 ก็คือแอพพลิเคชั่น Evernote ซึ่งรองรับการซิงค์ข้อมูลการบันทึกต่างอๆ ระหว่างอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา หรือหากจะนำกลับมาแก้ไขใหม่ก็สะดวกง่ายดาย
แอพพลิเคชั่นบันทึกเสียงโดยทั่วไป จะสามารถบันทึกเสียงได้จากไมโครโฟนเพียงแค่ตัวเดียว แต่สำหรับ Samsung Galaxy Note 3 สามารถใช้ไมโครโฟนเพื่อการบันทึกเสียงได้พร้อมๆ กันถึง 2 ตัว ดังนั้นเสียงการสนทนาระหว่างผู้สัมภาษณ์ และผู้ถูกสัมภาษณ์ก็จะมีความชัดเจนไม่แพ้กัน
ทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมของ Samsung Galaxy Note 3
ทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอพพลิเคชั่น AnTuTu Benchmark โดยเลือกการทดสอบในทุกส่วน ทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้, ซีพียู, แรม, จีพียู และอินพุต-เอาต์พุต
ผลการทดสอบที่ได้ก็คือ 34,564 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุด
ตรวจสอบคุณสมบัติโดยรวมของตัวเครื่องกันอีกสักรอบ
คุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy Gear
|